เงาร่างสง่าสวมชุดสีขาวทองลายเมฆก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาพร้อมเสียงเย้าแหย่ที่ดังมานั้น ทำให้ผู้มาเยือนกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาในทันใด
เพราะการโผล่มาฉับพลันของคนคนนี้ และเพราะเสียงอันหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ของเขา ทำให้คนทั้งห้องโถงรู้สึกอบอุ่นราวกับลมวสันตฤดูโชยพัดผ่าน
เยี่ยนอวี๋เหลือบตามอง ดวงตางดงามของนางก็หรี่ลงเล็กน้อย
ซี้ดดด!
เสียงสูดหายใจเข้าของคนในห้องโถงดังขึ้นเพราะคนที่เข้ามา
แม้แต่ตาแก่อย่างผู้อาวุโสรอง ก็อดอุทานไม่ได้ว่า “สง่างามนัก”
เนื่องจากคนที่เข้ามานั้น เป็นคุณชายรูปหล่อ สง่างามไม่ด้อยไปกว่าเยี่ยนอวี๋เลย
“เนะๆ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่ค่อยชอบพอ เขาส่งเสียงร้องไปทางท่านแม่คนงามของเขา
เยี่ยนอวี๋มองกลับมา เดิมทีนางก็คิดว่าชายหนุ่มที่เข้ามาหน้าตาดี แต่เมื่อเทียบกับเสี่ยวเป่าของนางแล้ว…ก็ดูธรรมดาไปเลย
แต่นอกจากเยี่ยนอวี๋แล้ว คนรอบตัวกลับไม่คิดเช่นนั้นเลย! โดยเฉพาะเยี่ยนชิงถัง แต่เดิมนางคิดว่ากู้หยวนเหิงถือว่าหน้าตาสง่างามที่สุดในหมู่ชายหนุ่มแล้ว แต่บุรุษท่านนี้ที่ปรากฏตัวตรงหน้า กลับเปลี่ยนความคิดของนาง ทำให้นางรู้ว่า ความคิดของนางช่างคับแคบนัก
บุรุษท่านนี้ เขาไม่เพียงมีท่าทีสง่านอบน้อม ทั้งยังมีโฉมหน้าประณีตดั่งรูปสลัก คิ้วโก่งดั่งวงเดือน สีตาดำขลับปานหมึก นัยน์ตาสดใสราวกับดอกไม้ในวสันตฤดู ทั้งยังเหมือนลมอ่อนๆ พัดพาจิตใจให้ล่องลอยเคลิบเคลิ้ม
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ บุคคลอบอุ่นเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ยังพรั่งพร้อมด้วยกิริยาสูงส่ง แม้ทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิด แต่ก็เหมือนกับอยู่ไกลแสนไกล มิอาจหมิ่นประมาทได้
และตัวตนของคนคนนี้ ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ
เมื่อเฉาหมิงเฉิง บุคคลของราชสำนักเห็นเขาชัดเจนแล้ว ความไม่พอใจที่ถูกพูดแทรกพลันมลายหายไป เหลือเพียงความรู้สึกผิด “ซวงเสวียนจวิน?”
ซี้ดดด! เสียงสูดหายใจที่ดังขึ้นเพราะคำเรียกขานของเฉาหมิงเฉิง สร้างความเคลื่อนไหวรุนแรงกว่าเดิม!
ผู้อาวุโสเก้าอดถามไม่ได้ว่า “สี่สุภาพบุรุษแห่งต้าซย่า นายน้อยตระกูลอินแห่งโยวตู ซวงเสวียนจวินหรือ!”
“ข้าน้อยเอง” ในขณะที่อินหลิวเฟิงยิ้มเล็กน้อย เขาก็พับพัดในมือที่อยู่ข้างหน้าลำตัว จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยให้ทุกคนในนั้น ถือว่าเป็นการคาระวะทักทายแล้ว
ซวงเสวียนจวิน…ผู้มีฉายาว่าบุรุษน้ำค้างสีนิลผู้นี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ได้” เฉาหมิงเฉิงตกตะลึง
เมืองโยวตูห่างไกลจากเมืองชางอู๋นัก แม้ซวงเสวียนจวินคนนี้มักเตร็ดเตร่ไปทั่ว แต่เมืองชางอู๋ไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่เขามาเที่ยวเล่นอยู่บ่อยๆ
แต่ในฐานะที่อินหลิวเฟิงเป็นหนึ่งในสี่สุภาพบุรุษ และผู้สง่างามไร้คำเปรียบเปรยปรากฎตัวที่นี่แล้ว แม้จะทำให้เฉาหมิงเฉิงตกใจ แต่เขาก็ยังคงรับมือได้ เพียงแต่ว่า…
“ท่านรู้จักกับแม่นางท่านนี้หรือ” เฉาหมิงเฉิงอยากรู้คำตอบของคำถามนี้มากกว่าคำถามแรก
นี่ก็เป็นคำตอบที่เยี่ยนชิงถังอยากรู้มากเช่นกัน แต่แล้ว…
“ใช่”
“ไม่”
เสียงตอบต่างกันดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน ทำเอาคนในห้องโถงชะงัก
เพราะคนที่บอกว่ารู้จักคืออินหลิวเฟิง คนที่บอกว่าไม่รู้จักคือเยี่ยนอวี๋
นี่มัน…
สลับกันหรือเปล่า!
ในพื้นพิภพต้าซย่า ผู้คนอายุน้อยใหญ่ ตั้งแต่แปดขวบถึงแปดสิบปี ผู้ใดไม่เคยได้ยินชื่ออินหลิวเฟิงบ้างเล่า
คุณชายหรง ต้าซือมิ่งของราชสำนัก กู้หยวนหมิงแห่งสำนักเหยาไถเซียน หยางเซ่าเหิงศิษย์สำนักคุนอู๋ และอินหลิวเฟิง สี่สุภาพบุรุษแห่งราชวงศ์ต้าซย่า เขาตรงหน้าเป็นหนึ่งในบุรุษผู้มีพรสวรรค์ เพียบพร้อมความสามารถและตำแหน่งมากที่สุด
หากจะบอกว่าเขาเป็นหนุ่มในฝันของสตรีแห่งต้าซย่าทุกนางก็ไม่เกินจริง
ดังนั้น แม้เยี่ยนจื่ออวี๋ไม่เคยได้ยินชื่ออินหลิวเฟิง แต่บัดนี้ได้พบตัวจริงของซวงเสวียนจวินแล้ว นางเองก็ไม่สมควรปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเช่นนี้
แต่แล้ว…
“หึๆ” เยี่ยนชิงถังยิ้มเย้ยหยัน “ซวงเสวียนจวินอย่าแปลกใจเลย ในสายตาของน้องอวี๋ของข้า นอกจากกู้จ่างสื่อแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดอีกเลย” โง่เขลานัก! โง่เขลาได้เยี่ยมจริงๆ!
“ได้ยินมาบ้าง” อินหลิวเฟิงยิ้มอย่างเคอะเขินแต่ไม่เสียมารยาท “แต่ข้าเคยพบคุณหนูใหญ่เยี่ยนจริงๆ เพียงแต่คุณหนูเยี่ยนจำไม่ได้เท่านั้นเอง”
“ใช่แล้ว ข้าเป็นพยานได้” เยี่ยนชิงพยักหน้ายืนยัน แม้เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย แต่เขาไม่อยากให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาถูกเลือกเป็นซิ่วหนี่ว์
ขันทีคัดเลือกหญิงงามคนนี้เป็นอะไรไป ไม่เห็นหรือว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีลูกแล้ว จะให้องค์จักรพรรดิมาเป็นพ่อเลี้ยงให้ลูกของนางหรืออย่างไร ไม่รู้จริงๆ ว่า…คิดอะไรอยู่!
“…ก็ได้” เฉาหมิงเฉิงหมดหนทาง พูดได้เพียงว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมมิสามารถให้คุณหนูใหญ่เยี่ยนเป็นซิ่วหนี่ว์ได้แล้ว ข้าคิดไว้ว่า พี่น้องจับมือกันเข้าวัง คงเป็นเรื่องราวสวยงามไม่น้อย”
เหอะๆ… เยี่ยนชิงไม่คิดว่าเป็นเรื่องราวสวยงามแต่อย่างใด เขาอยากจะหัวเราะใส่หน้าขันทีคัดเลือกคนนี้จริงๆ!
“เช่นนั้นข้าขอกลับโรงเตี๊ยมก่อน รอฟังข่าวจากเจ้าสำนักเยี่ยน” เฉาหมิงเฉิงพูดจบ ก็หันไปพูดกล่าวลาอินหลิวเฟิงสองสามคำ ก่อนจะเดินจากไป
ส่วนเรื่องสู่ขอที่อินหลิวเฟิงพูดถึงเมื่อครู่นี้ เฉาหมิงเฉิงไม่ได้เก็บมาคิด เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาเพียงแค่เสียดายที่ไม่สามารถเลือกหญิงงามเช่นนี้ให้อยู่ในรายชื่อซิ่วหนี่ว์ได้
ส่วนเยี่ยนชิงถังที่ต้องตามเหล่าขันทีคัดเลือกหญิงงามไปโรงเตี๊ยมเพื่อรอการคัดเลือกนั้น นางกลับไม่อยากจากไปนัก นางอยากร้องขอสิทธิ์ยกเว้นให้นางอยู่ในสำนักต่อ แต่ผู้อาวุโสเก้ากลับมองข้ามสายตาขอความช่วยเหลือของนาง และทำท่าทีให้นางตามขบวนไปเดี๋ยวนี้ เรื่องของซิ่วหนี่ว์ ต้องไม่มีสิ่งใดผิดพลาดอีก!
“ท่านพ่อของข้า…” เยี่ยนชิงถังยังคงพยายาม นางอยากอยู่ต่อเพื่อสืบหาให้รู้ว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ข้องเกี่ยวกับซวงเสวียนจวินได้อย่างไร เหตุใดนางจึงไม่รู้มาก่อน!
“เรื่องบิดาของเจ้า ข้าจะช่วยดูเอง ในเมื่อเจ้าเป็นคนในวังแล้ว ก็จงทำตามกฎระเบียบเสีย ห้ามขัดขืน!” ผู้อาวุโสเก้าตักเตือนนางด้วยน้ำเสียงสั่งสอน
เยี่ยนชิงถังไม่กล้าอืดอาดอีก ได้แต่รีบเดินตามคณะขันทีคัดเลือกหญิงงามไป เฉาหมิงเฉิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร บุตรีอาลัยอาวรณ์ต่อบิดาย่อมมีเป็นธรรมดา
เมื่อขบวนคนจากราชสำนักจากไปหมดแล้ว อินหลิวเฟิงก็เป็นคนเอ่ยปากขึ้นคนแรกว่า “ท่านประมุขเยี่ยน แม่นางอวี๋ ข้าขอพูดคุยด้วยเล็กน้อยได้หรือไม่”
“ซวงเสวียนจวินมาสู่ขอจริงๆ หรือ” ผู้อาวุโสเก้าอดถามขึ้นไม่ได้ เขาหวังเหลือเกินว่าไม่ใช่
อินหลิวเฟิงที่ถูกถามยิ้มให้แทนคำตอบ และคอยมองเยี่ยนอวี๋อย่างเงียบๆ…