บทส่งท้าย 38 พลังวิเศษตระกูลหรง ช่วยเป่า
หรงอี้ที่ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเด็กน้อยในทันทีรู้สึกคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้มาก เขารวบตัวเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พ่ออยู่นี่”
เจ้าตัวน้อยจับเสื้อของท่านพ่อเขาแน่นด้วยสัญชาติญาณ ร่างกายน้อยๆ ของเขาขดอยู่ในอ้อมอกของท่านพ่อ ท่าทางหวาดกลัวมาก ทำเอาเยี่ยนอวี๋ที่เดินเข้ามากังวล “เป็นอะไรหรือ”
เยี่ยนอวี๋มองหรงอี้พลางถาม ในขณะที่เขาตบหลังของเด็กน้อยเบาๆ ก็ตอบว่า “คงจะฝันร้าย” บางทีอาจจะเป็นความฝันบางอย่างที่มีผลต่อการล่วงรู้
หรงอี้เคยผ่านเรื่องเช่นนี้เมื่อตอนเด็ก เขาจึงเข้าใจ หลังจากที่ตอบภรรยาเสร็จก็จูบเจ้าตัวน้อยอย่างนานๆ ทีจะได้เห็นและคอยปลอบโยนเขาต่อไป
สถาพการณ์เช่นนี้ทำให้หรงหวงและอวิ๋นจื่อซีที่ตามเข้ามาไม่สามารถเข้ามาแทรกได้เลย พวกเขาทั้งสองเองก็ไม่ได้เบียดไปข้างหน้า เพียงแค่รอเสี่ยวเป่าค่อยๆ ผ่อนคลายลง
กลับกลายเป็นว่าจิ่วอิงและซีหวังหมู่ร้อนรน พวกมันมองเจ้าตัวน้อยตาปริบ
ลูกไก่สีเหลืองและเจ้าเหมียวสีขาวที่สะดุ้งตกใจก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของหรงอี้มองเจ้าตัวน้อยที่ขดตัวอยู่ในอ้อมอกของหรงอี้อย่างทำอะไรไม่ถูก
โชคดีที่เจ้าตัวน้อยไม่ได้หวาดกลัวเป็นเวลานานนัก เขาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ร่างกายน้อยก็ผ่อนคลายลงมาก นอนพิงแผ่นอ่อนของท่านพ่อเขา
เยี่ยนอวี๋จูบเจ้าตัวน้อยเบาๆ ”เป่าตกใจหรือจ๊ะ”
“หาววว…” เป่าผู้อ่อนโยนหาวพลางกระพริบตาสองสามทีก่อนจะตื่นเต็มที่ แต่ดูแล้วกลับยังเหมือนงุนงง ต่างจากเด็กน้อยเมื่อครู่นี้มาก
หรงอี้อดถามไม่ได้ว่า “ลืมแล้ว?”
“อะไร” เด็กน้อยลืมไปแล้วจริงๆ ด้วย
หรงอี้ “…” นี่คือความเป็นไปได้ที่เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ความจำสั้นเสียจริงๆ
เยี่ยนอวี๋โอบสองพ่อลูกเข้ามาก่อนจะจูบเด็กน้อยอีกสองสามที “ลืมก็ลืม จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ถึงอย่างไรก็เป็นฝันร้าย
หรงอี้เงียบ อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาให้เขามองเห็นเขาได้ ถามว่า “ลูกคิดดูดีๆ เมื่อครู่นี้ฝันเห็นอะไร”
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ห้าม
เจ้าตัวน้อยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดตะกุกตะกักว่า “มีอะไรสีขาว กินเป่า?”
“ขาวหรือ” หรงอี้สงสัย
เจ้าเหมียวสีขาวชี้ตนเอง “เหมียว?”
เจ้าตัวน้อยส่ายศีรษะ “ไม่ใช่”
หรงอี้เดาไม่ออก หรงหวงที่เดินเข้ามากลับเข้าใจบางอย่าง เขาสร้างภาพมายาเหนือฝ่ามือ ในนั้นมีกลุ่มเมฆหมอกสีขาวเป็นกระแสน้ำวน
ทันทีที่เด็กน้อยเห็นหมู่เมฆนี้ เขาก็หดตัวเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อเขาด้วยสัญชาติญาณ “ใช่ มัน… กินเป่า ไม่ดี”
หรงอี้โอบเด็กน้อยและภรรยา รู้ว่าท่านปู่หวงของเขารู้แล้วจึงไม่ได้ถามเด็กน้อยอีก เขาถามท่านปู่หวงว่า “นี่คือต้นกำเนิดการกลับชาติมาเกิดของท่านอาสี่หรือ”
“อืม” หรงหวงพยักหน้า “เห็นทีเคราะห์ของเจ้าสี่จะสถิตในเร็วๆ นี้อีกครั้ง” เขาเองก็รู้ว่าความฝันของเหลนชายน้อยคือการล่วงรู้อนาคต
แม้เยี่ยนอวี๋ในครานี้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอจะเดาสถาณการณ์ออก แต่กลับมีคำถามว่า “ในเมื่อนี่คือเคราะห์ของอาสี่ เหตุใดจึงกินเสี่ยวเป่าเจ้าคะ”
“มิทราบ” หรงหวงพูดตามตรง “พวกเจ้าดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น”
คำพูดนี้ทำเอาหรงอี้มีลางสังหรณ์ไม่ดี “ท่านหมายความว่าอาสี่อาจจะพาเสี่ยวเป่าไปผ่านด่านเคราะห์หรือ”
ทว่าหรงหวงยังพยักหน้า “เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้”
หรงอี้ “…” เช่นนั้นเขาต้องห่างจากท่านพ่อท่านแม่เร็วกว่าท่านพ่อจอมปลอมผู้น่าสงสารของเขาหรือ
เยี่ยนอวี๋รับไม่ได้ “ท่านปู่หวง ห้ามไม่ได้หรือ เสี่ยวเป่ายังเด็กมากนะเจ้าคะ”
“ข้าก็เลยให้พวกเจ้าดูแลเขาดีๆ ถึงอย่างไรผู้ที่ผ่านด่านเคราะห์จริงๆ คือเจ้าสี่ เสี่ยวเป่าอาจจะเป็นผู้ที่ ‘เกี่ยวข้อง’ หรือบางทีเพียงเพราะเขามีพรสวรรค์จึงรับรู้ถึงด่านเคราะห์ของเจ้าสี่ เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ระวังไว้ก่อนดีที่สุด” นานๆ ทีหรงหวงจึงจะอธิบายยาวเช่นนี้
เยี่ยนอวี๋ขรึมลงทันที นางอุ้มเด็กน้อยที่มุดตัวอยู่ในอ้อมอกของสามีนางเข้ามาในอ้อมอกและรวบตัวเขาไว้แน่น รู้สึกไม่วางใจเลย
หรงอี้ปลอบ “วันนี้อย่าให้เขาออกไปเล่น เราคอยจับตามองเขาก็พอ”
“อืม” เยี่ยนอวี๋คิดเช่นเดียวกัน
เจ้าเหมียวสีขาวมุดเข้าไปในอ้อมอกของเจ้าตัวน้อย เตรียมตัวติดตามเจ้าตัวน้อยไปทุกที่
เดิมทีลูกไก่สีเหลืองก็อยากทำเช่นนี้ แต่หรงอี้ไม่ให้ “ร่างกายเจ้าเพิ่งฟื้นฟู ไม่สมควรเสี่ยงอันตราย ข้าพาเจ้าไปอยู่กับแอนนา”
“…ก็ได้” แม้ลูกไก่สีเหลืองจะไม่เต็มใจนัก แต่ก็รู้ว่าเจ้านายพูดถูก ได้แต่ทำคอตก
เจ้าตัวน้อยงงงัน “เกิด อะไรหรือ”
“อย่าซนวิ่งไปทั่ว อยู่กับท่านพ่อท่านแม่ตลอดเวลา มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะถูกอะไรสีขาวที่เจ้าฝันเห็นเมื่อครู่นี้กิน” เยี่ยนอวี๋อธิบายจริงจัง
เจ้าตัวน้อยกลัว กอดท่านแม่เขาไว้แน่น “ไม่เอา”โนเวลพีดีเอฟ
“รู้จักกลัวก็ดี อย่าซนล่ะ” เดิมทีเยี่ยนอวี๋ไม่อยากขู่ให้เด็กน้อยให้กลัว แต่ก็กลัวว่าเด็กน้อยจะซนวิ่งเล่นไปทั่วจึงสั่งสอนอย่างจริงจัง
โชคดีที่แม้เสี่ยวหรงเยี่ยนจะมีด้านที่ซุกซน แต่ก็มีด้านที่เป็นเด็กดีมากกว่า หลังจากนั้นเขาไม่ห่างจากพ่อแม่เลย เหมือนกับเด็กน้อยติดพ่อแม่
ทว่าหลังจากผ่านไปสองสามวัน ทุกอย่างสงบดี เจ้าตัวน้อยก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว “เป่าไปหา… จิ๊บจิ๊บได้หรือไม่ขอรับ”
“อย่าเพิ่งเลยนะ รอปู่สี่ของเจ้าไปก่อน เสี่ยวเป่าค่อยออกไปเล่น ดีหรือไม่” เยี่ยนอวี๋เกลี้ยกล่อม
เสี่ยวเป่าที่ว่างและเบื่อหน่ายได้แต่พยักหน้า “ก็ล่าย”
ผ่านไปเช่นนี้อีกหลายวัน ครานี้เด็กน้อยนั่งไม่ติดจริงๆ แล้ว “ไม่รอแล้วนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว…”
“เจ้ารู้ด้วยหรือ” เยี่ยนอวี๋หยิกแก้มน้อยๆ ของเด็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เสี่ยวเป่าไม่ชอบอยู่กับท่านแม่แล้วใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่เสียหน่อย” เสี่ยวหรงเยี่ยนปฏิเสธและพูดว่า “เป่าแค่อยากเดินเล่น…”
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าช่วงนี้นอกจากเล่นกับนางและท่านพ่อของเขาแล้ว เจ้าตัวน้อยถูก ‘ขัง’ นานมากแล้ว เขาอยู่ในวัยกำลังโต เป็นวัยที่ชอบวิ่งเล่นไปทั่วพอดี ลำบากเขาแล้วจริงๆ
“ให้เขาออกไปเล่นสักหน่อยเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” หรงอี้ที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้กังวลมากนัก “คอยจับตามองให้ดีก็พอ ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังเช่นนี้”
“ถ้าเกิดเล่า” เยี่ยนอวี๋ไม่วางใจ นางรู้ว่าท่านพ่อของสามีต้องห่างจากท่านปู่หวงและท่านย่าซีโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่อายุห้าขวบ และประสบความยากลำบากมากมายตามลำพังในต่างมิติ
เสี่ยวเป่าของนางยังเล็กเช่นนี้ เพิ่งจะครบขวบเอง หากถูกส่งไปมิติที่นางไม่สามารถหาเจอได้ จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร แค่คิดก็สงสารแล้ว
หรงอี้กลับพูดว่า “แม้จะเกิดอะไรขึ้น อาสี่ก็ไปด้วย ถึงอย่างไรก็ดีกว่าท่านพ่อจอมปลอมของข้า”
คำพูดนี้ไม่พูดยังดีเสียกว่า ทันทีที่พูดออกมา… สีหน้าของเยี่ยนอวี๋ซีดเผือด เห็นได้ชัดว่ากังวลมาก
หรงอี้หยุดพูดและขอโทษ “ข้าพูดไม่ดีเอง ต้องไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน”
“โชคดีที่เจ้าไม่ใช่เจ้าวิหคทมิฬ” เยี่ยนอวี๋รู้สึกพูดไม่ออก
หรงอี้ยอมรับผิด “ข้าแค่อยากให้เจ้าวางใจ ไม่เป็นอะไรหรอก”
“ข้ารู้” เยี่ยนอวี๋รู้แก่ใจดี แต่นางยังคงเป็นห่วงมาก ดังนั้นยังคงไม่อนุญาตให้เด็กน้อยออกไปเล่น ต้องอยู่กับนางตลอดเวลา
เจ้าตัวน้อยเป็นเด็กดี รู้ว่าท่านแม่รักเขาจึงเล่นคนเดียวอยู่ข้างเท้าท่านพ่อและท่านแม่ เพื่อไม่ให้รบกวนลูกไก่สีเหลือง เขาก็ทำได้เพียงเล่นกับเจ้าเหมียวสีขาว
อวิ๋นจื่อซีเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสารจึงให้หมิงเฟิ่งที่นางจัดแจงไว้แล้วอยู่ที่นี่
เด็กน้อยได้เพื่อนใหม่จึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ถึงอย่างไรแม้หมิงเฟิ่งจะมีเนื้อตัวดำปี๋ แต่หลังจากที่กลายร่างเป็นหงส์ฟ้าสีดำตัวน้อย แสงเจิดจรัสก็เปล่งประกายทั่วเรือนร่าง
อะไรก็ตามแต่ที่ประกายระยิบระยับ เจ้าตัวน้อยย่อมชอบ
ทว่า… ครึ่งเดือนผ่านไปแล้ว ทุกอย่างยังคงเงียบสลบ ทำเอาหรงซีที่แต่เดิมจริงจังกับเรื่องนี้เริ่มหย่อนยาน นอนอย่างเกียจคร้านทุกวัน
“ฝันของเสี่ยวเป่าคงไม่ใช่แค่ฝันร้ายทั่วไปหรอกนะ” เยี่ยนอวี๋อดถามเช่นนี้ไม่ได้
หรงอี้คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงบัดนี้จริงๆ เขาเองจึงพูดอะไรไม่ได้ ได้แต่อุ้มเด็กน้อยที่กินเสร็จแล้วนอนไว้ในอ้อมอก “ไม่น่าจะเป็นแค่ความฝัน แต่เหตุใดยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จนถึงวันนี้ ข้าก็ไม่รู้ ข้า…”
หรงอี้ที่เดิมทีอยากจะพูดอะไรอีกเล็กน้อยจู่ๆ ก็ชะงัก ในขณะเดียวกันก็มองเด็กน้อยในอ้อมอก รอบกายของฝ่ายหลังกำลังแผ่ซ่านแสงสีขาวจางๆ ออกมา
เยี่ยนอวี๋ระวังตัวขึ้นมาทันที “มาแล้ว?”
หรงอี้ไม่ได้ตอบ แต่หลับตาลง เข้าไปอยู่ในความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้นตามกลิ่นอายของเด็กน้อยไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน…
ทางฝั่งหรงซีก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้หรงหวงที่คอยเฝ้าเขาตบลูกคนนี้ที่กำลังนอนให้ตื่น “ตื่น”
“พ่อ?” หรงซีลุกนั่งขึ้นอย่างงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หรงหวงถีบลูกจอมขี้เกียจทีหนึ่ง “เตรียมตัวให้ดี ใกล้จะเริ่มแล้ว”
“ขอรับ” หรงซีที่ยังคงไม่รีบไม่ร้อนนั่งขัดสมาธิ รู้ว่าท่านพ่อเขาหมายถึงเคราะห์ของเขาจะปรากฏขึ้นแล้ว ทว่าถึงอย่างไรเขาก็ผ่านพ้นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดไปแล้ว บัดนี้จึงไม่สนใจแม้แต่น้อย เหมือนกับสามารถปรับตัวและพึงพอใจกับสภาพดังกล่าวมาก และยังเหมือนกับไหแตกแล้วแตกอีก ปล่อยไปตามยถากรรมไม่คิดจะแก้ไข…
แม้หรงหวงจะโมโหกับลูกจอมขี้เกียจ แต่เนื่องจากรู้จักนิสัยของเขาดีเกินไปจึงได้แต่ยอมรับ คอยช่วยลูกคนนี้สัมผัสรอบด้านให้มาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ อีก
อวิ๋นจื่อซีคอยมองอยู่ข้างๆ นางเองก็กลัวว่าลูกจอมขี้เกียจคนนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก หากรอครั้งต่อไปคงเป็นเรื่องวุ่นวาย นางไม่อยากให้ลูกๆ เกิดเรื่องอะไรอีกแล้ว ทว่า… เรื่องไม่คาดฝันยังคงเกิดขึ้น
“ท่านพ่อ”
เสียงของหรงหลินดังขึ้นจากที่ไหนไม่รู้ ทำเอาหรงหวงชะงักงัน
ครานี้หลงตี้ปรากฏขึ้นข้างกายหรงหลินทันที ในขณะเดียวกันก็ส่งโทรจิตให้หรงหวงว่า “โปรดวางใจ ข้าน้อยคอยดูคุณชายสามเอง ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไร เพียงแค่ถูกลำแสงสีขาวปกคลุมไว้”
“ได้” หรงหวงวางใจลงเล็กน้อย คิดว่าเหตุผลคงเป็นเพราะพวกเขาเป็นแฝดสาม ครานี้เจ้าสี่อาจจะพาเจ้าสามไปผ่านด่านเคราะห์ด้วย แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หรงหวงก็มองไปที่ภรรยาของตนทันที “ซีเอ๋อร์ ไปหาผีผี”
อวิ๋นจื่อซีเพิ่งตั้งสติได้ นางรีบไปหาผีผีทันที
น่าเสียดาย… นางมาช้าไป เพราะว่าข้างหลังของหรงเจ๋อปรากฏเมฆหมอกกลับชาติมาเกิดที่ชัดเจนที่สุดในครานี้
ไม่เพียงเท่านี้… ทันทีที่เมฆกลุ่มนี้ปรากฏขึ้นก็ทำให้หรงเจ๋อที่ไม่ทันตั้งตัวและแอนนาที่ถูกเขาเกาะติดแจกลืนลงไป
อวิ๋นจื่อซีเพิ่งปรากฏตัวขึ้นก็เห็นฉากนี้เข้า นางตกใจจนภาพตรงหน้าเบลอ “หวงหวง ผีผีถูกกินไปแล้ว!”
หรงหวงแยกพลังจิตใจส่วนหนึ่งไปข้างกายภรรยา ดึงนางกลับมาจากบริเวณที่หรงเจ๋อหายไปและโอบเข้ามาปลอบในอ้อมอก “ใจเย็น ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”
อวิ๋นจื่อซีถอนหายใจโล่งอก เมื่อเห็นลูกจอมขี้เกียจตรงหน้ากำลังค่อยๆ จางหายไป เหมือนกับว่าจะตามไปเช่นกัน นางก็มองไม่กะพริบตา แต่หรงอี้กลับส่งโทรจิตมาว่า “เสี่ยวเป่าจะไปกับพวกเขาด้วย รั้งไว้ไม่อยู่เลย”
“ตามยถากรรม” หรงหวงตอบกลับทันที “ยิ่งพยายามยิ่งต้องแยกจากกัน ปล่อยเขาไปเถิด”
หรงอี้จึงอยู่ในความฝันของเด็กน้อยต่อไปอย่างเข้าใจ ไม่ได้ขัดขวางสายตาแสดงความสงสัยของเด็กน้อยอีก เพราะว่าในความฝันของเด็กน้อย ม่านหมอกเวียนว่ายตายเกิดสีขาวกลายเป็นดอกไม้ทั่วท้องฟ้า ฉากนั้น…
หากผู้ที่เคยเห็นสามแฝดกำเนิดเห็นเข้าต้องรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นแน่ เพราะมันเหมือนกันเลย
ดังนั้นเด็กน้อยที่ในครานี้ไม่รู้สึกเลยว่าจะถูกกินกำลังเข้าใกล้ดอกไม้เหล่านั้นอย่างไม่รู้ตัว และยังร้อง ว้าว ไม่หยุด ไม่รู้ตัวเลยว่าท่านพ่อเขาจับตามองเขาอยู่ ‘ใกล้ๆ’
ในขณะเดียวกัน… ณ เขาพระสุเมรุ
ตูม
ดอกไม้ที่บานสะพรั่งมากมายเบ่งบานขึ้นบนเขาพระสุเมรุ
ปรากฎการณ์เช่นนี้ยังเกิดขึ้นที่แดนสวรรค์เสวียนเทียน ซึ่งเป็นที่ที่แฝดสามกำเนิด
สิ่งมีชีวิตมากมายถูกปรากฎการณ์อันแปลกประหลาดนี้ดึงดูด ผู้ที่รู้คิดถึงแฝดสามที่ถือกำเนิดขึ้นในครานั้นได้ทันที
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด…
หึ่ง
เมฆหมอกเวียนว่ายตายเกิดที่มีลักษณ์เป็นกระแสน้ำวนปรากฏขึ้นข้างหลังหรงหลินและหรงซี มันค่อยๆกลายเป็นดอกไม้ที่ปรากฏเมื่อครั้นพวกเขากำเนิด ดูเสมือนจริงมาก
ครอบครัวของอวิ๋นจื่อซี ฝูเหอ เหวินเหรินซู่ซินและอวิ๋นอีหมิงมารวมตัวข้างกายสองคนนี้และมองภาพด้านหลังของพวกเขาอย่างประหลาดใจ
เดิมหรงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ตอนนี้คลายลงแล้ว “ได้แล้ว เจ้าสองคนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ พวกเขาจะได้รับโอกาสของตนเอง”
“โอกาส?” อวิ๋นจื่อซีจับคำสำคัญ
ในขณะเดียวกัน หรงหลินและหรงซีสลายไปพร้อมกับดอกไม้ที่เบ่งบาน
ครอบครัวของอวิ๋นจื่อซีกระจุกตัวกันตรงหน้าหรงหวง อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หรงหวงมองไปที่ครอบครัวของเสือดาวน้อย หรงอี้ในครานี้ เขายังคงอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของลูกของเขา มองเด็กน้อยอวบอ้วนที่กำลังตบมือและส่งเสียงร้อง ว้าว ไม่หยุด
ไม่ว่าจะเคยเห็นมากี่ครา เด็กน้อยนักยกยอปอปั้นก็สามารถหลงใหลกับฉากที่สวยงามได้เสมอและเมื่อตกอยู่ในสภาวะแห่งความปีติยินดีและความประหลาดใจทุกครั้ง
โชคดีที่ถึงแม้เขาจะชอบดู แต่กลับไม่ได้ปีนเข้าไปในดอกไม้เหล่านั้น รู้ว่าต้องยืนชื่นชมอยู่ข้างๆ ดังนั้นเมื่อดอกไม้หายไป เขาก็ตื่น ไม่ได้ถูกม้วนพาไป
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น เยี่ยนอวี๋ก็อุ้มเด็กน้อยที่หายเป็นปกติเข้ามาในอ้อมอก “เสี่ยวเป่า” เมื่อครู่นี้นางตกใจแทบตาย นางเห็นร่างของเด็กน้อยเลือนรางแล้ว คิดว่าเด็กน้อยจะตาม ‘ไป’ จริงๆ
“เนะ?” เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของท่านแม่ไม่ค่อยเข้าใจ เขามองไปที่ท่านพ่อของเขาอย่างงุนงง “แม่ เป็นอะไร”
หรงอี้ยกมือขึ้นลูบเด็กน้อยเบาๆ พอจะเข้าใจว่าเด็กน้อยอยู่ในบทบาทใดใน ‘ปัญหา’ ครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน… หรงหวงที่พาทุกคนมาหาพวกเยี่ยนอวี๋ เขาเรียกเด็กน้อยมาแต่ไกลและในขณะเดียวกันก็แตะหน้าผากเด็กน้อยด้วยนิ้วชี้เบาๆ