เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 32 สามี ข้าก็อยากมีแฝดสาม

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 32 สามี ข้าก็อยากมีแฝดสาม

เยี่ยนอวี๋ยิ้มไม่ได้พูดอะไร… หรงอี้กลับดูออกว่าภรรยาให้เขาจัดการเรื่องเด็กน้อยเอง เพราะว่านางตัดสินใจแล้วว่าจะต้องมีลูกอีก เรื่องความคิดของเด็กน้อยเขาต้องไปจัดการเอง

หรงอี้ที่ปวดศีรษะเล็กน้อยกลับได้แต่ตอบตกลง ใครให้เป็นความต้องการของภรรยาเล่า

“พ่อเนรคุณก็พ่อเนรคุณเถอะ” หรงอี้เลือกที่จะยอมถอยให้อย่างไร้ซึ่งจุดยืน เพียงแค่ขอร้องเรื่องหนึ่งว่า “หากถึงเวลาแล้ว อย่าพลาดล่ะ”

ดวงตาสีม่วงของเยี่ยนอวี๋ประกายแสงระยิบระยับ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มหวานชื่นที่นานๆ ทีจะได้เห็นความร่าเริง “สามีวางใจ ข้ารู้แก่ใจดี”

หรงอี้ที่เดิมทียอมตอบตกลงเพราะคำขอของภรรยา ‘บังคับ’ เขากลับชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ ถามว่า “ดีใจเช่นนี้เลยหรือ”โนเวลพีดีเอฟ

“ใช่” เยี่ยนอวี๋เป็นคนพูดความจริง “ตอนที่ตั้งครรภ์เสี่ยวเป่า ข้ายังอยู่ในสภาวะโกลาหล ถึงแม้ภายหลังความจำจะฟื้นคืนแล้ว แต่ความรู้สึกก็เหมือนยังห่างไป อย่างน้อยครั้งนี้ข้าก็อยากรู้สึกถึงการตั้งท้องให้สามีอีกครั้ง”

คำพูดนี้… บริสุทธิ์และเรียบง่าย มันเป็นความคิดดั้งเดิมจากก้นบึ้งหัวใจของเยี่ยนอวี๋ กลับทำให้หรงอี้ใจสั่น และทำให้เขาโอบเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาไว้ด้วยสัญชาติญาณ เสียงดุจพิณดั่งธารน้ำไหล ดังขึ้นอย่างชัดเจนและอ่อนโยน “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”

มันเป็นเสียงที่ไพเราะมาก ทำเอาเยี่ยนอวี๋ชะงัก…

เมื่อนางตั้งสติได้ นางก็เห็นดวงตาสีม่วงอร่ามคู่นั้นของสามีราวกับถูกน้ำชำระล้าง มันเปล่งแสงเงางาม ทั้งอ่อนโยนและน่าสัมผัส ทำให้นางกอดเอวบางของเขาไว้ด้วยสัญชาติญาณ รู้สึกเพียงว่าหัวใจดวงหนึ่งมีเพียงดวงตาคู่นี้ ทำเอา… เยี่ยนอวี๋เขย่งเท้าขึ้นและจูบดวงตาสีม่วงที่ชุ่มชื่นหัวใจนางและกระชากวิญญาณของนางดวงนั้น

หรงอี้ย่อมไม่หลบหลีก เขาปล่อยให้นางจูบ หัวใจโอนอ่อน อบอุ่น และสงบเพราะรอยจูบอันอ่อนโยนที่ส่งมาจากดวงตา มันเหมือนกับ… เขาในอดีตที่มักจะกระสับกระส่ายและหยาบกระด้าง มักจะอยากทำลายล้างทุกอย่างทิ้ง จู่ๆ เห็นนางก่อร่างขึ้นในจักรวาลเงียบๆ งามวิจิตรจนเขาหยุดหายใจ และทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้

นางคือไข่มุกหนึ่งเดียวที่เขาไม่อยากทำลายในครานั้นที่ทำให้จิตใจอันรุนแรงของเขาอ่อนลง

บัดนี้ ไข่มุกอยู่ตรงหน้าและยังปกป้องเขาไว้ ความรู้สึกเช่นนี้… ไม่ว่าเคยรู้สึกมากี่หน ยังคงทำให้หรงอี้ใจเต้นแรง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขา

หรงอี้ที่กอดนางไว้แน่น เมื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถอนจูบ เขาก็จูบกลับไปราวกับไม่สามารถควบคุมตนเองได้

เพียงเท่านี้… หรงหวงปลีกตัวออกไปนานแล้ว

เขาไปจัดการเจ้าเด็กสองคนนั่น ถึงอย่างไรเขาก็มีหน้าที่แค่ผลิตน้ำตาลและอาหารสุนัข ปฏิเสธการกิน[1]

แต่ว่าแม้เขาจะไม่ไป สองสามีภรรยาก็ไม่ได้ ‘สนใจ’ เขา พวกเขาลืมเขาไปนานแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขาคือความรักที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อเยี่ยนอวี๋ได้ยินเสียงทะเลาะของคนสองคน นางจึงดึงสติกลับมาและซบศีรษะลงบนซอกคอของสามี ใบหูแดงก่ำ

นางในบัดนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่นางจูบสามีนาง เหมือนว่าท่านปู่หวงยังอยู่ข้างๆ นี่มันน่าอายจริงๆ

หรงอี้ที่รับรู้ถึงความเขินอายของภรรยา เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านปู่ไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เจ้ายังไม่จูบ เขาก็ไปแล้ว”

เยี่ยนอวี๋ยังคงเงียบ เอาแต่มุดเข้าไปในซอกคอของสามีนาง รู้สึกว่าเขากำลังโกหกนาง ความจริงคงไม่ใช่เช่นนี้แน่ๆ รู้สึกอายจังเลย…

หรงอี้รู้สึกถึงความพึ่งพาและความออดอ้อนของเยี่ยนอวี๋ เขาไม่ได้อธิบายต่อ เพียงแค่ลูบหลังนุ่มนิ่มของปลาตัวนี้ โอบนางเข้ามาชิดเขามากกว่าเดิม ยังจูบเจ้าปลาน้อยตัวนี้เป็นบางครั้งบางคราว

“อย่า” เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นปิดปากของเขาไว้ ใบหูและใบหน้าแดงไปหมด “คนอื่นเห็นหมดแล้ว”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หรงอี้จับมือที่ปิดปากเขาไว้ ถามด้วยเสียงแหบแห้งและเบาว่า “เช่นนั้นกลับห้องกัน?”

เยี่ยนอวี๋ “…”

พวกเขาเพิ่งออกมา ตอนนี้จะกลับไปอีกคงจะดูไม่ดี

เยี่ยนอวี๋ที่คิดเช่นนี้ก็ถามตรงไปตรงมา

“ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ” หรงอี้ไม่ใช่คนที่จะสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร

แม้เยี่ยนอวี๋ยังมียางอาย แต่หรงต้าซือมิ่งกลับถามด้วย ‘ไพ่ตาย’ ว่า “เจ้าอยากมีลูกอีกคนมิใช่หรือ เรามาพยายามกันอีกหน่อย จะได้มีเร็วขึ้น”

เยี่ยนอวี๋ตาเป็นประกาย “เช่นนี้หรือ”

หรงอี้ที่เดิมทียังข่มอารมณ์ไว้ได้ จู่ๆ ก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาตอบอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน”

“เช่นนั้นกลับกันเถอะ” เยี่ยนอวี๋พูดพลางกำลังจะ ‘ขยับ’ ตัว

หรงอี้กลับไม่ให้นางขยับ เขาอุ้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ทำให้เขาใจเต้นรัวคนนี้กลับห้องไปมีคนที่สองแล้ว

เยี่ยนอวี๋กลับมีความคิดอาจหาญว่า “สามี เรามามีแฝดสามกันเถอะ เหมือนท่านย่าซี คลอดสามคนในคราเดียว น่าครื้นเครง”

หรงอี้ที่จูบ ‘เกล็ด’ อ่อนนุ่มของเจ้าปลาตัวน้อยไม่อยากพูดอะไรอีก เขาอยากปฏิบัติจริงเท่านั้น

เยี่ยนอวี๋กลับซักไซ้ว่า “ดีหรือไม่เจ้าคะ”

“อื้ม” หรงอี้ตอบอย่างคลุมเครือ ทำให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ลืมถามเรื่อง ‘แฝดกี่คน’ อย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรจะแฝดกี่คน คลอดออกมาก็รู้

อีกทั้งไม่ว่าจะแฝดกี่คน หรงอี้ไม่สนใจจริงๆ เขาสนใจแค่กระบวนการก่อนตั้งครรภ์และความลุ่มหลงอย่างไม่อยากถอนตัวออกมาเท่านั้น

เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ถูกท่านพ่อตัดสินใจเป็นพ่อ ‘เนรคุณ’ เขาไม่รู้เลยว่าท่านพ่อและท่านแม่เขาได้จัดตารางเวลาให้น้องชายหรือน้องสาวของเขาแล้ว เขายังคงเล่นอยู่ในแดนมหัศจรรย์อย่างสนุกสนาน

เด็กน้อยที่ถูกอวิ๋นจื่อซีอุ้มขึ้นฝั่ง เขายังคงมีความสุขมาก “ปลาเยอะมากเลย”

“ครั้งหน้าให้เสี่ยวเป่ามาจับอีกนะ” อวิ๋นจื่อซีเซ็ดตัวเหลนชายพลางเกลี้ยกล่อม นางยังหอมแก้มของเจ้าตัวน้อยเบาๆ

เสี่ยวหรงเยี่ยนดิ้นทำท่าจะลงพื้นพูดว่า “ไปตอนนี้”

อวิ๋นจื่อซีที่กอดเหลนชายน้อยไว้แน่นย่อมไม่ยอม “ตอนนี้ไม่ไปแล้ว เสี่ยวเป่าของเราแช่ในน้ำนานแล้ว ครั้งหน้าค่อยลงไปดีหรือไม่จ๊ะ”

“ไม่ดี…” เสี่ยวหรงเยี่ยนพูดว่า “นี่ก็ ครั้งหน้าแล้ว ขึ้นมา ลงไปอีก ก็คือครั้งหน้า”

อวิ๋นจื่อซีไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับเหลนชายน้อยคนนี้ดี “ครั้งหน้าที่ข้าหมายถึงคือออกไปทานข้าวและนอนหลับก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

“ไม่ถูก” เสี่ยวหรงเยี่ยนพูดอย่างมีเหตุมีผลว่า “ย่าทวด ไม่ได้พูดเช่นนี้…”

อวิ๋นจื่อซี “…”

เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นว่าเหลนชายน้อยน่ารักน่าชังและเชื่อฟังคนนี้จะเชื่อฟังเช่นนี้

ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ใช้วิธีจู่โจมอวิ๋นจื่อซีด้วยความน่ารัก “ย่าทวด…”

อวิ๋นจื่อซีที่ทนไม่ไหวนางพยายามต้านไว้อย่างยากลำบาก “เช่นนี้ดีหรือไม่ ย่าทวดพาเจ้าไปดูอย่างอื่น น้ำน่ะไม่ลงแล้ว”

เสี่ยวหรงเยี่ยนไม่ค่อยพอใจ แต่ยังคงตอบตกลงว่า “ก็ได้ เป่าเด็กดี”

อวิ๋นจื่อซียอมแพ้แล้วจริงๆ “ใช่ เสี่ยวเป่าของเราเป็นเด็กดีที่สุด น่ารักที่สุด ย่าทวดพาเจ้าไปเล่นของที่สนุกกว่านี้นะ เล่นจนกว่าเจ้าไม่อยากเล่นเลย”

“ขอรับ” เสี่ยวหรงเยี่ยนมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เขาเร่งเร้าว่า “เร็วเข้า…”

อวิ๋นจื่อซีพาเจ้าตัวน้อยเข้าไปในสวนอสูรของตนเอง ข้างในมีอสูรหลากหลายประเภทจากแดนจื้อว่าน แดนพระสุเมรุ และแดนเทพ

“ว้าว…” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ได้เปิดโลกใหม่ เขาก็ดีใจมาก

อวิ๋นจื่อซีเรียกค้างคาวน้อยและหมาป่าสายฟ้ามาเล่นเป็นเพื่อน ส่วนนางก็นั่งมองอยู่ข้างๆ คอยดูแลความปลอดภัย

“ฮ่า”

“ฮ่าๆ”

เสี่ยวหรงเยี่ยนเล่นอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังไม่ขาดสาย

หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งอดยิ้มเห็นฟันตลอดเวลาไม่ได้ “ท่านเสี่ยวเป่าร่าเริงจริงๆ”

