เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – บทส่งท้าย 36 ดีใจที่ได้เป็นพ่อ จารึกไว้บนอนุสาวรีย์

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนพิเศษ 31 ดีใจที่ได้เป็นพ่อ จารึกไว้บนอนุสาวรีย์

ฝูเหอเห็นดังนั้นก็กัดฟันเดินไปกับอวิ๋นจื่อซี บ่อมังกรและถ้ำเสือ ‘ที่นี่’ เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันด้วยแม้แต่น้อย

ทว่าหรงหวงไม่พึงพอใจอย่างมากกับการเดินตามมาอย่างกะทันหันของเขา

แต่ฝูเหอมีข้ออ้าง “คุณหนู เรื่องที่ก่อนหน้านี้เสี่ยวไป๋ตาย ข้าน้อยหาเบาะแสบางอย่างได้แล้ว”

อวิ๋นจื่อซีถามต่อไป “อย่างไร”

แค่ก ฝูเหอที่กระแอมเบาๆ พูดว่า “บนภาพทำนายแสดงให้เห็นว่าเสี่ยวไป๋มีหายนะครั้งใหญ่จริงๆ คงเป็นเคราะห์กรรมการตายก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปแล้ว”

อวิ๋นจื่อซีวางใจลงเล็กน้อย แต่เสี่ยวไป๋ที่ตนเองขอร้องให้ฝูเหอทำนายชีวิตให้กลับร้องเหมียวๆ กำลังบอกว่า ‘หมอดูจอมปลอม ในเมื่อเจ้าทำนายได้ตั้งแต่แรก เหตุใดจึงไม่บอกข้า’

ฝูเหอไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าเหมียวตัวนี้กำลังพูดอะไร ทว่าที่จริงเขาบอกเจ้าเหมียวตัวนี้นานแล้ว เพียงแต่ว่ามันถูกความรักบังตา ไม่ได้ยิน

อวิ๋นจื่อซีรู้จักนิสัยของเจ้าเหมียวสีขาวตัวนี้ดีจึงไม่ได้สนใจมัน เพียงแค่ถามรายละเอียดของภาพทำนาย ทำเอาคุณชายหวงผู้สวมชุดสีขาวรู้สึกยิ่งไม่พอใจ

ฝูเหอเห็นว่าสมควรพอแล้วจึงหยุด เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยพูดว่า “ในส่วนของรายละเอียด ข้าน้อยยังต้องทำนายอีกครั้งจึงจะทราบ”

อวิ๋นจื่อซีจึงไม่ได้ถามต่อ เพียงแค่พูดว่า “ดูใบหน้าซีดเผือดของเจ้าสิ ไปพักเองไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ หรือไม่ให้ลูกน้องของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คนนั้นพาเจ้าไป”

“ไม่เป็นไรจริงๆ” ฝูเหอปฏิเสธเด็ดขาด ในขณะเดียวกันก็หันหลังเดินกลับไป

อวิ๋นจื่อซีกลั้นหัวเราะ หันไปซุบซิบกับหรงหวงว่า “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจิ่วอิงเจ้าคนหัวรั้นจะมีความรักกับเขาด้วย แล้วก็… แล้วก็… ในหมู่ลูกสมุนของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ดันมีชายรักชายคู่หนึ่งด้วย”

“เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน…” หรงหวงไม่รู้เลยว่าเขาตามไม่ทันสักเรื่อง เหตุใดภรรยาจึงเห็นเรื่องบ้าบอคอแตกมากมายเช่นนี้

“นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกที่ไหนกัน” อวิ๋นจื่อซีไม่ยอม ครั้นกำลังจะอธิบายให้หรงหวงฟัง ข้างหน้ากลับมีเสียงสูดหายใจดัง ซึ๊ด ขึ้นมา

อวิ๋นจื่อซีหันไปมอง นางเห็น… เหลนชายน้อยของนางหายไปแล้ว?

ในขณะเดียวกัน เด็กน้อยกำลังมองมือน้อยของตนเองอย่างงงงัน “เนะ?”

เยี่ยนอวี๋ที่อึ้งไปนาน นางเองก็มองเด็กน้อยขนาดจิ๋วที่จู่ๆ ตัวเล็กลงอย่างกะทันหัน

หรงอี้ “…” จู่ๆ เขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดทุกครั้งที่ท่านพ่อเขาเห็นเขาขนาดเท่าฝ่ามือ มักแสดงสีหน้าพูดไม่ออก เพราะว่าตอนนี้เขาเองก็รู้สึกเช่นนั้น ถึงอย่างไรเด็กน้อยของเขาในบัดนี้ก็มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น (ตั้งแต่หัวจรดเท้า)

เสี่ยวเป่าตัวจิ๋วเช่นนี้ สำหรับหรงมั่วที่อยู่ใกล้ๆ แล้ว ทำให้เขาพ่นหัวเราะออกมาเบาๆ และยังพูดขึ้นว่า “ดีออก”

หรงอี้มองไปที่ท่านพ่อจอมปลอมของเขาทันที เกือบจะคิดว่าที่ลูกของเขาเป็นเช่นนี้เพราะท่านพ่อจอมปลอมของเขาสอน มิเช่นนั้นเด็กน้อยจะเล็กลงกะทันหันได้อย่างไร

หรงอี้รู้ดีว่า ครานั้นที่เขาตัวเล็กลงอันที่จริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับร่างกายมากนัก เป็นเพียงสัญชาติญาณทำให้เขาเป็นเช่นนี้จนถึงตอนนี้ อันที่จริงเขายังคงชอบที่จะทำให้ตนเองใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ตามต้องการ และยังสามารถระบุเจาะจงเฉพาะส่วนได้ มันก็แค่พลังวิเศษอย่างหนึ่งเท่านั้นดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ทว่าตอนเขาเป็นเด็กไม่รู้ว่าต้องควบคุมพลังนี้อย่างไร ทำให้หลังจากที่เขาตัวเล็กลงอยู่นานกว่าท่านพ่อจอมปลอมของเขาจะสอนให้เขากลับมาตัวใหญ่

บัดนี้ลูกของเขา…

หรงอี้คิดว่าเด็กน้อยค่อนข้างใสซื่อ กลัวว่าจะสอนยาก

ทว่า…

“แง!”

เด็กน้อยร้องไห้แล้ว

เสี่ยวเป่าที่พบว่าตนเองตัวเล็กลงร้องไห้อย่างหนัก “เล็ก เป่าเล็ก ไม่โต แงงง…”

หรงอี้ปวดศีรษะ เขารวบตัวเด็กน้อยขึ้นมาและใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากเบาๆ “ร้องอะไร แค่เล็กลงเท่านั้น เจ้าค่อยเปลี่ยนกลับมาก็ได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าตัวน้อยหยุดร้องไห้ แต่ยังคงน้ำตาคลอถามว่า “เปลี่ยนกลับ อย่างไร”

“เหมือนกับที่เจ้าเรียกค้อนจิ๋วของเจ้าออกมา”

“อ๋อ” เสี่ยวหรงเยี่ยนที่ได้รับคำชี้แนะลงมือปฏิบัติทันที ทว่า…

เด็กน้อยกะพริบตาสองสามที เขาพบว่าเรื่องมันไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้น เขาคิดให้ตนเองกลับมาใหญ่เหมือนเดิมแบบที่คิดถึงค้อนจิ๋วแล้ว แต่เขายังคงตัวเล็กเท่าเดิม

หรงอี้เองก็เห็นปัญหาแล้ว “กลับมาไม่ได้?”

เด็กน้อยกะพริบตา น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาและยังผงกศีรษะอย่างใสซื่อ “ใช่”

“…” ครานี้หรงอี้ปวดศีรษะจริงๆ

เยี่ยนอวี๋เองก็ตั้งสติได้ “สามี เกิดอะไรขึ้นหรือ” เมื่อครู่ลูกยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดจึงยิ่งเลี้ยงยิ่งเล็ก นี่เล็กกว่าตอนที่นางเพิ่งคลอดเขาออกมาหลายร้อยเท่า

“เกิดอะไยขึ้น” เสี่ยวหรงเยี่ยนเองก็ถาม “เปลี่ยนกลับ… ไม่ได้”

หรงอี้เกือบจะโพล่งพูดออกไปว่า พ่อจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อเปลี่ยนกลับมาได้ เหตุใดเจ้าทำไม่ได้

แม้จะคิดเช่นนี้ แต่สุดท้ายหรงอี้ก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจเด็กน้อยซื่อบื้อคนนี้ เพียงแค่สอนอย่างอดทนต่อไป “เช่นนั้นเจ้านอนก่อน ลองคิดในความฝันดู”

เสี่ยวหรงเยี่ยน “?”

เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้โดยการนอนหรือโนเวลพีดีเอฟ

เจ้าตัวน้อยที่นานๆ ทีจะสงสัยในตัวพ่อผู้ให้กำเนิด เขามองท่านพ่อของเขาอย่างงงงัน

หรงมั่วหัวเราะในครานี้ “เสี่ยวเป่ามาหาปู่สิ ให้ปู่ดูหน่อย”

เจ้าตัวน้อยที่กำลังรู้สึกว่าท่านพ่อไม่น่าเชื่อถือก็ตอบ “ขอรับ” ทันที ร่างกายของเขายังคงแข็งแรง เขาบินไปเหนือฝ่ามือของท่านปู่มั่วของเขาและยังเร่งเร้าว่า “ปู่ดู เกิดอะไยขึ้น”

หรงมั่วบีบหลานชายน้อยขนาดเท่าฝ่ามือ หน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรมากหรอก ตอนพ่อเจ้าเป็นเด็กก็เป็นเช่นนี้ประจำ ผ่านไปครู่หนึ่งจะหายเอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนอวี๋ก็มองไปที่หรงอี้ทันที “สามี เช่นนี้จริงๆ หรือ”

หรงอี้ที่ไม่อยากยอมรับจำเป็นต้องยอมรับเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงของภรรยา “ใช่ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไร”

เยี่ยนอวี๋โล่งอกกลับถามว่า “แล้วนี่เป็นเพราะเสี่ยวเป่าปลุกพลังวิเศษที่มีมนุษย์ตัวน้อยแบบเจ้าใช่หรือไม่”

จำเป็นต้องพูดว่า… ใช่จริงๆ

หรงอี้ได้แต่ผงกศีรษะอีกครั้ง “ก็คงใช่ พลังจิตใจของเสี่ยวเป่าเพิ่มขึ้นมาก”

เยี่ยนอวี๋วางใจลงและยังยิ้ม “หากเป็นเช่นนี้ เราคงต้องยินดีกับเสี่ยวเป่า” นางดูออกว่าพลังวิเศษของมนุษย์ตัวน้อยตัวนั้นของสามีนางไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง การทำนายทายทักแม่นยำมาก สามารถนำพาโชคลาภมาให้และขับไล่สิ่งชั่วร้าย นี่เป็นพลังวิเศษที่นางไม่มี

ทว่าเด็กน้อยที่ถูกยินดียังคงเศร้าใจ “เป่าอยาก โตเหมือนเดิม ไม่อยากเล็ก”

“เล็กไม่ดีตรงไหน น่ารักจะตาย” อวิ๋นจื่อซีพูดอย่างชอบพอ นางยืมตัวเหลนชายน้อยมาจากมือของหรงมั่ว “น่ารักจริงๆ เลย”

เสี่ยวหรงเยี่ยนคอตก ครั้นกำลังจะนอนลง เจ้าเหมียวสีขาวกลับกระโดดมาข้างหน้าเขาและอุ้มเขาขึ้นมา “เหมียวๆๆ” เสี่ยวเป่าตัวเล็กน่ารักที่สุดเลย น่ารักเหมือนอี้เอ๋อร์ตัวน้อยๆ เลย

เจ้าเหมียวสีขาวที่ในที่สุดก็ได้กอดเสี่ยวหรงเยี่ยนได้เต็มมือดีใจมากจนเกือบจะอุ้มเด็กน้อยกลิ้งบนพื้นสามตลบเพื่อระบายความสุขในใจ

อวิ๋นจื่อซีเห็นทารกคนหนึ่งกับแมวอีกตัวหนึ่งก็รู้สึกยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ “เสี่ยวเป่า ฟังย่าทวด อย่ารีบเปลี่ยนกลับมา แบบนี้น่ารักดีออก”

เสี่ยวหรงเยี่ยนไม่อยากพูด…

แอนนากลับหยิบ ‘ไข่’ ใบหนึ่งออกมาจากอ้อมอกราวกับรู้สึกบางอย่าง หรงเจ๋อที่อยู่ข้างๆ จึงเห็นทันที “อะไรนี่”

แคร่ก

แคร่กๆ

ในขณะที่หรงเจ๋อกำลังถาม ลูกไก่สีเหลืองตัวหนึ่งก็ฟักออกมา บังเอิญเห็นหรงเจ๋อและฝ่ายหลังยังมีหน้าตาเหมือนหรงอี้ ทันใดนั้นเอง…

ลูกไก่สีเหลืองเรียกหรงเจ๋อว่า “พ่อ?”

หรงเจ๋อ “…”

เขาที่ตกอยู่ในภวังค์กลับมองแอนนาด้วยสายตาแปลกประหลาด

ผ่านไปครู่หนึ่ง หรงเจ๋อตอบอย่างหน้าด้านๆ ว่า “จ้า”

ลูกไก่สีเหลืองตื่นเต้นดีใจ “พ่อ ท่านคือท่านพ่อข้าจริงๆ หรือ”

“ท่านแม่เจ้าคือแอนนา ข้าย่อมเป็นท่านพ่อเจ้า” หรงเจ๋อรู้สึกว่าตนเองเก่งไม่เบา แค่กดทับแอนนาครู่เดียว แอนนาก็ฟักไข่ฟองหนึ่งได้แล้ว ลูกไก่ออกมาแล้วยังเรียกเขาว่าพ่อ การตั้งครรภ์และให้กำเนิดของเผ่ามารสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแปลกประหลาดเช่นนี้เลยหรือ

หรงเจ๋อรู้สึกว่าสามทัศน์ของตนเองถูกบิดเบือน สิ่งที่ท่านพ่อใจดำของเขาสอนและสิ่งที่เขาเจอจริงๆต่างกันมากเกินไป

แอนนาในครานี้ นางรู้ว่าสายตาของหรงเจ๋อหมายถึงอะไร นางตบโต๊ะลุกขึ้นอย่างโมโหทันที “เพี้ยนหรือไง ข้าจะวางไข่ได้อย่างไร”

“…ไข่ใบนี้เจ้าเอาออกมาจากอ้อมอกเจ้าไม่ใช่หรือ” หรงเจ๋อถาม

แอนนา “…” การเจอคนโง่แปลว่าคำอธิบายใดๆ ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย นางแทบจะระเบิดอยู่แล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

ลูกไก่สีเหลืองในครานี้มองไปที่แอนนาอย่างสงสัย “แอนนา?”

แอนนาโล่งอก “ข้าเอง เจ้ารีบอธิบายให้เจ้าโง่คนนี้ฟังที ข้าไม่ใช่คนให้กำเนิดเจ้า”

“พ่อ?” ลูกไก่สีเหลืองงงงัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดพ่อจึงคิดว่าแอนนาเป็นคนให้กำเนิดมัน

ทว่าลูกไก่สีเหลืองไม่มีเวลาทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เพราะว่าเสี่ยวหรงเยี่ยนที่ได้ยินเสียงของมันถลาเข้ามาหาแล้ว “น้องไก่ หาย?”

“พี่เป่า?” ลูกไก่สีเหลืองงุนงง ถึงอย่างไรเด็กน้อยในครานี้ตัวเล็กมาก ดูเหมือนว่าจะตัวเล็กพอๆ กับมันเลย

เสี่ยวหรงเยี่ยนไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น เขากอดน้องไก่ไว้อย่างดีอกดีใจ “น้องไก่ หาย” เขาสัมผัสได้ว่าน้องไก่ของเขาดีขึ้นมากแล้ว

ลูกไก่สีเหลืองกระพือปีกเล็กน้อย พบว่าแม้พี่เป่าของเขาจะตัวเล็กลงเหมือนมัน แต่ยังคงมีแรงเยอะมาก จึงไม่ได้คิดอะไรมากตอบว่า “ใช่ ข้าหายแล้ว”

“ฮี่…” เสี่ยวหรงเยี่ยนหัวเราะอย่างมีความสุข ในที่สุดก็ไม่เศร้าหมองแล้ว

ทุกคนในเหตุการณ์เห็นไก่ตัวหนึ่งและทารกคนหนึ่งก็ถามถึงลูกไก่สีเหลือง

ลูกไก่สีเหลืองในครานี้กลับชี้ไปที่หรงเจ๋อ พูดกับพี่เป่าว่า “พี่เป่าดูสิ นี่คือพ่อของข้า ในที่สุดข้าก็เจอท่านพ่อข้าแล้ว”

เสี่ยวหรงเยี่ยนประหลาดใจ “ปู่รองข้า หรือ”

“ว่าไงนะ” ลูกไก่สีเหลืองไม่เข้าใจ “ปู่รองอะไร”

“พ่อเจ้า ปู่รองข้า ไง” เสี่ยวหรงเยี่ยนอธิบาย

“อ๋อ” ลูกไก่สีเหลืองไม่รู้ว่าปู่รองคืออะไรจึงไม่ได้เซ้าซี้ต่อไป “ใช่ ปู่รองของพี่เป่า พ่อของน้องไก่”

แอนนา “…” นางวางลูกไก่สีเหลืองและเด็กน้อยลงบนโต๊ะเงียบๆ และไม่อยากยอมรับว่าตนเองรู้จักพวกเขา นี่มันโง่เง่าเกินไปแล้ว

ทว่าหรงเจ๋อกลับรับทั้งสองไปสำทับว่า “ใช่แล้ว”

แอนนาลุกขึ้นเงียบๆ เตรียมจะออกไป เพราะว่านางรู้สึกว่าหากนางไม่ออกไปอีก ต่อจากนี้อาจจะมีฉากที่ทำให้นางปวดศีรษะได้

น่าเสียดายนางยังคงลุกช้าเกินไป หรงเจ๋อดึงนางลงมาและยังพูดกับลูกไก่สีเหลืองว่า “นี่คือแม่ของเจ้า นางคลอดเจ้า แต่ตอนนี้นางไม่อยากยอมรับ”

ลูกไก่สีเหลือง “?” รู้สึกทะแม่งๆ

เสี่ยวหรงเยี่ยนเองก็รู้สึกว่าไม่ใช่ เขาค้านทันที “ไม่ใช่”

“ไม่ใช่อย่างไร” หรงเจ๋อย้อนถาม “เมื่อครู่นี้ใครๆ ก็เห็นว่าน้องไก่เจ้าออกมาจากอ้อมอกของแอนนา”

“ไม่ใช่” เสี่ยวหรงเยี่ยนคิดว่าไม่ใช่ “น้องไก่ พ่อข้าฟัก”

“ซี๊ซั๊ว” หรงอี้ไม่ยอมรับภาระนี้แน่นอน เขาแทรกบทสนทนาอันวุ่นวายของพวกเขา “อารอง ตั้งใจหน่อย อย่านับญาติซี๊ซั๊ว”

ทันทีที่ลูกไก่สีเหลืองได้ยินก็รู้สึกแปลกๆ “นายท่านหมายความว่า นี่ยังไม่ใช่พ่อข้าหรือ”

หรงอี้บีบระหว่างคิ้วเบาๆ ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับไก่หัวรั้นตัวนี้อย่างไรจริงๆ มันดึงดันจะมีพ่อตลอดเวลา

ลูกไก่สีเหลืองเห็นเขาไม่พูด มันจึงมองหรงเจ๋อ จู่ๆ ถามว่า “คลานคลานเล่า” คลานคลานอยู่กับมันตลอด มันไปถามคลานคลานได้ คลานคลานต้องรู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้นและสามารถพิสูจน์ได้ด้วยว่าคนๆนี้คือท่านพ่อของเขาหรือไม่

เพียงแต่ว่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของลูกไก่สีเหลืองได้ เพราะว่าแทบจะไม่มีใครรู้เลยว่าคลานคลานคือใคร…

ลูกไก่สีเหลืองจึงถามอีกครั้งว่า “คลานคลานเล่า”

เยี่ยนอวี๋จำได้ว่าคลานคลานคือใครจึงบอกแอนนาว่า “คลานคลานคืออสูรเต่าตี้อั้นในแดนมืด ถูกพิกซีสั่งให้อยู่ข้างกายลูกเจี๊ยบ เป็นสมุนภักดีของมัน เจ้าน่าจะเคยเห็น”

“อสูรตี้อั้น?” แอนนาขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยเจอ”

เทียนตี้กลับพูดขึ้นว่า “ข้า อาจจะเคยเจอ”

สายตาของทุกคนมองไปที่เทียนตี้ ฝ่ายหลังกลับไม่ค่อยมั่นใจนัก “ตอนที่ลูกเจี๊ยบกลายเป็นไข่ใบยักษ์ ข้างกายมีอสูรตี้อั้นตัวหนึ่ง หมายถึงมันหรือไม่”

“ใช่แล้ว” หรงอี้พยักหน้า ตอนนั้นเขาไปดูลูกไก่เป็นการเฉพาะ รู้ว่าตี้อั้นอยู่ข้างกายลูกเจี๊ยบจริงๆ แต่เขาพอจะเดาได้ว่าตี้อั้นตัวนั้นคงไม่อยู่แล้ว

เทียนตี้เองก็ยืนยันการคาดเดาของหรงอี้ เขาถอนหายใจ “หากเป็นตัวนั้น มันสูญเสียดวงจิตไปแล้ว ตายเพราะพลังการทำลายล้างของราชาแห่งการทำลายล้าง”

ลูกไก่สีเหลืองอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้

แอนนากลับถอนหายใจ “สงครามครานั้น เผ่ามารสูญเสียชีวิตไปมากมาย ตี้อั้นเป็นเพียงอสูรชั้นต่ำ คงหนีไม่พ้นหายนะครานั้น”

ลูกไก่สีเหลืองกลับไม่เชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร ข้าให้คลานคลานดื่มเลือดข้า คลานคลานบอกว่ามันจะเป็นคลานคลานของข้าตลอดไป”

คำพูดนี้… กลับทำให้เทียนตี้ยิ่งมั่นใจว่าตี้อั้นตายไปแล้ว เพราะว่าราชาแห่งการทำลายล้างกลืนกินแม้แต่เจ้าลูกเจี๊ยบไปได้ เพียงเพราะสายเลือดของลูกเจี๊ยบไม่ธรรมดา

ในเหตุการณ์เงียบงัน โดยเฉพาะเหล่าทวยเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ผ่านสงครามทำลายล้างโลกมา

เยี่ยนอวี๋สะเทือนใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้นางไม่รู้ว่าคลานคลานไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครรายงานเรื่องนี้ให้นาง นางเข้าใจดีว่าที่เผ่ามารไม่ได้รายงานมาก็เป็นเพียงเพราะคลานคลานไม่ได้สลักสำคัญอันใด

ก็ใช่ คลานคลานเป็นเพียงอสูรชั้นต่ำตัวหนึ่ง มันเหมือนกับอสูรชั้นกลางและชั้นต่ำหลายพันหมื่นตัว ล้วนถูกราชาแห่งการทำลายล้างทำลาย

สงครามครานั้น… ชีวิตมากมายล้มตาย แม้แต่เซ่าเฮ่าก็เกือบจะจากไปอย่างสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเซ่าเฮ่าเป็นที่จับตามองของทุกคน ดังนั้นจึงถูกให้ความสำคัญและถูกม้าเฉิงหวงช่วยไว้

แต่ผู้ที่จากไปมากกว่านั้น อย่างเช่นคลานคลาน ไม่มีผู้ใดจดจำ

จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกอึดอัด แต่นางก็รู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ นางพูดเพียงว่า “ควรสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตในสงครามทำลายล้างโลก”

นอกจากนี้แล้วนางทำอะไรไม่ได้อีก เพราะว่าแม้กฎระเบียบฟื้นคืนแล้ว แต่ชีวิตที่จากไปไม่สามารถเกิดใหม่ได้ตามการฟื้นคืนของกฎระเบียบ

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท