บทส่งท้าย 26 เสี่ยวไป๋ดูดวง เป่าและเจ้าอ้วนจอมเซ่อ
อวิ๋นจื่อซีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มมองหลานสะใภ้ที่ชะงักงันอย่างเห็นได้ชัด “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คิดว่าดีหรือไม่จ๊ะ”
เยี่ยนอวี๋มองกลับไปที่ท่านย่าของสามี เมื่อเห็นรอยยิ้มของท่านย่า ย่อมรู้ว่าท่านย่าที่ยังสาวท่านนี้กำลังแซวนาง แล้วนางก็คิดถึงประโยคหนึ่งว่า ‘ใช้แซ่ของข้า ใช้ชื่อของเจ้า’
หรง เยี่ยน
สามีตั้งชื่อให้เด็กน้อยโดยใช้แซ่ของเขาไว้ข้างหน้าแซ่ของนางทำให้นางที่เดิมทีไม่ได้สนใจเรื่องชื่อจริงของเด็กน้อยจู่ๆ ก็รู้สึกว่า “ดีมากเจ้าค่ะ”
อวิ๋นจื่อซียิ้มกว้าง นางยังหันไปเรียกเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังเล่นกับเจ้าเหมียวสีขาวว่า “หรงเยี่ยน เสี่ยวเยี่ยนเยี่ยน มาหาย่าทวดเร็ว…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินเสียงเรียก เขาหันกลับไปมองผู้ใหญ่กลุ่มนี้ แต่กลับไม่ได้ขยับตัว ดวงตากลมโตของเขายังปรากฎแววสงสัย “ย่า ทวด เรียก ผิด”
อวิ๋นจื่อซียิ้มถามว่า “ผิดอย่างไรหรือจ๊ะ”
“เป่า ชื่อ เป่า เสียว เป่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าแก้คำผิดให้อย่างจริงจัง
อวิ๋นจื่อซีเอ็นดูท่าทางน่ารักน่าชังของเจ้าตัวน้อยเป็นพิเศษ นางโถมตัวเข้าหาเจ้าตัวน้อยกอดเขาไว้ทันที และยังจุ๊บทีหนึ่ง
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่คิดว่าย่าทวดของเขาจะเปลี่ยนอิริยาบถเร็วเช่นนี้ เมื่อครู่นี้ยังพูดอยู่เลย ครานี้โถมเข้ามาจูบเขาแล้ว ทำเอาเขาเคอะเขิน
อวิ๋นจื่อซีที่เห็นท่าทางเขินอายของเหลนชาย นางก็ยิ่งหลงรัก “โอ๊ย เป่าของย่าทวด น่ารักเสียจริงๆ”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างเห็นด้วย “เรียก เป่า”
“จ้ะๆๆ เรียกเป่า เป่าในดวงใจ” อวิ๋นจื่อชียอมหมด
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พอใจแล้วหัวเราะฮี่ๆ และยังกอดย่าทวดเขาไว้ “รัก ย่าทวด…”
อวิ๋นจื่อซีถูกอ้อนจนหลงทิศไปหมดแล้ว หัวใจของนางละลายกองบนตัวของเจ้าตัวน้อย ทำให้นางลืมไปแล้วว่าเดิมทีนางจะเข้ามาพูดเรื่องชื่อจริงของเหลนชายน้อย
แม้เยี่ยเชียนหลีจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้เข้าไป ‘แย่ง’ เพียงแค่กุมมือของลูกสะใภ้ไว้ ถามด้วยสายตาจริงจังว่า “ชอบหรือไม่จ๊ะ”
“ชอบเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ชื่อดีมากเลยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าไปบอกท่านแม่เจ้านะ พวกเจ้าสองคนไม่ได้คุยกันดีๆ หลายวันแล้ว แม่ไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” เยี่ยเชียนหลีพูดเสร็จก็ลากฝ่าบาทของนางออกไป ไม่ปล่อยให้เยี่ยนอวี๋มีโอกาสได้ปริปากเลย
ส่วนหรงหวงเจ้าบ้านท่านนี้ เขาพาภรรยาของตนเองพร้อมอุ้มเด็กน้อยไปแล้ว “ไปดูดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับผีผี”
“ใช่ๆ เรื่องของผีผียังไม่เรียบร้อยเลย” อวิ๋นจื่อซีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสตรีที่ผีผีจะสู่ขอเหมือนกับว่าจะไม่ชอบผีผี นางต้องไปช่วยหน่อยแล้ว
“พ่อ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าอยากจะอยู่กับพ่อแม่
แต่เดิมอวิ๋นจื่อซีไม่ยอมปล่อย แต่หรงหวง ‘ดึง’ เจ้าตัวน้อยออกมาจากอ้อมอกของนาง ทว่าครานี้หาได้ยากมากที่เขาจะไม่ทิ้งเด็กน้อย แต่กลับอุ้มขึ้นมาเอง “ปู่ทวดพาเจ้าไปหาปู่น้อยเจ้า”
“ปู่ น้อย?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปหมด ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปหาท่านพ่อท่านแม่แล้ว เขากำลังมองปู่ทวดหวงของเขา
หรงหวงพยักหน้าพลางจูงมือภรรยาเดินออกจากห้อง ให้พื้นที่สองสามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ทำเอาหรงอี้รู้สึกประหลาดใจอย่างไม่คาดฝัน
เยี่ยนอวี๋เห็นสีหน้าเขาแปลกๆ หลังจากท่านปู่ทวดและย่าทวดพาเด็กน้อยออกไปแล้ว นางจึงถามขึ้นว่า “สามีเป็นอะไรไป”
หรงอี้ที่โอบนางเข้ามากล่าวทอดถอนใจว่า “แค่คิดไม่ถึงน่ะ ท่านปู่หวงอุตส่าห์ช่วยดูแลเสี่ยวเป่าให้ข้า เมื่อครู่นี้ข้าเตรียมจะรับตัวเสี่ยวเป่าไว้แล้วเชียว”
เยี่ยนอวี๋ “?”
นางบอกได้หรือไม่ว่านางไม่เข้าใจ
นางเห็นท่านปู่หวงชอบเสี่ยวเป่ามากเลยนี่ เหตุใดสามีจึงใช้คำว่า ‘อุตส่าห์’ หรือว่ามีความลับอะไรในนี้ที่นางไม่รู้หรือ
หรงอี้ที่สบตาที่กำลังแสดงความสงสัยของนางก็อดยิ้มไม่ได้ “แม้ปู่หวงจะชอบเด็กจริงๆ แต่เขาชอบอยู่กับท่านย่าซีสองคนมากกว่า ตอนที่ข้าเป็นเด็กหากไม่ใช่เพราะข้าเข้าหาเขาก่อน เขาก็คงไม่อยากสนใจข้า”
“…เช่นนี้หรือ” อันที่จริงเยี่ยนอวี๋ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี แต่นางดูออกว่าท่านปู่หวงและท่านย่าซีรักกันมาก จึงอยู่ด้วยกันมานานเช่นนี้ ดูไม่เบื่อกันเลย
หรงอี้ที่เหมือนกับอ่านความในใจของนางออกเลิกคิ้วทันที “หากเป็นเรา เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะเบื่อข้าหรือไม่”โนเวลพีดีเอฟ
หรงอี้ถามขึ้นอย่างกะทันหัน เยี่ยนอวี๋ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่ครานี้เมื่อได้ยิน นางก็ส่ายศีรษะด้วยสัญชาติญาณ มือของนางยกขึ้นมาประคองใบหน้าของสามีไว้ “ไม่เบื่อ”
ดวงตาสีม่วงของหรงอี้เผยรอยยิ้มเป็นประกาย เขาเชิดคางของภรรยาขึ้นและจูบริมฝีปากอันงดงามนั้น และยังเผยอริมฝีปากนั้นออกก่อนจะค่อยๆ สอดลิ้นเข้าไปและจูบอย่างดูดดื่ม…
ผ่านไปครู่หนึ่ง หรงอี้ที่ถอนจูบพูดเสียงเบาว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หวานจริงๆ” คนหวาน ปากหวาน คำพูดก็หวาน ทำเอาเขาหลงใหลในความหวานชื่น
“สามีก็หวาน” เยี่ยนอวี๋ที่ยังหอบเล็กน้อย ขณะที่นางพูดยังจูบริมฝีปากที่อยู่ใกล้ๆ เบาๆ “สามี…”
หรงอี้หยุดหายใจครู่หนึ่งก่อนจะจูบตอบปากสีแดงที่ประชิดเข้ามา แขนที่โอบเอวภรรยาไว้ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิมจนมิอาจควบคุมได้
แต่ว่า… หรงอี้ที่จูบภรรยาเสร็จอีกครั้งก็จำเป็นต้องกอดภรรยาเข้ามาในอ้อมอก และยังมุดใบหน้าเข้าไปในซอกคอของภรรยา เพื่อให้ตนเองสงบอารมณ์ลง
ถึงอย่างไร… เขาก็ยังมีเรื่องต้องคุย เขาอยากถามว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ซี๊ด…”
หรงอี้ที่เดิมทีจะถามเรื่องสุขภาพของเยี่ยนอวี๋ บัดนี้ถามไม่ออกแล้ว เพราะว่าเจ้าปลาน้อยตัวหนึ่งกัดท้ายทอยของเขา
หรงอี้ “…”
เขากลั้นไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
เจ้าปลาน้อยตัวนี้ของเขาช่างซุกซนจริงๆ
หรงต้าซือมิ่งที่ไม่ทนอีกต่อไปอุ้มภรรยาที่ยั่วยวนเขาหลายครั้งเดินเข้าไปในห้องและยังปิดประตูและหน้าต่างด้านนอกอย่างหนาแน่น
…
เด็กน้อยที่ถูกหรงหวงอุ้มไป หลังจากเดินไปไกลก็เพิ่งนึกถึงพ่อแม่ แต่เขาก็พบว่าท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ตามมาด้วยจึงถามขึ้นว่า “พ่อ แม่ล่ะขอรับ”
“อยู่กับปู่ทวดไม่ดีหรือ” หรงหวงย้อนถาม
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับลูกผมบนศีรษะเบาครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “ดีน่ะ ดี แต่ คิดถึงพ่อ”
หรงหวงหัวเราะ “ท่านพ่อเจ้าไม่อยากเห็นเจ้าตอนนี้หรอก”
“ไม่จริง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโต้กลับทันที “พ่อ รักเป่า”
หรงหวงไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ แต่เปลี่ยนเรื่องถามว่า “หรงเยี่ยนชื่อนี้ เจ้าไม่ชอบหรือ”
“อะไรนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนหัวข้อเร็วเช่นนี้ เขายังตามไม่ทัน
หรงหวงจึงถามอีกครั้งอย่างใจเย็น เจ้าตัวน้อยจึงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “แล้ว เป่า ไม่ดีหรือขอรับ”
“นั่นมันชื่อเล่น”
“เป่าชอบ…”
“ก็เลยไม่ได้แก้ ชื่อเล่นชื่อเสี่ยวเป่าเหมือนเดิม ชื่อจริงคือหรงเยี่ยน เจ้าจำไว้ก็พอ” หรงหวงไม่ได้พยายามคุยกับเหลนว่าเขาชอบชื่อนี้หรือคิดอย่างไรกับชื่อนี้อีกต่อไป