“ข้าก็เพิ่งรู้ว่าเสี่ยวเป่าร่าเริงได้เช่นนี้ ข้าคิดว่าเขาจะได้นิสัยจากท่านแม่เขามา อ่อนโยนและเชื่อฟัง ดูท่าข้าคงใสซื่อเกินไป” อวิ๋นจื่อซีปาดเหงื่อบนศีรษะ เหงื่อเหล่านี้ย่อมมาจากเด็กน้อยที่ทำให้นางตกใจ

ต้องรู้ว่าโดยปกติแล้วเด็กน้อยเชื่อฟังมาก แต่ขณะที่เขาเล่นไปครู่หนึ่ง หากมีอสูรตัวไหนไม่เชื่อฟังเขา เขาจะกัดมันกลับทันที นี่มันช่าง… ทำเอาอวิ๋นจื่อซีตกใจไปหลายรอบ

ถึงอย่างไรอสูรบางตัวก็ไม่สามารถกัดเป็นได้ มันมีพิษ

อวิ๋นจื่อซีกังวลจนหัวจะล้าน แต่เจ้าตัวน้อยกลับน่ารักมาก ทุกครั้งที่นางอยากพาเขาออกมา เจ้าตัวน้อยก็จะขายความน่ารักของตนเองเต็มที่ ทำเอานางละลายไปหลายรอบ มิหนำซ้ำเขายังรู้ ‘เหตุและผล’ ดีมาก

“แบบนี้ก็ดี สมแล้วที่เป็นลูกคนโตของอี้เอ๋อร์” หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งยิ่งดูก็ยิ่งชอบเด็กน้อย ยังอดพูดไม่ได้ว่า “หากอี้เอ๋อร์ไม่ได้พบเจออุปสรรคมากเกินไปเมื่อตอนเด็ก เขาคงจะร่าเริงและน่ารักเหมือนท่านเสี่ยวเป่า คงไม่แข็งกร้าว”

“ใช่” อวิ๋นจื่อซีเห็นด้วยกับการคาดเดาของหงฟ้าหมิงเฟิ่ง

หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งยิ้มอีกครั้ง มองเด็กน้อยอย่างตั้งใจขึ้นกว่าเดิม

แต่มีเพียงหงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งที่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยตรงหน้าที่เขามองอยู่นี้ ภาพที่ปรากฏกลับเป็นหน้าตาของท่านพ่อเขาตอนเด็ก เขาเป็นเสือดาวน้อยที่ดุร้ายและพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ สายตาเฉียบแหลม ท่าทางพร้อมสังหาร

“นายหญิง จิ่วอิงเล่า” จู่ๆ หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งถามขึ้น

อวิ๋นจื่อซีส่ายศีรษะ “ไม่รู้มันสิ อี้เอ๋อร์บอกว่ามันขอเที่ยวเล่นในแดนจิ่วเหลียน มันกลับเล่นจนไม่ได้กลับมาเลย คงแอบไปกินมนุษย์อยู่กระมัง เฮ้อ…”

หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งไม่ได้สนใจว่าจิ่วอิงไปที่ไหน ที่เขาพูดถึงจิ่วอิงเพียงเพราะอยากพูดว่า “หากท่านเสี่ยวเป่าต้องไปผ่านด่านเคราะห์ หวังว่านายหญิงจะให้ข้าติดตามเขาไป”

ช่วงก่อนหน้านี้ เขาอยากติดตามอี้เอ๋อร์ไป แต่เขาสู้จิ่วอิงไม่ได้จริงๆ หลายปีมานี้เขาพยายามบำเพ็ญตบะ เพราะอยากจะมีสิทธิ์ไปผ่านด่านเคราะห์เป็นเพื่อนท่านเสี่ยวเป่า

อวิ๋นจื่อซีได้ยินดังนั้นกลับจับหูเบาๆ “ตอนนี้อย่าพูดถึงเรื่องผ่านด่านเคราะห์กับข้าเลย ได้ยินแล้วขนลุก ข้าแค่อยากให้ครอบครัวใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักสองสามเดือน ข้าคงไม่ได้หวังสูงไปหรอกนะ”

หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่งหัวเราะ “นายหญิง โชคของท่านพิลึกมาโดยตลอด เกรงว่าจะไม่เป็นดั่งที่หวัง”

“พูดอีกทีซิ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะโยนเจ้าออกไป ให้หลงตี้มาจัดการเจ้า”

“นายหญิงโปรดให้อภัย”

ทั้งสองคุยเล่นกันอยู่พักใหญ่ก่อนจะตกใจกับ ‘การกระทำอันรุนแรง’ ของเด็กน้อยอีกครั้ง

และครานี้ อวิ๋นจื่อซีคิดว่าจะถูกอ้อนอย่างไรก็ต้องนิ่งไว้ “ไม่เล่นแล้ว เราออกไปกินข้าวเถอะ”

เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ทันทีที่ได้ยินว่ากินข้าว ท้องก็ร้อง จ๊อก เขาจึงยอมอย่างรวดเร็ว “ขอรับ ออกไป กินข้าวข้าว…”

“ไปๆๆ” อวิ๋นจื่อซีกลัวว่าเด็กน้อยจะกลับคำจึงรีบพาเจ้าตัวน้อยออกจากแดนมหัศจรรย์อย่างรวดเร็ว

หงส์ฟ้าหมิงเฟิ่ง หมาป่าสายฟ้าและค้างคาวน้อยก็ติดตามไปด้วย ทว่า…

หมาป่าสายฟ้ามีคำถาม “นายหญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเสี่ยวไป๋เลยขอรับ”

หมาป่าสายฟ้าและเจ้าเหมียวสีขาวถือว่าเป็นอสูรตัวแรกๆ ที่ติดตามอวิ๋นจื่อซี ความสัมพันธ์ของพวกมันดีไม่น้อย

อวิ๋นจื่อซีไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าเหมียวสีขาวอยู่ที่ไหน “ไปหาฝูเหอแล้วแน่ๆ”

“ฝูเหอก็มาหรือขอรับ” หมาป่าสายฟ้าคิดไม่ถึง เพราะว่าไม่ได้เจอนานแล้ว

อวิ๋นจื่อซีพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ข้าและท่านปู่พวกเขามากันหมดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ”

หากไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไร เดิมทีอวิ๋นจื่อซีอยากจะเป็นคนต้อนรับครอบครัวด้วยตนเอง แต่จะทำอย่างไรได้ นอกจากจะต้องซ้อมเจ้ารอง เหลนชายน้อยยัง ‘หาย’ ไปอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างจึงล่าช้าออกไป

ทว่าสำหรับอวิ๋นจื่อซีที่กลับบ้านอยู่เป็นประจำแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เหวินเหรินซู่ซินกำลังคุยกับหนี่ว์ตี้และท่านย่าเลี่ยว พวกเขาไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว

ท่านย่าเลี่ยวในครานี้กำลังพูดว่า “อวิ๋นเมิ่ง บ้านเจ้ายังมีแม่นางอีกหรือไม่ เจ้าดูจงหมิงของเราไม่เลวเลย ข้าอยากหาภรรยาให้เขา”

ในฐานะที่จางอวิ๋นเมิ่งเป็นเจ้าภาพ นางย่อมออกมาต้อนรับครอบครัวที่มาดองญาติเหล่านี้แล้ว ครานี้กำลังพูดคุยกับ ‘สาวๆ’ ในกลุ่มสะใภ้อย่างสนุกสนาน

บัดนี้เมื่อได้ยินความต้องการของท่านย่าเลี่ยว จางอวิ๋นเมิ่งกลับปวดศีรษะเล็กน้อย “บ้านของอวิ๋นเมิ่งมีแค่บุตรชายอีกสองคน ยังหาภรรยาไม่ได้ ข้าเองก็ปวดหัว”

“เฮ้อ ทำไมเป็นผู้ชายไปเล่า” ท่านย่าเลี่ยวรู้สึกหงุดหงิด “ไม่มีแม่นางดีๆ สักคนที่ยังไม่มีคู่หรือ”

จางอวิ๋นเมิ่งครุ่นคิดอีกรอบก่อนจะตบมือพูดว่า “เม่ยเอ๋อร์ของเราใช้ได้”

ท่านย่าเลี่ยวตาเป็นประกาย “คือคนไหนหรือ ให้ข้าดูหน่อยสิ”

“ไม่ได้มาเจ้าค่ะ ข้าให้ชุ่ยชุ่ยไปเรียก” จางอวิ๋นเมิ่งพูดเสร็จก็เรียกชุ่ยชุ่ยเข้ามา

ชุ่ยชุ่ยเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ฮูหยิน”

“รู้หรือไม่ว่าเม่ยเอ๋อร์อยู่ที่ไหน” จางอวิ๋นเมิ่งถาม

ชุ่ยชุ่ยพยักหน้าทันที “รู้เจ้าค่ะ ข้าน้อยและเม่ยเอ๋อร์นัดกันไว้ว่าจะประลองฝีมือกันที่หลังเขา”

จางอวิ๋นเมิ่งงุนงง “เจ้าและเม่ยเอ๋อร์?” เกรงว่าจะหาเหาใส่หัว

“ใช่เจ้าค่ะ พี่เม่ยเอ๋อร์บอกว่าตอนนี้ข้าสู้กับนางได้แล้ว แต่ข้ายังรู้สึกกังวลอยู่เลยเจ้าค่ะ” ชุ่ยชุ่ยกังวลจริงๆ เหงื่อซึมฝ่ามือนาง แต่นางเพิ่งออกจากการจำศีล ตามที่เจ้าสำนักเคยกล่าว นางจำเป็นต้องประลองฝีมืออย่างเร่งด่วน

ดังนั้นแม้ชุ่ยชุ่ยจะกังวลมาก แต่ยังคงตัดสินใจที่จะไปลอง

จางอวิ๋นเมิ่งไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “…ก็ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าประลองกันเสร็จแล้วให้เม่ยเอ๋อร์มาหาข้า”

“เจ้าค่ะ ฮูหยินโปรดวางใจ” ชุ่ยชุ่ยพูดพลางคำนับจากไป

ท่านย่าเลี่ยวรอจนนางไปไกลแล้วถามขึ้นว่า “ข้าดูแม่นางคนนี้ก็ใช้ได้นี่”

“ชุ่ยชุ่ยก็ดีเจ้าค่ะ แค่ขี้ขลาดไปหน่อย ข้าและสามีจึงให้นางอยู่แต่ในสำนัก ออกไปจะถูกคนอื่นกลั่นแกล้งเอา” จางอวิ๋นเมิ่งอธิบาย

ท่านย่าเลี่ยวกลับคิดถึงคนๆ หนึ่ง “อาณาจักรทั้งปวงของเรามีชายหนุ่มอารมณ์ดีคนหนึ่ง ดีกว่าจงหมิงที่มีอารมณ์แปรปรวนของเรามาก ครั้งหน้าข้าพามาให้เจ้าลองดู?”

“ไม่ไกลเกินไปหรือเจ้าคะ”

“กลัวอะไร พรุ่งนี้ให้หลีเอ๋อร์บอกสามีของนางสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามแดน จะได้ไปมาหาสู่สะดวกยิ่งขึ้น”

“สะดวกหรือ” จางอวิ๋นเมิ่งไม่ค่อยเข้าใจโลกของ ‘ข้างบน’ มากนัก รู้สึกเป็นสิ่งเลื่อนลอย

ท่านย่าเลี่ยวรับรองอีกครั้งว่าไม่ใช่ปัญหา นางถามอีกครั้งอย่างไม่ยอมตายใจว่า “แล้วนอกจากแม่นางเม่ยเอ๋อร์ ยังมีแม่นางอื่นหรือไม่ ชายหนุ่มในอาณาจักรทั้งปวงของเรามีจำนวนมากเกินไปจริงๆ”

จางอวิ๋นเมิ่งที่ในบ้านยังมีบุตรชายอีกสองคนที่ยังไม่แต่งงานรู้สึกปวดศีรษะจริงๆ “หรือไม่ลองถามเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ดีหรือไม่เจ้าคะ”

“แล้วเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เล่า” ท่านย่าเลี่ยวคิด จนถึงตอนนี้นางยังไม่เห็นภรรยาของอี้เอ๋อร์เลย

อย่าว่าแต่ท่านย่าเลี่ยวที่ร้อนใจเลย เย่อู๋จี๋ตาทวดคนนี้ร้อนใจยิ่งกว่า “นั่นน่ะสิ อี้เอ๋อร์และภรรยาเล่า? แล้วก็ไม่ใช่บอกว่าอี้เอ๋อร์และภรรยาเขามีเสี่ยวเป่าอีกคนด้วยหรือ เสี่ยวเป่าเล่า ทำไมไม่เห็นแม้แต่เงาเลย?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ไท่อี่ที่นั่งไม่ติดตั้งแต่แรกหยิบไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา จากนั้น…

[1] กินอาหารสุนัข หมายถึง อาการอิจฉาเมื่อคู่รักแสดงความรักในที่สาธารณะ

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท