เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 33 เป่าเป็นร่างสมบัติที่เกิดจากการรวมตัวกันของเผ่าพันธุ์ทั้งหก

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

บทส่งท้าย 33 เป่าเป็นร่างสมบัติที่เกิดจากการรวมตัวกันของเผ่าพันธุ์ทั้งหก

ปู่น้อยพระสังฆราชเผ่าเสวียนซือโค่วและเจียนไท่อี่ยังไม่ทันพูด เด็กน้อยก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียงร้อง ‘เนะ’

“อยู่นี่…” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นก็ได้ยินชื่อของตนเอง เขาพูดอย่างหน่อมแน้มว่า “เป่าอยู่นี่ขอรับ…”

ทันใดนั้นเอง… ภายในห้องที่เสียงดังครึกครื้นจู่ๆ ก็เงียบสงัด สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เด็กน้อย

เสี่ยวหรงเยี่ยนที่เดิมทีส่งเสียงขึ้นมาหดคอลงในทันที เขารู้สึกไม่ได้การแล้ว เพราะว่าสายตาลุกวาวตรงหน้าทั้งหมดนี้ทำให้เขาคิดถึงเหวินเหรินซู่ซินและญาติคนอื่นๆ ที่ทั้งจูบและกอด ทั้งหยิกและลูบอย่างดุเดือดก่อนหน้านี้

ทันทีที่คิดเช่นนี้… เสี่ยวหรงเยี่ยนขนลุกไปหมด

น่าเสียดายที่เขาไม่ทันตั้งสติได้ ท่านปู่น้อยไท่อี้คว้าขาของเขาไว้อย่างรวดเร็ว “ลูกของอี้เอ๋อร์?”

เสี่ยวหรงเยี่ยนที่แทบอยากจะมุดกลับเข้าไปในแดนมหัศจรรย์ เขาก็กะพริบตาไม่ได้หนีไปไหน เพราะว่าเขาเห็นท่านปู่น้อยที่ประกายสีม่วงตรงหน้านี้ร้องไห้อย่างหนัก

ท่านปู่น้อยไท่อี้ร้องไห้จริงๆ “อี้เอ๋อร์”

พระสังฆราชไท่อี้ที่ไม่เคยเห็นเสี่ยวมั่วมั่วตอนเด็ก เคยเห็นเพียงอี้เอ๋อร์ตอนเด็ก เขามองเด็กน้อยจิ้มลิ้มตรงหน้าคิดถึงครานั้นที่เจออี้เอ๋อร์ครั้งแรก ถูกเขาอุ้มและเขายังถูกกัด วานนี้ราวกับชั่วกัลป์

แม้แต่ชายผู้แข็งแกร่งเยี่ยอู๋จี๋ บัดนี้ตาก็แดงก่ำ “นี่ นี่ก็คือเสี่ยวเป่าหรือ” พันปีไม่เจอ อี้เอ๋อร์เจ้าหมอนั่นมีลูกที่เหมือนกับเขาตอนเด็กคนหนึ่งเสียแล้ว

เยี่ยอู๋จี๋รู้สึกเพียงว่าความทรงจำของตนเองราวกับยังหยุดอยู่ตอนที่เขาอยู่ในรถคุมขังเห็นเสี่ยวอี้เอ๋อร์ ครานั้นเด็กน้อยยังไม่มีชื่อ เขาเป็นคนตั้งชื่อให้ว่า ‘อี้’ หวังว่าเด็กน้อยจะมีชีวิตสงบสุข

ทว่าตั้งแต่เด็กน้อยกำเนิดก็ไม่เคยสงบสุขเลย และยังต้องออกมาผ่านด่านเคราะห์เพียงผู้เดียวนับพันปี ระหว่างนั้นไร้ซึ่งข่าวคราว ทำให้เขาเป็นห่วงจนผมขาวหมดแล้ว

“อี้เอ๋อร์”

“อี้เอ๋อร์…”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นตามกันมา ตั้งแต่ตระกูลเยี่ย ตระกูลไท่อี้และตระกูลเลี่ยว ทำเอาพวกเขาบางคนร้องไห้ บางคนซาบซึ้ง บางคนถอนหายใจ

