บทส่งท้าย 31 เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แค่อยากมีลูกคนที่สอง
ในขณะเดียวกัน…
เสี่ยวหรงเยี่ยนลอยล่องลงสู่พื้นหญ้าสีเขียวนุ่มนิ่ม เขาตะลึงงัน หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งที่ลืมตาขึ้นตรงหน้าเขาตะลึงงันเช่นเดียวกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
“เนะ?”
เสี่ยวหรงเยี่ยนเพิ่งจะตั้งสติได้ ดวงตากลมโตของเขาเบิกกว้างและลุกขึ้นยืนอย่างระวังตัว มือน้อยๆ ยังกำหมัดแน่น ท่าทีเหมือนพร้อมจะขว้างค้อนจิ๋วออกไปได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ว่า…
ซู่
ซู่ซ่า
เสียงน้ำตกกลับดึงดูดความสนใจของเสี่ยวหรงเยี่ยนไป เพราะว่าเมื่อเขามองตามเสียงน้ำไป เขาก็พบปลาสีเงินมากมายกระโดดขึ้นจากผิวน้ำ พวกมันเปล่งแสงได้ด้วย
“ว้าว…”
เสี่ยวหรงเยี่ยนตะลึง เขาวิ่งเตาะแตะเข้าไปข้างบ่อน้ำ และได้เห็นปลาที่เปล่งแสงได้มากมายเต็มบ่อ และยังมีเต่า อสูรน้ำ สาหร่าย ดอกบัวที่เปล่งแสงได้ด้วย ทั้งสวยและอลังการ
ทำเอาเสี่ยวหรงเยี่ยนรู้สึกละลานตาไปหมด จนเขาอยากจะมุดเข้าไปในบ่อแล้ว หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งเห็นว่าเด็กน้อยจะกระโดดลงไปบ่อ จึงทำท่าจะช้อนตัวเด็กน้อยกลับมา
ทว่า…
ฟิ้ว
เจ้าตัวน้อยหลบมันขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าและมองหงส์ฟ้าหมิงเพิ่งอย่างระวังตัวอีกครั้ง ท่าทางเหมือนกับกำลังบอกว่าอย่าคิดจะจับข้า
หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่ง “…”
เขาที่พอจะรู้ว่าเด็กน้อยคือใครกำลังจะพูดบางสิ่งอย่างอ่อนโยน
จิ๊
ค้างคาวน้อยตัวหนึ่งบินลงมาข้างหน้าเสี่ยวหรงเยี่ยน “นายน้อย?”
หมาป่าสายฟ้าที่เบิกตาโตก็มองเด็กน้อย “นายน้อยจริงๆ หรือ”
“ไม่ใช่แน่นอน” หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งลุกขึ้น “เป็นลูกของนายน้อยสินะ”
เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ฟังพวกเขาคุยกันอดกะพริบตาไม่ได้ และยังถามด้วยเสียงหน่อมแน้มว่า “พวกเจ้า ใครน่ะ”
“นายหญิงของเราคืออวิ๋นจื่อซี ย่าทวดซีของเจ้า” หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งอธิบายอย่างใจเย็น เขาไม่ได้ทำตัวเฉยเมยเพียงเพราะเด็กน้อยอายุน้อย
หมาป่าสายฟ้าและค้างคาวน้อยก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ เราล้วนเป็นอสูรของนายหญิง”
“ย่าทวด ซี หรือ” เสี่ยวหรงเยี่ยนผ่อนคลายลง ที่สำคัญเป็นเพราะไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาร้ายใดๆ
“ขอรับ” หงส์ฟ้าเยี่ยนเฟิ่งเดินไปข้างล่างเสี่ยวหรงเยี่ยน ตอบเสียงเบา “เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ นายท่านล่ะ”
“เป่า ก็ไม่รู้” เสี่ยวหรงเยี่ยนไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดตนเองจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แต่หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่มีอันตราย เขาก็มองลงไปที่บ่อน้ำข้างล่าง “ปลา เยอะจัง…”
หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งจึงส่งโทรจิตให้อวิ๋นจื่อซีและขณะเดียวกันก็ตอบว่า “มีเยอะจริงๆ ท่านอยากจับหรือขอรับ”
เสี่ยวหรงเยี่ยนตาเป็นประกายทันที “จับ”
“เช่นนั้นให้ข้าน้อยพาท่านลงไปจับดีหรือไม่ขอรับ” หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งเกลี้ยกล่อมเบาๆ
เสี่ยวหรงเยี่ยนเห็นเขามีหน้าตาดีและยังอ่อนโยนจึงลอยลงมาและยื่นมือไปหาเขา “อุ้ม…”
หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งที่รู้สึกตกใจเพราะความกะทันหันรีบรับเด็กน้อยไว้ แต่กลับพบว่าโทรจิตของตนเองไม่ได้รับการตอบสนองจากนายหญิงอวิ๋นจื่อซี
ส่วนอวิ๋นจื่อซี นางรับรู้ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแดนมหัศจรรย์ของตนเองเกิด ‘ปัญหา’ บัดนี้นางกำลังปลอบใจเยี่ยนอวี๋ “ข้ารู้ว่าเสี่ยวเป่าอยู่ที่ไหน เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างกังวล เขาน่าจะไม่เป็นอะไร”
หรงอี้ที่เดินมาข้างกายภรรยา เขาเองก็พยักหน้าและโอบภรรยาไว้ ปลอบว่า “เสี่ยวเป่าคงเข้าไปในแดนมหัศจรรย์ของท่านย่าซี ไม่เป็นอะไรหรอก”
สถานที่แห่งนั้น หรงอี้เคยเข้าไปเมื่อตอนเด็ก แต่เขาต้องให้ท่านย่าซีพาเข้าไปจึงจะเข้าไปได้ ท่านพ่อของเขาก็เช่นกัน แต่ท่านปู่หวงกลับเข้าไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ท่านปู่หวงจึง ‘ทรมาน’ พวกเขาไม่น้อยเลย…
ทว่าในยามนี้ เหมือนกับว่าเด็กน้อยจะเข้าไปด้วยตนเอง
หรงอี้ใช้สายตาถามท่านย่าซีของเขา ฝ่ายหลังพยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้ว เสี่ยวเป่าอยู่ในแดนมหัศจรรย์ ข้ารับรู้ได้ว่าเขาเข้าไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือแดนมหัศจรรย์กลับกำลังจำศีล”
“เสี่ยวเป่ามีอันตรายหรือเจ้าคะ” เยี่ยนอวี๋ไม่รู้จักแดนมหัศจรรย์ แต่นางฟังความหมายจากคำพูดของอวิ๋นจื่อซีออก รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เช่นนั้นเสี่ยวเป่า…
“ไม่หรอกจ๊ะ” อวิ๋นจื่อซีมั่นใจในเรื่องนี้มาก “ในแดนมหัศจรรย์ยังมีอสูรจำนวนหนึ่งของข้าในนั้น เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวเป่าย่อมต้องปกป้องเขา”
แม้จะพูดเช่นนี้ อวิ๋นจื่อซีกลับเป็นห่วงมาก กลัวว่าหงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งและอสูรตัวอื่นๆ ไม่ได้ปรากฏขึ้นข้างกายเหลนชายน้อยในทันที เช่นนั้นเสี่ยวเป่าอาจจะได้รับบาดเจ็บจากสิ่งที่นาง ‘กักขัง’ ไว้ในแดนมหัศจรรย์
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อวิ๋นจื่อซีนั่งขัดสมาธิลง ไม่สนใจเรื่องอื่น นางเริ่มสัมผัสแดนมหัศจรรย์ของตนเองอย่างละเอียด
การที่แดนมหัศจรรย์ปิดกั้นตนเองเช่นนี้ ใช่ว่าอวิ๋นจื่อซีจะไม่เคยเจอ ในทางกลับกัน แดนมหัศจรรย์หลังจากปิดกั้นแล้วมักจะสามารถช่วยให้นางเลื่อนขั้นได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนางมาก
แต่ตั้งแต่ที่คลอดสามแฝดแล้ว แดนมหัศจรรย์ฟื้นฟูจนถึงจุดสูงสุด เหมือนกับเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่มีวิญญาณไม่น้อยไปกว่าเขาพระสุเมรุ เวลายังผ่านไปเร็วมากด้วย
อวิ๋นจื่อซีใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บอาหาร ขนสมบัติต่างๆ และอสูรในพันธะสัญญา และบางครั้งก็พาลูกๆเข้าไปเดินเล่น
จะว่าไปแล้ว… นี่เป็นครั้งแรกที่สามารถเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ของนางได้โดยไม่ต้องผ่านนาง
ในอดีต แม้แต่มั่วมั่ว อี้เอ๋อร์และสามแฝดล้วนต้องให้นางอนุญาตจึงจะเข้าไปในแดนมหัศจรรย์ได้โดยเจตนาของนาง มีเพียงเสี่ยวเป่าเป็นข้อยกเว้น
แปลกจริงๆ หรือว่าแดนมหัศจรรย์พาเสี่ยวเป่าเข้าไปนะ อวิ๋นจื่อซีครุ่นคิดในใจ พลังจิตใจกลับพยายามติดต่อกับแดนมหัศจรรย์อย่างต่อเนื่อง
…
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็กอดแขนของหรงอี้ด้วยความกังวลไว้แน่นกว่าเดิม
หรงอี้จึงตบหลังมือของภรรยาเบาๆ ปลอบนางให้อย่ากังวล เขาเองก็กำลังจับตามองท่านย่าซี เห็นได้ชัดว่าในใจไม่ได้นิ่งเหมือนสีหน้าที่แสดงออกมา เพราะว่าหรงอี้ที่เคยเข้าไปในแดนมหัศจรรย์รู้ดีมากว่าในดินแดนมหัศจรรย์ของท่านย่าซีเขามีอสูรดุร้ายไม่น้อย และยังมีสิ่งของแปลกประหลาดมากมาย แต่พวกมันก็เป็นวัตถุดิบและสมุนไพรชั้นดี
หากไม่ใช่เช่นนี้ ท่านย่าซีคงไม่อนุญาตให้พวกมันมีชีวิตอยู่ในแดนมหัศจรรย์กินพื้นที่มากมายโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นหรงอี้เองก็กลัวว่าเด็กน้อยจะโชคร้ายตกลงไป ‘ปากเสือ’
หารู้ไม่ว่า… เด็กน้อยในบัดนี้เล่นอย่างสนุกสนานในแดนมหัศจรรย์
“ฮ่า จับ ได้”
เสี่ยวหรงเยี่ยนที่จับปลาอายุยืนตัวหนึ่งได้หัวเราะเสียงแปร่งอย่างต่อเนื่อง
หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งที่พาเขาลงบ่อน้ำก็หัวเราะ “ท่านเสี่ยวเป่าเก่งจังเลย”
“ฮ่า”
เด็กน้อยที่ถูกชมยิ่งดีใจ เขาชูปลาที่อยู่ในมือขึ้นสูง “เก่ง เป่าเก่ง ให้ พ่อ ข้าวอร่อย…”
หงส์ฟ้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาเข้าใจความหมายของเด็กน้อย “เช่นนั้นท่านเสี่ยวเป่าจับอีกสักตัวสองตัว ประเดี๋ยวให้ท่านพ่อท่านทำอาหารให้ อาหารอร่อยๆ”
“ขอรับ ฮ่า…” เสี่ยวหรงเยี่ยนจับปลาที่อยู่ในมือใส่ลงในกระเป๋าของตนเอง จากนั้นก็ลงมือจับอีกดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งรู้ว่าปลาอายุยืนในแดนมหัศจรรย์ไม่สามารถออกจากบ่อน้ำเป็นเวลานานได้ มิเช่นนั้นจะมีผลต่อพลังชีวิตและรสสัมผัส เขาจึงห้ามเด็กน้อยพูดว่า “ท่านเสี่ยวเป่า ให้ข้าน้อยวาดวงกลมกักขังมันไว้ในบ่อ ท่านค่อยโยนปลาที่ท่านจับได้ใส่ในนั้นดีหรือไม่ขอรับ”
แม้เด็กน้อยไม่รู้ว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ขอรับ…”
หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งโล่งอก กลัวว่าเด็กน้อยจะไม่ยินยอม หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่รู้ว่าควรเกลี้ยกล่อมอย่างไรแล้ว
หลังจากที่อวิ๋นจื่อซีใช้พลังจิตใจขั้นสูงสุดบุกเข้าไปในแดนมหัศจรรย์และเข้ามาถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยสนุกสนานเพียงใดกัน
อวิ๋นจื่อซีโล่งอก “เจ้าเด็กซุกซน”
ซู่
ซู่ๆๆ…
เสี่ยวลี่ว์ที่บินทะยานเข้ามาหาอวิ๋นจื่อซี มันแสดงให้เห็นถึงรากที่แข็งแรงของต้นไม้โบราณของมัน พูดด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อยว่า “นายหญิง ท่านรีบสัมผัสแดนมหัศจรรย์ ข้าน้อยรู้สึกเหมือนกับว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
อวิ๋นจื่อซีชะงักเล็กน้อยก่อนจะใช้พลังจิตสัมผัส แดนมหัศจรรย์ทั้งแดนนอกจากจะเจริญรุ่งเรืองเช่นเคย แต่ยังดูเหมือนว่าจะมีจิตวิญญาณมากขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย และที่มาของจิตวิญญาณนี้…
“เสี่ยวเป่า?”
อวิ๋นจื่อซีมองไปที่เด็กน้อยที่ยังเล่นอย่างสนุกสนานในบ่อ นางมั่นใจได้ว่าจิตวิญญาณของแดนมหัศจรรย์ทั้งหมดกำลังห้อมล้อมเด็กน้อยและกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน…
“นายหญิง”
เสียงอันเมตตาและแก่ชราดังขึ้นในอนุสติของอวิ๋นจื่อซี
อวิ๋นจื่อซีจึงเห็นว่าในอนุสติของตนปรากฏร่างวิญญาณผู้เฒ่าคนหนึ่ง ทำให้นางถามด้วยสัญชาติญาณว่า “เจ้าคือร่างวิญญาณของแดนมหัศจรรย์หรือ”
“ใช่ขอรับ นายหญิง” ผู้เฒ่าลูบหนวดสีขาวดุจหิมะ ยิ้มพูดว่า “เดิมทีข้าน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายสิบล้านปีจึงจะได้เจอท่าน แต่พลังอมตะของนายน้อยเป่าทำให้ข้าน้อยฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์”
อวิ๋นจื่อซีจึงเข้าใจว่าเมื่อครั้นนางให้กำเนิดแฝดสาม แม้แดนมหัศจรรย์จะฟื้นตัวแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาหล่อเลี้ยงร่างวิญญาณจึงจะก่อร่างได้อย่างสมบูรณ์
บัดนี้ ทันทีที่เด็กน้อยมาถึงก็ ‘กระตุ้น’ พลังการฟื้นตัวของแดนมหัศจรรย์
อวิ๋นจื่อซีทอดถอนใจ “หลายปีมานี้ โดยเฉพาะช่วงก่อนหน้านี้ ขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือข้า”
“นายหญิงกล่าวเกินไปแล้วขอรับ หากไม่ใช่เพราะข้าน้อยติดตามนายหญิง ข้าน้องคงสูญสลายไปในความว่างเปล่า ไร้ซึ่งรูปร่าง” แดนมหัศจรรย์รู้สึกโชคดีที่ครานั้นได้ใช้จิตเหนือสำนึกที่เหลือสุดท้ายแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของอวิ๋นจื่อซีท่านนี้
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่อวิ๋นจื่อซียังคงรู้สึกขอบคุณแดนมหัศจรรย์ นางรู้ดีว่าช่วงเวลาที่นางเติบโต หากไม่มีแดนมหัศจรรย์ ไม่รู้ว่านางจะตายไปกี่ครั้ง
ทว่า… อวิ๋นจื่อซีมีคำถาม “เจ้าเป็นคนดูดเสี่ยวเป่าเข้ามาหรือ”
ผู้เฒ่าชะงัก “ไม่ใช่ท่านหรือที่ปล่อยเสี่ยวเป่าเข้ามา”
“ไม่ใช่” อวิ๋นจื่อซีไม่เข้าใจ “ครานั้นข้าแค่กำลังคิดว่าจะนำของบางอย่างออกมาจากแดนมหัศจรรย์ เสี่ยวเป่าก็เข้ามาแล้ว ข้าคิดว่าเจ้ารู้สึกได้ว่าเสี่ยวเป่ามีประโยชน์ต่อเจ้า เจ้าจึงดึงเขาเข้ามาเสียอีก” เมื่อก่อนก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้
ทว่า… ผู้เฒ่าสั่นศีรษะอย่างหนักแน่น “แม้ข้าน้อยจะมีความสามารถทำเช่นนี้ แต่ครานี้ข้าน้อยไม่ได้ทำเช่นนี้จริงๆ เดิมทีข้าน้อยก็ไม่ทราบว่านายน้อยเป่าจะช่วยเหลือข้าน้อยได้มากเพียงนี้”
“หมายความว่าเสี่ยวเป่าเข้ามาเองหรือ” อวิ๋นจื่อซีมองไปที่เด็กน้อยที่อยู่ไม่ไกลอย่างประหลาดใจและยังเรียก “หมิงเฟิ่ง พาเสี่ยวเป่าขึ้นมา”
“ไม่” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนานพูด “จับอีกหนึ่งตัว”
“เอ๋?” อวิ๋นจื่อซีเดินไปข้างบ่ออย่างประหลาดใจ นางพบว่าเจ้าตัวน้อยที่พูดคล่องขึ้นไม่น้อยเหมือนกับว่าจะโตขึ้นเล็กน้อย ผมอ่อนบนศีรษะบางๆ นั้นก็ดำและยาวขึ้นไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องนี้เกินความคาดหมายของอวิ๋นจื่อซี “แดนมหัศจรรย์เจ้าดูสิ นอกจากเสี่ยวเป่าจะช่วยให้เจ้าฟื้นตัวแล้ว เหมือนกับว่าเขาเองก็ได้รับประโยชน์ด้วย”
“ใช่แล้ว” ผู้เฒ่าลูบหนวดต่อไป “ข้าน้อยเป็นต้นกำเนิดของการกำเนิดและยังพัฒนาตามโชคชะตา สำหรับนายน้อยเป่าแล้ว พลังชีวิตของที่นี่มีประโยชน์ต่อเขามาก”
“หมายความว่าหากข้าพาเขาเข้ามาในนี้บ่อยๆ จะทำให้เขาโตไวขึ้น?” อวิ๋นจื่อซีครุ่นคิด แบบนี้ก็เลี้ยงง่ายเกินไปแล้ว เลี้ยงง่ายกว่าอี้เอ๋อร์อีก
ทว่า… อวิ๋นจื่อซีคิดมากไปเอง ผู้เฒ่าทำลายความคิดอันสวยงามของนาง “มิได้ขอรับ แดนมหัศจรรย์สามารถหล่อเลี้ยงนายน้อยเป่าได้เพียงครั้งเดียว เมื่อเขาโตระดับหนึ่ง แดนมหัศจรรย์เหมาะที่จะให้เขารักษาตัวและพักฟื้น ไม่สามารถช่วยเขาเติบโตได้”
“อ๋อ” อวิ๋นจื่อซีผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเรื่องเลี้ยงลูก ปกติแล้วหรงหวงเป็นคนรับผิดชอบ นางมีหน้าที่เล่นเป็นเพื่อน
เสี่ยวหรงเยี่ยนในครานี้เขาจับปลาตัวใหม่อีกตัวไม่ได้เลย ยังคงจับต่อไป ร่างกายน้อยๆ ว่ายตามปลาไปทุกที่ หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งตามจนรู้สึกเหนื่อย
หงส์ฟ้าคิดว่านายน้อยเป่าคงอยากจะเล่นต่ออีกหน่อยจึงแกล้งทำเป็นจับปลาอีกตัวไม่ได้
ในความเป็นจริง เสี่ยวหรงเยี่ยนก็คิดเช่นนี้จริงๆ เขาจึงจับ ‘ปลาตัวสุดท้าย’ ไม่ได้เสียที
อวิ๋นจื่อซีไม่ได้เร่ง เพียงแค่ส่งโทรจิตให้หวงหวงว่า “หวงหวง ข้าพาเสี่ยวเป่าเล่นในแดนมหัศจรรย์สักครู่ เจ้าบอกเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พวกเขาว่าเสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม” หรงหวงตอบอย่างราบเรียบ
อวิ๋นจื่อซีรู้ว่าชายรูปงามท่านนี้โมโหอีกแล้วจึงได้แต่ส่งโทรจิตง้อว่า “เสี่ยวเป่าเติบโตได้ดีในแดนมหัศจรรย์ ข้าจะให้เขาอยู่นานหน่อย ไม่โกรธนะ”
“อืม” หรงหวงยังคงตอบอย่างราบเรียบ แต่ว่าเขาก็บอกเยี่ยนอวี๋และหรงอี้แล้ว สองสามีภรรยานี้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงโนเวลพีดีเอฟ
หลังจากที่เยี่ยนอวี๋ได้คำตอบแล้ว นางจึงวางใจลง “ขอบคุณท่านปู่ทวดหวงเจ้าค่ะ”
หรงหวงกลับคิดถึงเรื่องหนึ่งถามว่า “แดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเจ้าเหมือนกับว่ายังไม่เรียบร้อยดี เจอปัญหาอะไรหรือไม่”
เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหรงหวงจะถามคำถามนี้
หรงอี้กลับมองไปที่ภรรยาข้างกายอย่างเป็นห่วง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”
“เปล่า” เยี่ยนอวี๋ดึงสติกลับมาปฏิเสธ ใบหูแดงก่ำ ใบหน้ากลับตอบอย่างเปิดเผยว่า “ท่านปู่ทวดหวงโปรดวางใจ หลานสะใภ้มิได้พบปัญหาใด เพียงแค่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาอันดีที่จะฟื้นฟูสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างสมบูรณ์”
“เช่นนั้นหรือ” หรงหวงคิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะซักไซ้ เขาไม่ยัดเยียดความเป็น ‘เต๋า’ ของเขาให้กับผู้ใดในวิถีการบำเพ็ญตนมาตลอด
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับพูดความในใจของตนเองออกมาอย่างซื่อสัตย์ว่า “หลานสะใภ้อยากรอให้มีครรภ์คนที่สองค่อยฟื้นฟูสวรรค์เก้าชั้นฟ้าให้สมบูรณ์เจ้าค่ะ ประการแรกคือเพื่อให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีเวลาปรับตัว ประการที่สองสะใภ้กลัวว่าหากขึ้นไปบนจุดสูงสุดแล้วจะตั้งครรภ์อีกครั้งได้ยาก”
คำตอบนี้… ทำให้หรงหวงประหลาดใจ
หรงอี้งุนงง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นี่เจ้า…” จะว่าอย่างไรดีเล่า เขาไม่เคยคิดอยากมีลูกอีกคนหนึ่งเลย เขาคิดว่าลูกคนเดียวอันที่จริงก็พอแล้ว
เยี่ยนอวี๋กลับไม่คิดเช่นนี้ นางเงยหน้ามองสามีที่อยู่ข้างกาย พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าอยากมีลูกอย่างน้อยอีกหนึ่งคนให้สามี” หากเป็นไปได้ อันที่จริงนางอยากมีมากกว่านี้
หรงอี้มองตาที่แน่วแน่ของภรรยา เขายื่นมือไปประคองท้ายทอยของนาง เขารู้ใจนางดี แต่กลับไม่อยากให้นางพลาดโอกาสเลื่อนขั้นที่ดีที่สุดนี้ไป เขาจึงทำได้เพียงใช้เด็กน้อยเป็นข้ออ้าง “เช่นนั้นข้าก็คงต้องกลายเป็นพ่อเนรคุณที่เสี่ยวเป่าพูดถึงน่ะสิ”