ถุงวิเศษสามารถเก็บสิ่งของทุกสิ่งได้ ว่ากันว่าแม้แต่หญ้าสมุนไพรเทียนหลิงก็สามารถเก็บได้ชั่วคราว ทว่าถุงวิเศษเป็นสมบัติของวังหลวง ย่อมมิอาจเป็นไปได้ที่จะนำมาเก็บหญ้าสมุนไพรที่ได้มาอย่างง่ายดายเช่นนี้ สมบัติที่เห็นนี้ กลับได้พบเห็นจากเยี่ยนจื่ออวี๋ หญิงสำรวยผู้ที่ถูกลือว่าไร้พลังแต่กำเนิด ช่างน่าสนใจ น่าสนใจนัก
“แต่ร่างกายของนางไม่มีคลื่นวิญญาณยุทธ์ตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงคลื่นพลังจิตวิญญาณ แต่คนที่มิสามารถฝึกฝนได้จะมีพลังจิตวิญญาณได้อย่างไร” นายน้อยไม่เข้าใจ แต่เขาก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกน้อง
…
ณ สำนักชางอู๋
เยี่ยนอวี๋ผู้ที่ถูกแบกกลับมาตลอดทาง ก็ดีขึ้นมากแล้ว เมื่อนางลงมายืนบนพื้นได้ เยี่ยนจื่อเสาก็มองเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกของนางด้วยความประหลาดใจ “ไม่เหมือนเลย”
“เจ้าหมายถึงกู้หยวนเหิงหรือ” เยี่ยนอวี๋ถามอย่างรู้ดี
เยี่ยนจื่อเสากำมือขึ้นป้องปากก่อนจะไอกระแอมเล็กน้อย “ขออภัยด้วย”
“พ่อของเสี่ยวเป่าไม่ใช่เขา” เยี่ยนอวี๋พูดขึ้น
“…ฮะ?” เยี่ยนจื่อเสาชะงักไปครู่หนึ่ง
เยี่ยนชิงก็ตะลึงงัน “เช่นนั้นพ่อของลูกคือใครกัน” ในเมื่อไม่ใช่ไอ้ลูกหมานั่นก็ดี! แต่…แล้วคือเศษเดนตัวไหนกันเล่า?!
“ไม่ทราบเช่นกัน” เยี่ยนอวี๋ไม่ทราบจริงๆ ตอนนั้นนางยังไม่ฟื้นตัวดี จะจำว่าคือผู้ใดได้อย่างไร แต่เดิมนางก็คิดว่าคือกู้หยวนเหิง แต่เสี่ยวเป่าหน้าตาไม่เหมือนเขา เช่นนั้นก็ย่อมไม่ใช่ นางเองก็รู้สึกว่าไม่ใช่เช่นกัน
ทว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่เป็นไร นางไม่สนใจนักหรอก นางมีเสี่ยวเป่าก็พอแล้ว
เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเยี่ยนจื่อเสาและเยี่ยนชิงจะไม่สนใจ ทั้งสองปวดใจนัก! แต่ก็ไม่กล้าถามให้มากความ จึงได้แต่คิดเงียบๆ ในใจว่า ต้องตรวจสอบให้รู้ว่าคือผู้ใด และต้องจัดการเศษเดนนั่นให้ตายเสีย
แต่แล้วสถานการณ์ตรงหน้านี้ มิอาจปล่อยให้พ่อลูกใจตรงกันสองคนนี้ได้ไปทำสิ่งที่ตนอยากทำ
ผู้อาวุโสเก้าที่สงบสติอารมณ์แล้วก็เข้ามา ‘ย้ำเตือน’ ว่า “เยี่ยนชิง ใต้เท้าเฉาเอ่ยถึงเรื่องมนุษย์วานรหวาไหว เจ้าพาจื่อเสาไปชี้แจงให้รู้เรื่องกับข้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนชิงที่อารมณ์ไม่ดีนักก็พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ใช่แล้ว ข้าต้องไปคิดบัญชีให้เรียบร้อย ผู้ที่ทำร้ายจื่อเสา ต้องลงโทษให้สาสม!”
“ฮึ” ผู้อาวุโสเก้าพ่นหัวเราะเย็นชาออกมา “ครั้งนี้คงมิเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนา” เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เขาเชื่อว่าเยี่ยนชิงมิสามารถแปลงเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้ ถึงแม้เยี่ยนชิงจะมีลูกสาวเก่งกาจเพียงใด ก็ทำมิได้!
ทว่า กันไว้ดีกว่าแก้ ผู้อาวุโสเก้าพูดขึ้นอีกครั้ง “นังหนูอวี๋มิต้องไป หากเจ้าไม่อยากถูกคัดเลือกเป็นหญิงงาม”
แววตาเยี่ยนชิงวูบไหวครู่หนึ่ง เขาย่อมเข้าใจคำใบ้ของผู้อาวุโสเก้า ถึงแม้ลูกสาวสุดที่รักของเขาจะไร้พลังแต่กำเนิด ตอนนี้ก็ไม่ได้ฝึกฌาน แต่พรสวรรค์ด้านการปรุงยาของนางกลับมีมากกว่าจุดด้อยของนาง…
แต่เยี่ยนอวี๋กลับชิงเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ข้าจะไปด้วย”
“บังอาจ!” ผู้อาวุโสเก้าดวงตาลุกเป็นไฟ “เด็กอย่างเจ้า รู้หรือไม่ว่าการเคารพผู้ใหญ่คืออะไร ช่างไร้มารยาทเสียจริง เหลวไหลสิ้นดี!”
“เจ้าด่าลูกสาวข้าหรือ” เยี่ยนชิงมองผู้อาวุโสเก้าด้วยสายตาเยือกเย็น ราวกับกำลังสื่อว่าหากเจ้ากล้าพูดพล่อยๆ อีก ข้าจะไม่เกรงใจแล้ว
ผู้อาวุโสเก้ารู้สึกอื้ออึงไปหมด จนต้องสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้าก็สั่งสอนลูกสาวคนนี้ของเจ้าเสียหน่อยเถอะ!”
“ท่านพ่อ ข้าจะไปด้วยเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋พูด
“ได้สิ” เยี่ยนชิงไม่คัดค้านแม้แต่น้อย จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ห้ามไปอยู่แล้ว! ในเมื่อ ‘จุดด้อย’ ที่สำคัญที่สุดของลูกสาวตนคือ ‘นางเคยคลอดลูกแล้ว’
ผู้อาวุโสเก้า “…”
เขาผู้ซึ่งไม่สามารถห้ามเยี่ยนอวี๋ได้เลย ก็ได้แต่มองนังหนูร้ายกาจคนนี้เดินมุ่งไปทางห้องโถงใหญ่ของสำนักต่อหน้าต่อตา เขากัดฟันกรอบจนฟันแทบจะถูกบดละเอียดแล้ว
แต่ความพลุ่งพล่านของผู้อาวุโสเก้าก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาตามติดเยี่ยนชิงและคนอื่นๆ เข้าไปในห้องโถงนั้น ก็ได้ยินเสียงประกาศของเฉาหมิงเฉิง ขันทีคัดเลือกหญิงงามดังขึ้นว่า “เนื่องด้วยชิงถัง ตระกูลเยี่ยนแห่งชางอู๋ รูปพรรณโดดเด่น ในวัยเบ่งบาน มารยาทงาม พรสวรรค์ล้นเหลือ ความสามารถช่ำชอง ทั้งยังมีอุปนิสัยดีเลิศ จึงได้รับเลือกเป็นซิ่วหนี่ว์[1]”
แม้เพียงเรื่องเช่นนี้ ผู้อาวุโสเก้าและผู้อาวุโสใหญ่ก็ได้จัดแจงไว้แต่แรกแล้ว จึงไม่น่ารู้สึกยินดีเกินหน้าเกินตานัก แต่สำหรับผู้อาวุโสเก้าที่ก่อนหน้านี้โมโหจนควันออกหูอีกครั้งแล้ว เขาก็รู้สึกสบายใจนัก
ในที่สุดก็มีอย่างน้อยหนึ่งเรื่องที่เป็นไปตามแผนแล้ว!
ทว่าเยี่ยนชิงถัง ผู้ที่ถูกคัดเลือกเป็นซิ่วหนี่ว์กลับไม่พอใจเท่าไรนัก แต่หลังจากที่นางเห็นกู้หยวนเหิงไปสู่ขอเยี่ยนจื่ออวี๋กับตาตัวเองแล้ว ยามนี้นางก็ตื่นจากฝันมาอยู่กับความจริงแล้ว ดังนั้น นางจึงรับจดหมายประกาศการเข้ารอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และก้มกราบขอบคุณขันที
“เยี่ยนซิ่วหนี่ว์มิต้องมากพิธี” เฉาหมิงเฉิงไม่ได้ปล่อยให้เยี่ยนชิงถังก้มลงไปกราบ ถึงแม้ในสายตาของเขา โฉมหน้าของแม่นางตรงหน้าคนนี้ยังห่างไกลจากอีกคนหนึ่งมากโข แต่หน้าตาเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้นางอยู่ในรั้ววังได้แล้ว
เสียดายจริงๆ ที่ไม่ใช่แม่นางท่านนั้น! หากแม่นางคนนี้สวยได้ครึ่งหนึ่งของลูกพี่ลูกน้องของนาง ขันทีคัดเลือกหญิงงามอย่างเขาต้องได้รับรางวัลตอบแทนมากมายเป็นแน่!
หลังจากที่ผู้อาวุโสเก้าคาระวะขอบคุณขันทีคัดเลือกหญิงงามแล้ว เขาผู้ซึ่งมิทราบความคิดของขันทีเลย ก็รีบแสดงความยินดีกับเยี่ยนชิงถัง “ยินดีกับถังเอ๋อร์ด้วยนะ”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสเก้าเจ้าค่ะ” เยี่ยนชิงถังขอบคุณเสร็จแล้ว นางก็เห็นคนของเยี่ยนอวี๋มากันเป็นขบวน นางก็ถลึงตาใส่ทันที! แต่เยี่ยนอวี๋กลับไม่ได้มองนางเลย
ผู้อาวุโสเก้าก็หันไปมองตามสายตาของเยี่ยนชิงถัง เห็นครอบครัวร้ายกาจจอมวุ่นที่อยู่ข้างหลัง ก็พูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “เยี่ยนชิง เจ้าชี้แจงให้ใต้เท้าเฉาเข้าใจเถิด อย่าตกหล่นไปเสีย”
เยี่ยนชิงไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบตามความเป็นจริงให้ฟัง ก่อนที่ท้ายสุดจะพูดว่า “มนุษย์วานรหวาไหวที่ลือกันนั้น เป็นเพียงการกระพือข่าวลือที่มีอยู่แล้ว ให้แพร่สะพัดแผ่กว้างออกไป องค์จักรพรรดิผู้มีกลยุทธ์ปราดเปรื่อง บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของฝ่าบาท ไฉนจึงปรากฏสัตว์ร้ายเช่นมนุษย์วานรหวาไหวได้เล่า”
วาจาของเยี่ยนชิงเช่นนี้ช่างมีวาทศิลป์ยิ่งนัก บ่งบอกว่าจักรพรรดิหยวนคังปกครองบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องร้าย หากมีผู้ใดคัดค้าน เช่นนั้นย่อมหมายถึงไม่พอใจจักรพรรดิหยวนคังเป็นแน่
ผู้อาวุโสเก้าฟังออกว่าเยี่ยนชิงพูดแฝงความนัยอื่น แต่เขาก็ไม่สนใจ “เยี่ยนชิง เล่นตุกติกเช่นนี้ก็ไร้ประโยชน์ เจ้าบอกว่าจื่อเสาถูกวางยาแปรสภาพจึงกลายเป็นเช่นนี้ แต่เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเกิดจากฤทธิ์ยาแปรสภาพจริงๆ”
ผู้อาวุโสเก้าและคนในเหตุการณ์ทุกคนรู้ดีว่าความวิเศษของยาแปรสภาพอยู่ที่คนถูกวางยาจะไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าตนเองนั่นถูกวางยาแปรสภาพ
ทว่าเยี่ยนอวี๋ผู้ซึ่งเมพขิงๆ ก็ทะลายความเป็นไปไม่ได้อีกครั้ง “ข้าพิสูจน์ได้”
[1] ซิ่วหนี่ว์ นางใน