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับสับสน “ทำไม” มีชื่อเล่นแล้วยังต้องมีชื่อจริง ชื่อเสี่ยวเป่าไม่ดีหรือ หรง เยี่ยน เรียกยากจะตาย
“…หรง …เยี่ยน” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พยายามพูดอยู่นานกว่าจะพูดได้ถูกต้อง เขาจับใบหน้าอวบอ้วนน้อยๆของตน “ชอบ เป่า ไม่เอา ชื่อนี้”
หรงหวง “…”
เขาที่พูดไม่ออกคิดไม่ถึงว่าเหลนชายน้อยเซ่อซ่าคนนี้จะมีจุดยืนของตนเองเช่นนี้ ยังต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
พรวด อวิ๋นจื่อซีที่ฟังเงียบๆ ถึงตรงนี้หลุดหัวเราะออกมา มือข้างหนึ่งยังหยิกแก้มนุ่มนิ่มของเหลนชาย “เช่นนั้นรอเสี่ยวเป่าโตแล้ว เราค่อยใช้ชื่อจริง ตอนนี้เสี่ยวเป่าของเรายังเล็ก ใช้ชื่อเล่นไปก่อน ดีหรือไม่”
“ก็ล่าย…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายินยอมอย่างไม่เต็มใจนัก
อวิ๋นจื่อซีขบขัน “ไม่เต็มใจเช่นนี้เลยหรือ”
“เปล่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่ายศีรษะปฏิเสธ ร่างน้อยๆ กลับพิงแผ่นอกของปู่ทวดหวงอย่างอ่อนแรง ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี
อวิ๋นจื่อซีประหลาดใจ “เป็นอะไรหรือจ๊ะ” หรือว่าไม่ชอบชื่อนี้มากจริงๆ
“ก็ โตขึ้น ก็ไม่ใช่ เป่าแล้ว…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เช่นนั้นเป่าจะโตดีหรือไม่ ไม่โตไม่มีผม โตแล้วก็ไม่ใช่เป่า
“เฮ้อ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถอนหายใจจริงจังถูไถแผ่นอกของปู่ปวดหวงของเขาสองสามทีอย่างกลัดกลุ้ม “เป่า อยากโต แล้วยังเป็นเป่า”
อวิ๋นจื่อซีเข้าใจในครานี้ นางจับสามีนางไว้ให้หยุดเดินและอธิบายกับเด็กน้อยว่า “เสี่ยวเป่าห้ามคิดเช่นนี้นะ แม้เสี่ยวเป่าจะโตแล้วก็ยังคงเป็นเป่าในดวงใจของเรา เสี่ยวเป่าตลอดไป
ส่วน ‘หรงเยี่ยน’ ชื่อจริงของเจ้า อันที่จริงความหายของมันคือ เจ้าเป็นส่วนผสมของท่านพ่อและท่านแม่เจ้า เจ้าฟังนะ ท่านพ่อเจ้าชื่อหรงอี้ ท่านแม่เจ้าชื่อเยี่ยนอวี๋ เจ้าชื่อหรงเยี่ยน ก็คือการรวมคำว่าหรงและเยี่ยนไว้ด้วยกัน”
“แบบนี้หรือ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เข้าใจแล้วกะพริบตา ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่น้อย
อวิ๋นจื่อซีพยักหน้าจริงจัง “แน่นอน ชื่อเล่นชื่อจริงใช้พร้อมกันได้ อย่างย่าทวดปู่ทวดพวกเราและญาติสนิทก็จะเรียกเสี่ยวเป่าตลอดไปนะ นอกเสียจากว่าเสี่ยวเป่าไม่ให้พวกเราเรียกเช่นนี้”
“ไม่มีทาง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบ เป่าชอบชื่อ ‘เสี่ยวเป่า’ ที่สุดเลย
อวิ๋นจื่อซีหัวเราะ “ดีแล้ว จากนี้ไปหากเสี่ยวเป่าไม่ให้ย่าทวดเรียกชื่อนี้ ย่าทวดจะโมโหนะ”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามีความสุข เขากำลังจะเริ่มเล่นกับเจ้าเหมียวสีขาวต่อ
ทว่าเจ้าเหมียวสีขาวในครานี้กลับกระโดดไปบนมือของอวิ๋นจื่อซี “เหมียว” ซีซีน้อยจ๋า
อวิ๋นจื่อซีที่ยื่นมือไปลูบเจ้าเหมียวสีขาวรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย แต่นางก็ลูบอย่างอ่อนโยน “ต่อไปอย่าทำให้ข้าตกใจเหมือนก่อนหน้านี้อีก เสี่ยวเป่าต้องให้เจ้าช่วยดูแล ต่อไปลูกของเสี่ยวเป่าก็ยังต้องเล่นกับเจ้า”
“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวชูอุ้งเท้าขึ้นบอกว่า สบายมาก แต่ว่า…
เจ้าเหมียวสีขาวที่จับใบหน้าของตนเอง มันคุยกับอวิ๋นจื่อซีอย่างจริงจังขึ้นมา “เหมียวๆๆ เหมียวๆๆ…” เสี่ยวจีจื่อจะมาหรือไม่ แล้วก็ครั้งนี้เจ้าเหมียวของเสี่ยวจีจื่อจะกลับมาหรือไม่
เจ้าเหมียวสีขาวที่ถาม ‘เหมียวๆๆ’ ไม่หยุด ทำเอาอวิ๋นจื่อซีฟังจนปวดศีรษะ “ภาษาแมวของเจ้าข้าฟังไม่รู้เรื่อง” ผ่านมาหลายปีเช่นนี้แล้ว การสื่อสารยังคงเป็นอุปสรรค
เจ้าเหมียวสีขาวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะใช้อุ้งมือทำท่าโบกพัด
อวิ๋นจื่อซีจึงเข้าใจทันที “เจ้าอยากเจอฝูเหอหรือ”
“เหมียวๆๆ” เจ้าเหมียวสีขาวพยักหน้าไม่หยุด และคิดว่าถึงอย่างไรเสี่ยวจีจื่อมา เจ้าเหมียวตัวเมียก็ต้องมาด้วย มันจะได้ไม่ต้องถามถึงอีก
อวิ๋นจื่อซีกลับขมวดคิ้ว “เจ้าหาเขาทำไมหรือ”
“อาจจะอยากดูดวง” หรงหวงตอบ
อวิ๋นจื่อซี “?”
แมวตัวหนึ่งหาฝูเหอดูดวง…
ภาพแบบนั้นคิดอย่างไรก็แปลก ทว่า…
“เหมียวๆๆ” เจ้าเหมียวสีขาวพยักหน้าไม่หยุดอีกครั้ง
อวิ๋นจื่อซีหมดหนทาง “เจ้าจะดูดวงทำไม เดี๋ยวนะ”
อวิ๋นจื่อซีที่จู่ๆ คิดถึงปัญหาของเจ้าเหมียวสีขาว สีหน้านางจริงจังขึ้นมา “ปัญหาสุขภาพของเจ้ายังไม่หายหรือ”
เจ้าเหมียวสีขาวส่ายศีรษะและร้อง ‘เหมียวๆๆ’ บอกว่า ข้าแค่อยากให้เขาดูว่าข้าจะตายอีกหรือไม่ จะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่ แล้วก็เหตุใดข้าจึงตายได้
ภาษาแมวทั้งหมดนี้ อวิ๋นจื่อซีย่อมไม่เข้าใจ แต่นางก็สงบลงและเงยหน้ามองไปที่สามีของนาง “หวงหวง เจ้าเหมียวสีขาวจะตายได้อีกหรือไม่”
“ไม่รู้” หรงหวงพูดความจริง เพราะไม่กล้าโกหกภรรยา
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับคิดในแง่ดี “ไม่กลัว มี เป่า และพ่อ ปู่ทวด และปู่น้อย คน เยอะ” ช่วยเสี่ยวไป๋ได้
อวิ๋นจื่อซีกลับคิดได้ว่าที่เสี่ยวไป๋สามารถฟื้นฟูได้ดังเดิมในตอนสุดท้าย ไม่ได้พึ่งเพียงเลือดของสายเลือดตระกูลหรง แต่ยังมีพลังชีวิตผู้สร้างของหลานสะใภ้ช่วยไว้
แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว หรงหวงมีวิธี “ถึงครานั้นหากต้องการจริงๆ ให้อี้เอ๋อร์ไปสร้างอีกหนึ่งก็ได้”
อวิ๋นจื่อซีเพิ่งจำคุณลักษณะของหลานเสือดาวน้อยได้ นางยิ้ม “ก็จริง ข้ากระต่ายตื่นตูมไปเอง”
“อืม อย่าคิดมากเลย” หรงหวงจูงภรรยาเดินทอดน่องในสำนักชางอู๋ต่อไป ไม่ได้รีบไปหาผีผี นั่นเป็นแค่ข้ออ้าง
อวิ๋นจื่อซีจึงแตะศีรษะของเจ้าเหสียวสีขาวเบาๆ “ปัญหาของเจ้าแม้แต่หวงหวงก็ยังไม่เข้าใจ เจ้ายังหวังให้ฝูเหอดูดวงให้เจ้า ข้าว่าเจ้าคงอยากจะเจอแมวตัวเมียของเขามากกว่าสินะ”
“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวไม่เขินแม้แต่น้อย มันบอกว่าหลานเจ้าแต่งงานแล้ว ข้าช่วยดูแลลูกให้เจ้ามานานเช่นนี้ ยังเป็นแมวโสดอยู่เลย คิดถึงแมวตัวเมียมันผิดด้วยหรือ
อวิ๋นจื่อซีเดาความคิดในใจของเจ้าเหมียวสีขาวได้ นางพยักหน้า “วางใจเถอะ ข้าจะช่วยพูดให้เจ้าเอง ดูซิว่าแมวของเสี่ยวจีจื่อมีความคิดเช่นนี้หรือไม่”
“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวกระโดดขึ้นไหล่ของอวิ๋นจื่อซีทันที มันใช้อุ้งมือกอดนางไว้แน่น “เหมียวๆๆ” เสี่ยวซีซีดีที่สุดเลย
อวิ๋นจื่อซีตบเจ้าเหมียวตัวนี้ที่อยู่บนไหล่เบาๆ “ขอบใจมากสำหรับหลายปีที่ผ่านมานะ เสี่ยวไป๋”
“เหมียวๆๆ…” เจ้าเหมียวสีขาวเตรียมจะประจบประแจง
ทว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าสั่นสะเทือนอีกครั้งและครั้งนี้ไม่เบาด้วย ทำเอาทวยเทพทั้งปวงวางงานในมือลง
หรงหวงตบก้นของเด็กน้อยเบาๆ “ดูบนฟ้าสิ ปู่น้อยหลงของเจ้ามาแล้ว”
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่มองท้องฟ้าก็เห็นมังกรตัวสีดำตัวใหญ่มากที่เขาเคยคิดก่อนหน้านี้ตามคาด
ใหญ่จนเด็กน้อยเบิกตาทั้งคู่กว้าง มองมังกรดำตัวใหญ่ที่อยู่ในความจริง ไม่ใช่ความฝัน
ส่วนหลงตี้ มันก็กำลังมองเด็กน้อยเช่นกัน ดวงตาขนาดใหญ่ของมันเปล่งประกายแสงอันอบอุ่นและอ่อนโยนออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
ซู่
จู่ๆ หลงตี้ก็โยนลำแสงสีทองก้อนหนึ่งให้เด็กน้อย
จากนั้น…
มังกรทองตัวน้อยอวบอ้วนตัวหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหน้าเด็กน้อย
“อ้ะเนะ?” เด็กน้อยชะงักงัน
มังกรทองตัวน้อยก็ชะงักเล็กน้อย แต่มันโถมใส่เจ้าตัวน้อยน้ำตาไหลพรากทันที “โอ๊ย…” เสี่ยวอี้เอ๋อร์ เหตุใดเสี่ยวอี้เอ๋อร์จึงตัวหดเล็กลงเช่นนี้เล่า ตอนที่เขาออกไปไม่ใช่ว่าโตมากแล้วหรือ? คงไม่ใช่เพราะหิวจนผอมโซหรอกนะ