แสงสีทองจางๆ ราวกับผ้าไหมสีทองพันรอบนิ้วมืออันเรียวงามของเยี่ยนจื่ออวี๋ กลายเป็นเส้นลำแสงราวกับสัญลักษณ์ซ่อนความลึกลับ
ท้องฟ้าที่แต่เดิมมืดมนก็ปรากฏแสงสว่างเล็ดลอด ในขณะที่เส้นลำแสงเหล่านี้ก่อตัว และถูกนำลงมายัง ‘โลกมนุษย์’ รวมตัวกันบริเวณมือของเยี่ยนอวี๋
“…นี่มัน…”
ภาพเหตุการณ์ราวกับศาสตร์แห่งเทพ ไม่สิ ไม่ใช่ราวกับ เหตุการณ์เช่นนี้คือการใช้ศาสตร์แห่งเทพต่างหาก ทุกคนในเหตุการณ์ตะลึงงัน
รวมถึงเจ้านายและลูกน้องที่มองลงมาจากหน้าต่างบนชั้นสองของหอข้างทางคู่นั้นด้วย พวกเขาก็ตะลึงงันเช่นกัน เพราะความสามารถเช่นนี้ ช่างน่าตื่นตกใจเหลือเกิน
นี่มัน…
“หรือว่าเป็นเทพธิดา?” ชายองครักษ์ชุดดำพึมพำอย่างงึนงัน จุดสนใจทั้งหมดของเขาหยุดอยู่ที่ร่างที่กำลังรวมเส้นแสงหลากสีจากนภา ยืนอยู่ข้างหน้ารถคุมนักโทษร่างนั้น จนลืมว่าตนเป็นองครักษ์ที่ต้องคอยปกป้องเจ้านาย
เหล่าสามัญชนทั่วไปกลับมีความสับสนที่แตกต่างจากองครักษ์คนนี้ พวกเขาล้มคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง ตุบ ตุบ ทันที และก้มตัวกราบบูชาเยี่ยนอวี๋ “เทพธิดา!”
ไร้ซึ่งข้อสงสัย!
นี่มันเทพธิดาชัดๆ
นอกจากเทพธิดาแล้ว
ยังมีผู้ใดสามารถเรียกรวมแสงเวหาด้วยมือเปล่าได้เล่า
ย่อมมีเพียงเทพธิดาเท่านั้นที่ทำได้!
ผู้คนปักใจเชื่อเช่นนั้น
แน่นอนว่า เทียบกับฝูงชนผู้ใสซื่อเหล่านี้แล้ว คุณชายหนุ่มท่านนั้นย่อมเป็นท่านผู้รู้มากกว่า หลังจากที่เขาดึงสติกลับมาได้ ก็เอ่ยปากอย่างมั่นใจว่า “หัตถ์แห่งเทพกสิกรรม”
นี่คือศาสตร์แห่งเทพแขนงหนึ่งจริงๆ หัตถ์แห่งเทพกสิกรรมในตำนาน! เขาเคยอ่านเจอในบันทึกที่เกี่ยวข้องในตำราโบราณของตระกูลอิ๋น
เพียงแต่ว่าหลังจากที่เทพกสิกรรมจุติ วิชาศาสตร์แห่งเทพนี้ก็สาบสูญไป แต่ตามบันทึกเขียนไว้ว่า เทพกสิกรรมสามารถเรียกแสงแห่งเวหา ช่วยเหลือผู้ป่วยใกล้ตาย มีสรรพคุณวิเศษเช่นช่วยคนให้ฟื้นจากความตายได้
“นางคือใคร” ผู้เป็นนายมองหญิงสาวที่มีวิชาศาสตร์แห่งเทพในตำนานอย่างสนใจอีกครั้ง แต่กลับไม่ตกตะลึงในความเลอโฉมของนาง หากแต่รู้สึกทึ่งในความสามารถของนางยิ่งกว่า
นางคือใคร
เหตุใดเขาไม่เคยได้ยินว่ามีหญิงรูปงามและลึกลับเช่นนี้อยู่ในสำนักชางอู๋ เขาได้ยินเพียงว่า สำนักชางอู่มีหญิงงามยอดสำรวยแห่งใต้หล้าเท่านั้น
หรือว่าหญิงงามยอดสำรวยที่เล่าลือกัน ก็คือสตรีผู้งดงามตรงหน้าคนนี้หรือ นางคือลูกสาวของท่านเจ้าสำนักชางอู๋ คุณหนูใหญ่เยี่ยน ผู้ซึ่งไร้พลังแต่กำเนิด หญิงสำรวยผู้หมกมุ่นกับกู้ชีหลางหรือ
นี่มันช่างแตกต่างเกินไปแล้ว
…
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามีปฏิกิริยาไม่เหมือนกับคนในเหตุการณ์ที่ตกตะลึงจนคุกเข่าบูชา เขาเพียงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แขนขาของเขาจะดิ้นอย่างมีความสุข แต่น่าเสียดายที่เขารู้ตัวอีกครั้งก็ถูกผ้าห่อตัวรัดแน่นอีกแล้ว
“อ้ะ! เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหมาก เขาต่อต้านหลายครั้ง เหตุใดจึงยังห่อตัวเขาไว้เช่นนี้อีก เม่ยเอ๋อร์ยิ่งรัดเขาไว้แน่นจนไม่สามารถขยับตัวได้เลย! น่าโมโหนัก ฮึ่ม…
เม่ยเอ๋อร์กลับไม่รู้ว่าคุณชายน้อยโมโหแล้ว นางเห็นเพียงใบหน้าน้อยๆ ของคุณชายน้อยแดงก่ำ ก็คิดว่าเขาคงดีใจ นางจึงพูดขึ้นว่า “คุณชายน้อยก็ไม่เคยเห็น คุณหนูใหญ่สวยขึ้นมากมายอีกแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“อ้ะเนะเนะ…” ปล่อยข้า! เยี่ยนเสี่ยวเป่าหงุดหงิด
“ใช่ คุณหนูใหญ่งามจริงๆ เจ้าค่ะ” เม่ยเอ๋อร์ตอบด้วยความจริงจัง
“อ้ะเนะเนะ…” ไม่พอใจ! เยี่ยนเสี่ยวเป่าอยากจะส่งเสียงร้องดังๆ แต่กลัวจะรบกวนท่านแม่คนงามของเขา จึงได้แต่เบ้ปากอย่างหงุดหงิด
หลังจากเสียงอ้อแอ้ของเจ้าตัวน้อยดังขึ้น ผู้อาวุโสเก้า เยี่ยนชิง และคนอื่นๆ ก็ตั้งสติขึ้นได้ พวกเขามองเยี่ยนอวี๋ด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจหลากหลายรูปแบบ
“ท่าน เจ้า…เจ้าสำนัก นี่ นี่คือคุณหนูใหญ่ จริง…หรือ” ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักมิกล้าเรียกสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะกลัวจะโดนตี!
เยี่ยนชิงกลับปรับตัวได้ดีแล้ว เขายืดอกพูดอย่างภูมิใจว่า “ใช่แล้ว! เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเราอย่างไรเล่า นอกจากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แล้ว ใครจะสวยงาม น่ารัก และดูดีเช่นนี้อีก…”
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ” ยอดฝีมือของหอเจ้าสำนักรีบตัดบทของประมุขหอสำนักเยี่ยนจอมมารผู้หวงลูกทันที “คุณหนูใหญ่แค่ยังไม่บรรลุเท่านั้น เมื่อบรรลุแล้วย่อมสะท้านโลกันต์เป็นแน่”
“แน่นอน!” เยี่ยนชิงเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แล้วมองผู้อาวุโสเก้าด้วย ‘รูจมูก’ ท่าทีอวดดี
ผู้อาวุโสเก้า “….”
มารดามันเถอะ!
เขาอยากจะกระทืบคนจริงๆ!
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาอยากทำมากกว่านั้น อันที่จริงแล้วคือห้ามนังหนูตัวดีคนนั้นกระทำใดๆ แต่เขารู้ว่าไม่ทันแล้ว เพราะหนึ่ง เขาประเมินความสามารถของเยี่ยนชิงผิดพลาดไป ลูกมือที่พามานั้นไม่เพียงพอ สองคือคนรอบตัวเขาไม่ปล่อยให้เขาลงมือทำอะไรแน่
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางกลับไม่สนใจคนรอบข้าง แสงเวหาที่นางรวบรวมมาได้ ก็ถูกชักนำเข้าไปในหลอดเข็ม แล้วฉีดเข้าไปในกระดูกสันหลังของเยี่ยนจื่อเสาไม่หยุด
ทั้งกระบวนการนี้ ดูศักดิ์สิทธิ์นัก! แต่สำหรับเยี่ยนจื่อเสาผู้ถูกใช้ศาสตร์แห่งเทพแล้ว กลับรู้สึกทุกข์ทรมานกว่าการถูกถอนทึ้งขนพร้อมเนื้อหนังทีละเส้นเสียอีก
อั่ก…อ้าก… เสียงร้องโหยหวนราวกับเสียงฆ้องแตก ดังออกมาราวกับน้ำตาที่ไหลจนกลายเป็นเลือดไม่ขาดสาย เลือดและเหงื่อรอบตัวเขาไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้พื้นหิมะผืนนั้นมีลอยเปื้อนเลือดขยายวงกว้างไปอีกหนึ่งถึงสองจั้ง ทำให้ผู้คนตกใจ เหตุใดเลือดของคน (สัตว์) นี้จึงมีมากมายเพียงนี้
แต่สำหรับเยี่ยนจื่อเสาแล้ว เลือดไหลเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาขาดสติคือความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากส่วนลึกของกระดูกสันหลัง ราวกับเข็มเหล็กที่แทงลงไปในกระดูก ใบมีดแหลมคมที่ตัดกระดูกเป็นท่อนๆ
เจ็บ! เจ็บ…
เจ็บเหลือเกิน!
ทุกครั้งที่เยี่ยนจื่อเสาจะสลบไปอีกครั้ง ก็ถูกความรู้สึกเจ็บนี้ทรมานจนต้องสะดุ้งตื่น
ทว่าในกระบวนการรักษานี้ เลือดที่ไหลออกมาจากร่างของเยี่ยนจื่อเสา ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วงคล้ำ! ทำเอาทุกคนตกใจเบิกตากว้าง
จนเมื่อเลือดพิษสีม่วงคล้ำไหลออกจนหมด บาดแผลเหวอะของเยี่ยนจื่อเสาก็ค่อยๆ สมานเข้ากันต่อหน้าต่อตาทุกคน ทำเอาพวกเขาตกใจจนตาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงยิ่งกว่าคือ ในระหว่างที่เยี่ยนจื่อเสากำลังรับการรักษาอยู่นั้น แผงคอสัตว์ทั่วทั้งลำตัวของเขาก็ค่อยๆ หายไป ศีรษะที่ใหญ่ผิดปกติของเขา ก็ค่อยๆ ลดขนาดกลับมาเป็นปกติ
มารดามันเถอะ…