ในฐานะที่เป็นตระกูลทั้งสามที่เคยเห็นหรงอี้เมื่อตอนเด็ก พวกเขาถูกเสี่ยวหรงเยี่ยนตรงหน้าพากลับไปสมัยที่หรงอี้เป็นเด็ก คิดย้อนถึงสิ่งที่ผ่านมามากมาย ได้เห็นความขมขื่นและการต่อสู้ดิ้นรน

อีกทั้งพวกเขาที่รู้ว่าอี้เอ๋อร์มีอารมณ์ร้ายก็ไม่มีผู้ใดแตะเนื้อต้องตัวเสี่ยวหรงเยี่ยน พวกเขาเห็นเขาเป็นเจ้าคนทะนงตนและอารมณ์ร้ายคนนั้น ‘รู้’ ว่าเขาเป็นเด็กไม่ยอมให้จูบง่ายๆ หากบีบคั้นมากไปจะระเบิด

ทุกคนหักห้ามตนเองไว้ พวกเขาเพียงแค่ลูบมือหรือขา หรือกระทั่งชายเสื้อของเจ้าตัวน้อย ดูสำรวมมาก

กลับทำเอาเสี่ยวหรงเยี่ยนสงสาร เขามองคนนี้ทีคนนั้นที ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

สุดท้ายเยี่ยอู๋จี๋กล้าหาญกว่าผู้ใด เขายื่นมือไปลูบผมอ่อนของเด็กน้อยเบาๆ เป็นคนแรก “เสี่ยวเป่า ข้าคือตาทวดอู๋จี๋ของเจ้า”

เสี่ยวหรงเยี่ยนมองท่านตาทวดที่มีผมหงอกเต็มศีรษะยื่นมืออวบอ้วนออกไป “อุ้ม…”

เยี่ยอู๋จี๋ตกใจ จากนั้นก็หัวเราะเสียงออกมา “ได้ อุ้มๆ อุ้มเสี่ยวเป่า”

“ฮี่…” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่หัวเราะอย่างมีความสุขยังจูบเยี่ยอู๋จี๋

เยี่ยอู๋จี๋กระโดดขึ้นมาทันที กระโดดขึ้นมาจริงๆ “พวกเจ้าดูสิ เสี่ยวเป่าจูบตาแก่เช่นข้าแล้ว”

เลี่ยวจงหมิงอิจฉา “เสี่ยวเป่าเจ้าจูบตาจงหมิงด้วยสิ ท่านตาเจ้างดงามดั่งดอกไม้ รีบจูบข้าสิ”

“ขอรับ…” เสี่ยวหรงเยี่ยนตกลงและยังประชิดเข้าไปที่ใบหน้าของเลี่ยวจงหมิงก่อนจะ ‘จุ๊บ’ ทีหนึ่ง

“โอ๊ย” เลี่ยวจงหมิงอุทานดีใจ เขาโถมตัวใส่เยี่ยป้าเทียนที่กำลังสงบเสงี่ยม (อันที่จริงกำลังจ้องซีหมัว) “อาเขย เสี่ยวเป่าจูบข้าด้วย”

เยี่ยป้าเทียน “จูบก็จูบสิ มีอะไร ไม่นะ… เจ้าบอกว่าใครจูบเจ้านะ?”

“เสี่ยวเป่าไง ลูกของอี้เอ๋อร์” เลี่ยวจงหมิงโอ้อวดสุดฤทธิ์

เยี่ยป้าเทียนเพิ่งตั้งสติได้ แต่เขายังคงไม่ได้เข้าไปหาเด็กน้อย แต่ยังคงยืนหยัดที่จะอยู่ข้างกายภรรยาหลังจากที่ดูเด็กน้อยแล้ว เขายืนหยัดที่จะไม่ไปไหน ยืนหยัดที่จะไม่ให้ซีหมัวฉวยโอกาส

ซีหมัวยิ้ม ยิ้มอย่างชั่วร้ายและยังยิ้มให้หนี่ว์ตี้ที่อยู่ข้างกายเยี่ยป้าเทียน “หนี่ว์ตี้ ไม่ไปดูเหลนชายน้อยของเจ้าหรือ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า” เยี่ยป้าเทียนรู้สึกว่าซีหมัวจอมร้ายกาจนั่นไร้ยางอายจริงๆ เสี่ยวหลินมาเชิญตระกูลเยี่ยพวกเขา เขายังมีหน้าตามมาด้วย ที่น่าโมโหคือ ท่านพ่อตาแก่ของเขาคนนั้นยังตกลงด้วย เยี่ยอู๋จี๋เองก็ตกลง…

ทว่าเยี่ยอู๋จี๋ในครานี้ไม่มีเวลามาสนใจสายตา ‘แค้นเคือง’ ที่เยี่ยป้าเทียนมองมา เขากำลังอุ้มเด็กน้อยอย่างมีความสุข เรื่องอื่นๆ เขาย่อมไม่มีเวลาไปยุ่ง

“อู๋จี๋ อู๋จี๋ ตาข้าแล้วหรือยัง” ชายชราน้อยไท่อี้อิจฉา เขาเบียดตัวขึ้นไปข้างหน้าเด็กน้อย

เสี่ยวหรงเยี่ยนรู้สึกสนใจท่านตาน้อยที่ตัวเตี้ยกว่าผู้อื่นแต่ดูแล้วเนื้อตัวระยิบระยับสีม่วงคนนี้ เขาจึงยื่นมือให้เขา “อุ้ม…”

“มาจ๊ะ” ชายชราตัวน้อยไท่อี้รีบชูมือขึ้นรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก

เสี่ยวหรงเยี่ยนหัวเราะ “รัก” ท่านตาสีม่วงตัวน้อยสวยจังเลย

“ฮ่าๆๆๆ…” ชายชราตัวน้อยไท่อี้ดีใจมาก “ข้าคือปู่ทวดน้อยของเจ้า” อี้เอ๋อร์เรียกเขาปู่น้อย ลูกของอี้เอ๋อร์ก็ต้องเรียกเขาว่าปู่ทวดน้อย

“ปู่ทวดน้อย” เสี่ยวหรงเยี่ยนเรียกอย่างอ่อนโยนและชัดเจน

เหวินเหรินซู่ซินที่อยู่ไม่ไกลดูถึงตรงนี้ก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าพูดคล่องขึ้นมาก ตัวก็สูงขึ้นด้วย ผมก็ดำขึ้น พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่”

“เห็นแล้ว” อวิ๋นอีหมิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “สูงกว่าเดิมตั้งครึ่งศีรษะ ผมก็ยาวขึ้นหนึ่งเท่าและยังดำขึ้นด้วย ไม่ง่ายเลยจริงๆ”

“ไม่ง่ายจริงๆ ใครก็ตามที่หน้าตาเหมือนลูกเขย ตอนเด็กผมงอกช้า มั่วมั่วเป็นเช่นนี้ อี้เอ๋อร์ก็เช่นกัน ซีเอ๋อร์ค่อยยังดีหน่อย” เหวินเหรินซู่ซินยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเศร้า

อวิ๋นจื่อซีในครานี้ นางกอดท่านแม่ของนางไว้ “ท่านแม่ไม่รักลูกแล้ว ในสายตาของท่านมีแต่เสี่ยวเป่า ไม่มองข้าเลย”

เหวินเหรินซู่ซินตกใจรีบปฏิเสธ “ไม่มีเสียหน่อย”

“ลูกเห็นหมดแล้ว ท่านเอาแต่มองเสี่ยวเป่า ลูกมาถึงนานเช่นนี้แล้ว ท่านไม่มองลูกเลย ไม่รักลูกแล้วจริงๆ ด้วย” อวิ๋นจื่อซีประท้วงอย่างออดอ้อน

เหวินเหรินซู่ซินพูดโกหกไม่เป็น นางยอมรับผิดแต่โดยดี “แม่ไม่ดีเอง ไม่เห็นเสี่ยวซีเอ๋อร์ของเรา ประเดี๋ยวทำอาหารอร่อยๆ ให้เจ้ากินนะ”

“…ก็ได้ ครั้งนี้อภัยให้ท่านเจ้าค่ะ” อวิ๋นจื่อซียิ้มตอบ

เหวินเหรินซู่ซินลอบถอนหายใจ ก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าของบุตรสาว “เจ้าก็นะ โตขนาดนี้แล้วยังแย่งความรักกับเสี่ยวเป่าอีก”

“ลูกจะโตแค่ไหน แต่อยู่กับท่านแม่ก็ยังคงเป็นเสี่ยวซีเอ๋อร์มิใช่หรือเจ้าคะ” อวิ๋นจื่อซีพูดอย่างมีเหตุมีผล

บทสนทนาเช่นนี้… ทำให้หมิงเฟิ่งที่ติดตามอยู่ข้างๆ มั่นใจว่าที่ท่านเสี่ยวเป่า ‘มีเหตุมีผล’ เช่นนี้คงจะได้มาจากนายหญิงท่านนี้ของเขา

เสี่ยวหรงเยี่ยนในครานี้ถูกเปลี่ยนมือไปที่หนี่ว์ตี้แล้ว ชุดหนี่ว์ตี้สีทองอร่ามและมงกุฎสีทองของฝ่ายหลังทำให้เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ถูกอุ้มชอบมาก “สวย ว้าว…”

หนี่ว์ตี้ถูกชมจนยิ้มกว้าง “ปากของเป่าหวานจริงๆ เหมือนกับท่านพ่อเจ้าตอนเด็กเลย”

“หวาน” เสี่ยวหรงเยี่ยนพยักหน้าอย่างมีความสุข “เป่าหวาน…”

หนี่ว์ตี้ทนไม่ไหว นางจูบแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยทีหนึ่ง “หวานจริง หวานมากจ้ะ”

“ฮี่…” เสี่ยวหรงเยี่ยนหัวเราะอย่างเริงร่ากว่าเดิม

หลังจากหนี่ว์ตี้มองเจ้าตัวน้อยอย่างละเอียดแล้วก็อดถามบุตรสาวข้างกายไม่ได้ว่า “อี้เอ๋อร์เล่า เหตุใดจึงไม่เห็นเขาและภรรยาของเขาเลย”

“คงจะกำลังยุ่งเจ้าค่ะ” เยี่ยเชียนหลีกล่าวอย่างคลุมเครือ

หนี่ว์ตี้รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าไม่ได้เจอหลายปีเช่นนี้ อี้เอ๋อร์ของเราเป็นอย่างไรบ้าง”

“ดี พ่อ ดี…” เสี่ยวหรงเยี่ยนตอบให้แทนอย่างจริงจัง

หนี่ว์ตี้หัวเราะ “เป่าของเรารู้หมดเลย”

“ใช่ เป่าฉลาด” เสี่ยวหรงเยี่ยนชมตนเองอย่างไม่มีทีท่าเขินอาย

หนี่ว์ตี้ขบขันหัวเราะไม่หยุด “ใช่จ๊ะใช่ เสี่ยวเป่าของเราฉลาดที่สุด สุดยอดเลย”

เสี่ยวหรงเยี่ยนที่จับศีรษะของตนเอง เดิมทีเขาอยากจะพูดว่า ‘ใช่’ แต่เมื่อเขาจับหัวเสร็จ เขาก็ต้องตะลึง เขาเบิกตากว้าง ทำสีหน้า ‘ไม่อยากจะเชื่อ’

หนี่ว์ตี้เห็นท่าทีของเขาก็รู้สึกทั้งรักและประหลาดใจ “เป็นอะไรไปจ๊ะ”

“เห็นทีคงจะเพิ่งรู้ตัวว่าผมยาวแล้ว” เยี่ยนเชียนหลีพูดอมยิ้มและยังยื่นมือไปลูบผมของเด็กน้อย

เด็กน้อยร้องอุทาน “อ้ะ”

เสียงหัวเราะอัธยาศัยดังขึ้นรอบๆ พวกเขาเดาได้ว่าเจ้าตัวน้อยคงทั้งดีใจและประหลาดใจในคราวเดียวกัน

“อ้ะ อ้ะ…”

เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ดีใจปนประหลาดใจจริงๆ ก็อุทานขึ้นหลายรอบก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมเป่างอก งอกเยอะๆ”

“ใช่จ๊ะ” เยี่ยเชียนหลีหัวเราะไม่หยุด นางโอบเขาเข้ามาในอ้อมอกและยังจูบอีกสองสามที พูดด้วยน้ำเสียงซุกซนว่า “งอกเยอะมากเลย เสี่ยวเป่าดีใจหรือไม่จ๊ะ”

“ดีใจขอรับ”

“เช่นนั้นจูบย่าทีหนึ่งได้หรือไม่จ๊ะ”

‘จุ๊บ’ เสี่ยวหรงเยี่ยนที่จูบลงไปทันที เขายังจูบอีกหลายทีด้วย น่าเสียดายที่ตอนหลังจูบโดนฝ่ามือของท่านปู่มั่วของเขาแทน

หรงมั่วที่โอบตัวเด็กน้อยที่ตื่นเต้นดีใจเข้ามาในอ้อมอกด้วยฝ่ามือเดียว เขาหยิกตัวนุ่มนิ่มของเด็กน้อยเบาๆ ยิ้มพูดว่า “เพิ่งรู้ตัวหรือ โง่หรือไม่”

“ฮี่…” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ดีใจดูเซ่อซ่าไม่ได้โต้ตอบ เขาจูบหน้าของท่านปู่มั่วของเขา “เป่าดีใจ ไม่ถือสา”

เสียงหัวเราะดังลั่นจากรอบๆ “ฮ่าๆๆๆ…”

“เจ้าหมอนี่” หรงมั่วยิ้มพลางโยนเจ้าตัวน้อยขึ้นไป

“อ้ะ…” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ลอยขึ้นไปอย่างมีความสุข เขาตกลงไปในอ้อมอกของท่านปู่มั่วอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เมื่อกู้จื่อเฟิงเดินมาเห็น ‘ภาพ’ ครอบครัวสุขสันต์เช่นนี้ เขาก็หยุดลงข้างนอก ‘ภาพ’ ไม่ได้เดินเข้าไป

“เป็นอะไรหรือ” อินหลิวเฟิงที่ตามมาถามอย่างไม่เข้าใจ

กู้จื่อเฟิงจึงบอกเขาว่า “เจ้าดูเองสิ”

อินหลิวเฟิงมองไปข้างหน้า กลับไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี “ดูแล้ว ทำไมหรือ”

กู้จื่อเฟิงหมดคำจะพูด “ไม่รู้สึกเลยหรือว่านั่นคือโลกที่คนนอกอย่างพวกเราไม่ควรเข้าไป”

“ก็ไม่นี่” อินหลิวเฟิงไม่รู้จริงๆ เขายังทำท่าจะเดินเข้าไป

เอ้อร์เหมาที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็อดพูดแทรกขึ้นไม่ได้ว่า “ชุนซิ่นจวิน นายน้อยของเราไม่เคยรู้สึกเกรงใจหรอก ย่อมไม่มีความคิดเช่นท่าน”

อินหลิวเฟิงเตะขาของลูกน้องจอมเซ่อคนนี้ทีหนึ่งพูดขึ้นว่า “บอกให้เจ้าอย่าตามมา คนปากเสียนี่พูดจาดีๆ ไม่เป็นจริงๆ อยากโดนหรือไง”

“นี่มันเรื่องจริงมิใช่หรือ” เอ้อร์เหมาไม่เข้าใจ ลูกน้องที่สัตย์ซื่อตรงไปตรงมาเช่นเขาไม่ดีตรงไหน เหตุใดมักจะต้องโดนตีตลอด

กู้จื่อเฟิงรู้สึกพูดไม่ออกกับเจ้านายและลูกน้องสองคนที่สร้างความครึกครื้นได้ทุกเมื่อคู่นี้ เขาจึงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจพวกเขาอีก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขาจึงกล่าวด้วยท่าทีสงบว่า “ฮูหยิน ทุกท่าน งานเลี้ยงตระเตรียมเสร็จแล้ว เชิญเข้าร่วมขอรับ”

จางอวิ๋นเมิ่งตกใจเล็กน้อย “เสร็จเร็วเช่นนี้เลยหรือ”

“ขอรับ” กู้จื่อเฟิงพยักหน้า “นายท่านให้ข้าน้อยมาเชิญทุกท่านเข้างาน เทียนตี้ไปเชิญปฐมราชินีและจวินโฮ่วแล้วขอรับ”

จางอวิ๋นเมิ่งพยักหน้า ครั้นกำลังจะเรียกทุกคนเข้างาน จู่ๆ เยี่ยเชียนหลีก็ถามว่า “จวินโฮ่วคงไม่ใช่อี้เอ๋อร์ของเราหรอกนะ”

พรวด เลี่ยวหมิงจงหัวเราะทันที “ฟังดูแล้วเกรงว่าจะใช่จริงๆ”

“แต่งเข้าน่ะ” อวิ๋นจื่อซีเองก็หัวเราะ “เห็นทีเพื่อให้จีบเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ติดแล้ว อี้เอ๋อร์ยอมสละทุกอย่างเลยนี่”

“เรียนรู้ไว้หน่อย” หรงหวงที่พาบุตรชายอีกสองคนมาก็พูดกับผีผี รู้สึกไม่พอใจกับผีเอ๋อร์ที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องคอยกังวลกับเรื่องจีบสาวของเขา

หรงเจ๋อพยักหน้าอย่างรู้สึกผิดทันที “ขอรับ ประเดี๋ยวลูกจะขอวิชาจากอี้เอ๋อร์”

หรงหวงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้สนใจบุตรชายคนนี้อีก เขาเดินไปข้างกายภรรยาแล้ว

กู้จื่อเฟิงในครานี้เขาเงยหน้ามองทุกคนอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เห็นคนคู่หนึ่งในฝูงชน อาจจะเป็นเพราะชายทั้งสองคนนี้หน้าเหมือนจวินโฮ่วของเขามาก

“เชี่ย” อินหลิวเฟิงที่เห็นเช่นกัน เขาพึมพำคำหยาบออกมา

จากนั้นเขาก็ประชิดตัวหาจางอวิ๋นเมิ่งถามเสียงเบาว่า “สองท่านนั้นคงไม่ใช่แฝดพี่น้องอีกสองคนของจวินโฮ่วหรอกนะ”

“ไม่ใช่” จางอวิ๋นเมิ่งตอบเสียงเบา “คนที่แต่งกายชุดสีขาวบริสุทธิ์คือท่านปู่ของอี้เอ๋อร์ ส่วนคนที่สวมชุดคลุมสีขาวคือท่านพ่อของอี้เอ๋อร์”

อินหลิวเฟิงชะงัก “…”

กู้จื่อเฟิงค่อนข้างประหลาดใจ เขาจึงหันกลับไปมองสองคนนั้นอีกครั้ง

หรงหวงและหรงมั่วที่รับรู้ถึงสายตาของกู้จื่อเฟิง พวกเขามองมาที่เขาแทบจะพร้อมกัน

เพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น… กู้จื่อเฟิงก็อดคำนับอย่างต้านทานไม่ไหว ในขณะเดียวกันก็มองกลับมา รู้สึกเพียงว่าเหมือนกับว่าตนเองจะละลาบละล้วงทั้งสองท่านไป ยังคงแอบตกใจ

“สมแล้วที่เป็นท่านพ่อและท่านปู่ของจวินโฮ่ว แข็งแกร่งจริงๆ” นี่คือความคิดหนึ่งเดียวในบัดนี้ของกู้จื่อเฟิง

ส่วนสองพ่อลูกหวงหรงที่ถูกมองกลับคิดในใจพร้อมกันว่า เห็นทีอี้เอ๋อร์เจ้าหมอนั่นก็ใช่ว่าจะไม่มี ‘ศัตรูความรัก’ ที่ขวางหูขวางตา

บัดนี้สองพ่อลูกรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

หรงหวงยิ่งไม่ได้กล่าวถึงว่าไปหาเจ้าสองคนนี้นั้นในยามนี้คงจะไม่เหมาะสม ถึงอย่างไรเขาก็เกือบจะต้องดูพวกเขาอวดความรัก

ดังนั้นเทียนตี้ในบัดนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากต้าซือมิ่ง ทำเอาเขางุนงง “อาจารย์พ่อ ข้าทำอะไรผิดหรือ”

“ใช่” หรงอี้ตอบอย่างหนักแน่น

เทียนตี้ไม่เข้าใจ ยังทำท่าอยากจะมองเข้าไปในห้อง อยากถามอาจารย์ของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายศีรษะของเขายังไม่ทันยื่นออกไป เขาก็เจ็บคอเสียก่อน

จากนั้น… ก็ไม่มีจากนั้นอีก

หรงอี้ได้พาเทียนตี้ไปฝึกฝนตามลำพังเพื่อให้คำแนะนำแล้ว เพียงแต่ว่าหรงอี้เพิ่งพาเทียนตี้มาถึงลานประลองของสำนักชางอู๋ แอนนาที่เดิมทีจากไปแล้วกลับกลับเข้ามาและยังลงมาอยู่ข้างกายหรงอี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นายท่าน”

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท