บทส่งท้าย 42 ผลไม้นำโชค เป่าให้กำเนิดผลจิ่นหลี่
สวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ณ สำนักชางอู๋
หรงมั่วที่ดูถึงตรงนี้ค่อยๆ เก็บพลังวิเศษกลับมา รู้ว่า ‘หวังกุ้ยเฟย’ ท่านนี้คงจะเป็นน้องสะใภ้สี่ในอนาคตของเขา รายละเอียดจะเป็นอย่างไร หากจะดูต่อไปคงไม่เหมาะ
ทว่าท่านพ่อใจดำก็ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม นอกจากจะกลั่นแกล้งเขาแล้ว ยังกลั่นแกล้งจอมขี้เกียจ อีกสองคนก็คงไม่ต่างกัน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ทำให้เขารู้สึกเกิดความสมดุลทางจิตใจไม่น้อย
เยี่ยเชียนหลีที่ดูความเป็นอยู่ของน้องสี่เป็นเพื่อนฝ่าพระบาทของตนแล้วก็อยากรู้ “ขอดูต่อไปไม่ได้จริงๆหรือ ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวของน้องสี่น่าสนใจมากเลย” อยากดูต่อ…
หรงมั่วสบตาที่เต็มไปด้วยความโหยหาคู่นั้นของเสือดาวน้อย ย่อมพยักหน้าพูดอย่างมีหลักการว่า “ดูต่อไม่ได้จริงๆ จะมีผลต่อการผ่านเคราะห์ของจอมขี้เกียจ”
แม้เยี่ยเชียนหลีอยากจะดูต่อมาก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ยังคงหวังว่าน้องสี่จะสำเร็จราบรื่น อย่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อื่น จะได้รีบกลับมา เสี่ยวเป่าเองก็จะได้รอรับผลประโยชน์โดยไม่เป็นอะไรเลย
จะว่าไปแล้ว…
“เมื่อครู่นี้เหมือนว่าเสี่ยวเป่าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่สามีน่ะ ถึงกับปีนเข้าไปได้ด้วย” เยี่ยเชียนหลีทอดถอนใจ ถึงอย่างไรเสือดาวน้อยตัวนั้นของนางก็ ‘เด้ง’ ออกไปแทบจะทุกครั้งที่เข้าไป ใช่ว่าจะเข้าไปในห้องของท่านพ่อท่านแม่สามีได้อย่างราบรื่นทุกครั้ง
หรงมั่วกลับแค่นเสียง ฮึ เบาๆในลำคอ “เดิมทีท่านพ่อก็ควรเป็นคนดูแลสามแฝดอยู่แล้ว ตอนนี้เขาแบ่งให้อี้เอ๋อร์ดูแลเจ้าสามและให้ข้าดูแลเจ้าสี่ ส่วนตนเองน่ะสบายขึ้นมาก หากไม่ช่วยดูแลเสี่ยวเป่าอีก เกรงว่าจะถูกฟ้าผ่า” คงจะเกินไปหน่อยแล้ว
“เกรงว่าจะไม่มีสายฟ้ากล้าผ่าท่านพ่อ” เยี่ยเชียนหลีพูดความจริง
“ไม่แน่หรอก สวรรค์เก้าชั้นฟ้าในยามนี้แยกออกจากเขาพระสุเมรุอย่างสิ้นเชิง” หรงมั่วเชื่อในตัวลูกสะใภ้มาก “กฎของที่แห่งนี้ ไม่ได้มีท่านพ่อเป็นศูนย์กลาง ย่อมไม่ได้รับอิทธิพลจากเขา”
เยี่ยเชียนหลีมองฝ่าบาทนางที่มีท่าทางปรารถนาให้ท่านพ่อดวงตก จู่ๆ ก็รู้สึกพูดไม่ออก แต่นางก็ชินแล้ว รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคิดถึงจะแย่ แต่เมื่อได้อยู่ด้วยกันก็เกลียดขี้หน้ากัน เหมือนสำนวนที่ว่าใกล้เหม็นไกลหอม
ดีที่พวกเขากำลังจะจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปแล้ว ถึงครานั้นนางและฝ่าบาทยังคงอาศัยที่อาณาจักรพระสุเมรุเป็นหลัก ส่วนท่านพ่อท่านแม่สามีอาศัยที่เขาพระสุเมรุเป็นหลักจึงไม่ต้องกังวลว่าสองพ่อลูกนี้จะเกลียดกันจนถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือ
“คิดอะไรอยู่หรือ” หรงมั่วที่ไม่ได้ยินภรรยาตอบนึกถึง ‘ศัตรูความรัก’ ฮวาเชียนฟาง
เยี่ยเชียนหลีกลับถอนหายใจพูดว่า “ยังคงรู้สึกเป็นห่วงน้องสี่ สภาพแวดล้อมเช่นนั้นสำหรับเขาแล้วซับซ้อนเกินไปหรือไม่ อีกทั้งวิญญาณของเขายังไม่สามารถบำเพ็ญตบะได้ ร่างกายก็กลายเป็นชะตากรรมของราชวงศ์หนานคัง ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะผสานวิญญาณและร่างกายเป็นหนึ่ง ผ่านด่านเคราะห์ได้สำเร็จหรือไม่”
“ฮึ” หรงมั่วพ่นเสียง “ด้วยความสามารถของเจ้าสี่ ตราบใดที่เขาไม่แกล้งตาย ไม่ขี้เกียจ ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
“ก็กลัวเขาจะขี้เกียจอย่างไรเล่า” เยี่ยเชียนหลีถอนหายใจ หลายปีมานี้นางดูสามแฝดเติบใหญ่ รู้ว่านิสัยของทั้งสามแฝดแตกต่างกันจริงๆ และยังดื้อรั้นไม่ยอมแก้ไข
“ไม่หรอก” หรงมั่วรู้ดี “เพื่อที่จะได้กลับมาเร็วขึ้น เขาจะทำงานอย่างหนัก รักและเมตตาประชาชน คนเกียจคร้านอย่างเขา เพื่อความสงบสุขตลอดกาลแล้ว เรื่องอะไรก็ทำได้”
“…ก็จริง” เยี่ยเชียนหลีครุ่นคิด หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
แต่ในความเป็นจริง หรงมั่วกลับกังวลเล็กน้อย เขากลัวว่าน้องชายผู้ขี้เกียจคนนี้จะ ‘สูญเสีย’ ภรรยาที่ถูกกำหนดไว้คนนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและเขาจะกลายเป็น ‘น้องห้าหรงหมื่นปี’ ส่วนที่เหลือ หรงมั่วไม่กังวลแม้แต่น้อย
ดังนั้น ในใจหรงมั่วมีคำถามหนึ่งที่ต้องไปถามท่านพ่อใจดำนั่น หากผ่านด่านรักไม่ได้ ถือว่าสำเร็จหรือไม่โนเวลพีดีเอฟ
หรงมั่วลุกขึ้นพาภรรยาไปหาท่านพ่อและท่านแม่พร้อมกับคำถามนี้
ทว่าอวิ๋นจื่อซีในครานี้กำลังปลูกต้นไม้กับเด็กน้อย ดังนั้นเมื่อสองสามีภรรยาหรงมั่วไปถึงจึงเห็นเพียงราชาแห่งพระสุเมรุนั่งอยู่ในห้องเพียงผู้เดียว
…
พูดถึงเด็กน้อยที่กำลังปลูกต้นไม้ เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเองด้วยซ้ำ เพราะเขาเรียกเฟนเลย์ออกมาช่วยเขาขุดดิน
ทันทีที่เฟนเลย์ออกมา หมาป่าสายฟ้าก็กระตือรือร้นขึ้นมา “สหาย เจ้ามาจากไหนน่ะ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าระบบการฝึกตบะของเจ้าต่างจากของข้าอย่างมาก”
เนื่องจากเฟนเลย์เพิ่งจำศีลออกมา พลาดอะไรไปหลายอย่าง กังวลมากว่าจะถูกนายน้อยทอดทิ้ง บัดนี้จึงขุดดินอย่างตั้งใจ ไม่มีเวลาสนใจหมาป่าสายฟ้า ทำเอาหมาป่าสายฟ้ายิ่งกระตือรือร้น “สหาย? สหาย?”
“อย่าเสียงดัง ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง” เฟนเลย์ขุดดินต่อไปอย่างขมีขมัน พูดได้ว่ามันใช้ทักษะการขุดหลุมของสุนัขได้อย่างเชี่ยวชาญ ลำบากหมาป่ายักษ์น่าเกรงขามที่ไม่เคยขุดดินตัวนี้แท้ๆ
ใครบอกให้นายน้อยน่ารักน่าชังคนนี้ขอร้องเล่า เฟนเลย์ได้แต่ตอบสนองตามความต้องการ มันเริ่มขุดดิน ตั้งใจขุดดิน ลงมืออย่างสง่างาม
ในฐานะที่เยี่ยนเสี่ยวเป่า ‘ผู้คุมกรรมกร’ เฝ้าอย่างตั้งใจ เขาคำนวณในใจแล้ว เมื่อเห็นว่าหลุมถูกขุดจนสามารถใส่ตัวเขาเข้าไปได้ก็ตะโกน “หยุด”
เฟนเลย์หยุดทันที ไม่ได้ขุดต่ออีก “ทำอะไรต่อขอรับ”
“ใส่ต้นไม้” หรงเสี่ยวเป่าชี้หลุมและกล่าว
เฟนเลย์รู้ว่าเขาหมายถึงต้นกล้าแห่งชีวิตซึ่งเป็นต้นไม้ที่เก็บไว้ที่มันตลอด บัดนี้ถูกใส่ลงไปในหลุมใหญ่ตามที่เจ้านายมันต้องการ
ทว่าขนาดของหลุมนี้ทำให้เฟนเลย์อดพูดไม่ได้ว่า “เหมือนกับว่าหลุมนี้จะใหญ่เกินไป หากปลูกมันลงไป ต้นไม้แห่งชีวิตจะถูกฝัง ถมดินลงอีกเล็กน้อยดีหรือไม่ขอรับ”
“ไม่” หรงเสี่ยวเป่าปฏิเสธอย่างยึดมั่นในความคิดของตนเอง ยืนหยัดที่จะให้เฟนเลย์ใส่ต้นกล้าลงไป ในขณะเดียวกันก็ให้เฟนเลย์เริ่มกลบดินกลับไป ทำเอาต้นไม้แห่งชีวิตผู้อ่อนแอและน่าสงสารเริ่มร้องไห้
เสี่ยวลี่ว์เห็นถึงตรงนี้ก็รู้สึกเห็นใจมัน “ท่านเสี่ยวเป่า ทำไมต้องฝังมันเล่า” น่าสงสารจะตายไป
“ไม่ฝัง ปลูก” หรงเสี่ยวเป่าบอกว่าตนเองกำลังปลูกต้นไม้
เสี่ยวลี่ว์มองต้นไม้ที่กำลังจะถูกฝังจนมองไม่เห็น รู้สึกพูดไม่ออก
หรงเสี่ยวเป่ากลับกอดรากของเสี่ยวลี่ว์ไว้ “ท่านปู่ลี่ว์ ช่วยเร็ว”
เสี่ยวลี่ว์ “???” หมายความว่าอะไรน่ะ มันไม่เข้าใจ
“รดน้ำ” หรงเสี่ยวเป่าพูดพลางทำท่าจะกัดรากของเสี่ยวลี่ว์
ท่าทางของเขาทำเอาเสี่ยวลี่ว์สะดุ้งพูดว่า “ท่านเสี่ยวเป่ามีอะไรพูดกันดีๆ อย่ากัด” เมื่อก่อนท่านพ่อเจ้ากัดทีหนึ่ง ทำเอาข้าเกือบตาย โหดร้ายมาก
ถึงอย่างไรเสี่ยวลี่ว์ก็มีบาดแผลในใจ คิดว่าทายาทรุ่นหลังล้วนเป็นคนเรื่องมาก ชอบหาเรื่องวุ่นวายให้ตลอด แม้จะเป็นเพียงเจ้าตัวน้อย แต่พลังทำลายล้างยังคงไม่ใช่สิ่งที่มันต้านทานได้ ดุร้ายยิ่งนัก
โชคดีที่เด็กน้อยยังเป็นเด็กเชื่อฟัง เสี่ยวลี่ว์บอกเขาอย่ากัด เขาก็ไม่ได้กัด เพียงแค่เร่งเร้าต่อไปว่า “ท่านปู่ลี่ว์ รดน้ำ ต้นไม้…”
เสี่ยวลี่ว์เพิ่งเข้าใจว่าที่เจ้าตัวน้อยเรียกมันช่วยปลูกต้นไม้ เพราะต้องการให้มันใช้ปุ๋ยน้ำหล่อเลี้ยงต้นกล้าต้นน้อยที่เขาปลูกต้นนี้
ดังนั้น… มีหลุมพรางจริงๆ ด้วย มันไม่ควรตกลงเลย
แต่แม้มันจะไม่เต็มใจอย่างไรก็ต้องทำตาม บัดนี้ภายใต้สายตากลมโตที่ ‘บีบคั้น’ ของเด็กน้อย มันทำได้เพียงทำตามที่สัญญา กัดฟัน ‘ปล่อยเลือด’ ออกมา น่าเวทนามากเลย
ฮือๆๆ…
เสี่ยวลี่ว์ให้เลือดพลางร้องไห้
ปุ๋ยน้ำอันอุดมสมบูรณ์ที่ไหลออกมาจากตัวของเสี่ยวลี่ว์ถูกรินลงไปในหลุมของต้นไม้แห่งชีวิตอย่างรวดเร็ว ใบไม้ใบเดียวที่หลงเหลืออยู่ข้างนอกของฝ่ายหลังจู่ๆ น้ำ(ตา)ก็หยุดไหล
จากนั้น อวิ๋นจื่อซีก็ประหลาดใจเมื่อเห็นว่าต้นกล้าน้อยจู่ๆ ก็มีพลังวิญญาณที่ยากจะอธิบายได้ ซู่
ซู่ๆ
กิ่งก้านสาขามากมายทะลุพื้นดินขึ้นมา มันเติบโตเป็นไม้พุ่มเล็กๆ ในชั่วพริบตา รวดเร็วอย่างยิ่ง ทำเอาเสี่ยวลี่ว์ผู้เป็น ‘แม่’ คนนี้ตกใจ
ถึงแม้เสี่ยวลี่ว์รู้ว่าสารอาหารที่ตนเองรดลงไปนั้นเป็นสารบำรุงที่ดีมาก แต่ว่า… “นี่มันเร็วเกินไปแล้ว?”
“ฮ่า” เด็กน้อยกลับหัวเราะอย่างดีใจ “โตไวๆ…”
อวิ๋นจื่อซีอุ้มเหลนชายน้อยขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจ “เสี่ยวเป่ารู้ว่าปู่เขียวทำให้ต้นไม้โตไวๆ ได้หรือ”
“ใช่” เด็กน้อยตอบอย่างมั่นใจ
อวิ๋นจื่อซีประหลาดใจกว่าเดิม ทว่าเด็กน้อยดึงดันพูดต่อไปว่า “ยัง มีผล ระยิบระยับ…”
“เช่นนี้หรือ” อวิ๋นจื่อซีประหลาด นางมองต้นไม้แห่งชีวิตที่เลื้อยขึ้นสูงกว่านางตาปริบๆ ครุ่นคิดว่าจะออกผลอะไรออกมา
เสี่ยวลี่ว์ในครานี้ มันเองก็รู้สึกสงสัย เพราะว่ามันในครานี้รับรู้ได้ว่า ตนเองและต้นกล้าที่กำลังถูกตนเองหล่อเลี้ยงต้นนี้เหมือนกับว่าจะเกิดความสัมพันธ์อันมหัศจรรย์ขึ้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน รอบกายเสี่ยวลี่ว์หลั่งไหลพลังชีวิตอันแน่นหนาออกมา ทำเอาอวิ๋นจื่อซีตกใจอีกครั้ง “เสี่ยวลี่ว์ นี่เจ้า… กำลังจะออกผลวิญญาณลูกใหม่แล้วหรือ”
อวิ๋นจื่อซีที่เคยเห็นเสี่ยวลี่ว์ออกผลถึงสามครา ย่อมรู้สัญญาณการออกผลของเสี่ยวลี่ว์เป็นอย่างดี แต่ว่า… นี่มันเร็วเกินไปแล้ว?
ที่สำคัญคือ เสี่ยวลี่ว์ในบัดนี้กำลัง ‘เสียสละให้’ โดยไม่ได้รับประโยชน์อันใด ทว่า…
ซู่
ซู่ๆ…
กิ่งก้านของเสี่ยวลี่ว์มีผลวิญญาณแขวนอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงผลไม้ลูกเล็กๆ สีเขียว แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เสี่ยวลี่ว์ซาบซึ้งจนจะร้องไห้ออกมาและทำเอามันตกใจมากเช่นกัน
“เป็นไปได้อย่างไร”
“ข้าถูกวางหลุมพรางนี่”
“ทำไมยังออกผลได้นะ”
…
เสี่ยวลี่ว์ที่งุนงงกับสภาพของตนเองมาก มันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ รู้เพียงว่าการ ‘ถูกบังคับให้เลือด’ ในครานี้นอกจากตนเองจะไม่เป็นอะไรแล้ว ยังได้รับโอกาสอันดีงามด้วย
เหลือเชื่อจริงๆ
เสี่ยวลี่ว์มองผลวิญญาณลูกน้อยๆ กว่าสิบลูกที่แขวนอยู่บนกิ่งของตนเองอย่างงงงัน คิดว่าตนเองตาฝาดไปแน่ๆ นี่ต้องเป็นภาพปลอบใจตนเองแน่ๆ
ความคิดเช่นนี้ทำให้เสี่ยวลี่ว์ปลดปล่อยการรับรู้ของตนทั้งหมดออกมา พยายามกำจัดภาพลวงตา
ทว่า…
ทั้งหมดนี้คือความจริง แม้เสี่ยวลี่ว์ไม่อยากจะเชื่อ อวิ๋นจื่อซีกลับเห็นชัดเจนว่าเสี่ยวลี่ว์ได้รับประโยชน์ระหว่างที่เสียสละ
“เสี่ยวเป่า เกิดอะไรขึ้นหรือ” อวิ๋นจื่อซีได้แต่ถามเหลนชายน้องในอ้อมอก
น่าเสียดาย…
“เป่าไม่รู้…” หรงเสี่ยวเป่าไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในยามนี้เลย
อวิ๋นจื่อซีที่ได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน “มหัศจรรย์เกินไปแล้ว”
“นั่นน่ะสิ” เสี่ยวลี่ว์ลูบผลวิญญาณด้วยใบไม้ ในที่สุดก็มั่นใจว่าทั้งหมดนี้คือความจริง แม้จะดูเหมือนภาพลวงตามากก็ตาม แต่มันคือความจริง
ทว่าเสี่ยวลี่ว์พบในทันทีว่าต้นไม้แห่งชีวิตที่ตนเองรดน้ำกำลังใช้รากของมันพันรัดตัวของมัน ทำเอามันตกใจจนรีบถอยหลัง
โชคดีที่ต้นไม้แห่งชีวิตไม่ได้ตามเซ้าซี้ต่อไป มันเติบโตขึ้นด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องจนโตเท่าขนาดเดิม จึงค่อยๆ หยุดโต และนิ่งลงในทันที
เสี่ยวลี่ว์ในครานี้พบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องการสารอาหารที่ตนเองรดออกไปแล้ว มันจึงไม่เข้าใจอีกครั้ง “หมายความอะไรกัน”
“จับ” เด็กน้อยยื่นมืออวบอ้วนออกไป บอกว่าตนเองอยากจะจับต้นไม้
อวิ๋นจื่อซีย่อมไม่ขัดขวาง นางอุ้มเด็กน้อยมหัศจรรย์เข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิต ฝ่ายหลังกลับสะดุ้งทำท่าจะหลบ ถึงอย่างไรมันก็เคยถูกเด็กน้อยดูดกินจากต้นไม้ต้นใหญ่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นต้นกล้าต้นเล็ก ยังมีบาดแผลในใจอยู่เลย
น่าเสียดายที่เฟนเลย์เหมือนกับรู้ว่ามันต้องหลบ มันกดต้นไม้ไว้ด้วยอุ้งเท้าของมันอย่างแรง จนมันไม่สามารถขยับไปไหนได้ ได้แต่ถูกจับโดยดี
“ซู่…”
ใบไม้ของต้นไม้แห่งชีวิตสั่นระริก
ทำเอาอวิ๋นจื่อซีรู้สึกขบขัน เหลนชายน้อยของนางน่ารักเช่นนี้ กลัวอะไรกันนี่
ต้นไม้แห่งชีวิตไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรและยังพูดไม่ได้ด้วย มิเช่นนั้นมันคงเถียงสุดใจ และคงจะแสดงภาพอันน่าเศร้าในครานั้นให้นางดู
ทว่าครานี้ เห็นได้ชัดว่ามันกังวลไปเอง เพราะว่าเด็กน้อยแค่ลูบมัน รอบกายของมันก็ปลดปล่อยแสงหลากสีงดงามออกมา
เพียงแค่ครู่เดียว…
ซู่
ทันใดนั้นผลไม้สีเขียวก็งอกออกมาจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิต ทำเอามันตกตะลึง
เจ้าตัวน้อยกลับหัวเราะ ฮ่า อีกครั้ง “งอกออกมา”
อวิ๋นจื่อซีจ้องมองดีๆ พบว่าบนต้นไม้แห่งชีวิตมีผลไม้สีเขียวอยู่จริงๆ ด้วย อีกทั้งยังไม่เหมือนกับของเสี่ยวลี่ว์ ในนั้นมีกลิ่นอายพลังชีวิต ไม่ใช่แค่พลังชีวิตที่พลุ่งพล่าน แต่เหมือนกับว่ายังมีความลึกลับในนั้นด้วย
“นี่มัน…” เสี่ยวลี่ว์มองผลไม้ที่คล้ายของตนเองแต่ก็ไม่เหมือนของตนเองเสียทีเดียว จู่ๆ ก็นึกไม่ออกว่านั่นคือผลไม้อะไร
กลับกลายเป็นว่าแดนมหัศจรรย์ส่งเสียงประหลาดใจขึ้นก่อน “เอ๋ นี่ไม่ใช่ผลไม้นำโชคหรือ”
“ผลไม้นำโชค?” อวิ๋นจื่อซีประหลาดใจ “ความหมายตามชื่อ ผลไม้เสริมโชคลาภหรือ”
“จะพูดเช่นนั้นก็ได้ นายหญิงจำได้หรือไม่ว่าท่านเคยกินผลไม้พรสวรรค์”
“จำได้สิ” อวิ๋นจื่อย่อมไม่ลืมผลไม้มหัศจรรย์นั่น
แดนมหัศจรรย์พูดขึ้นว่า “ผลไม้นำโชคคล้ายๆ กับผลไม้พรสวรรค์ หลังจากทานแล้วจะทำให้ผู้ที่ทานได้รับความสามารถบางอย่างเพิ่มขึ้น แต่ผลไม้แห่งพรสวรรค์ทานแล้วใช่ว่าจะเห็นผลเต็มที่ ต่างจากผลไม้นำโชค มันเห็นผลชัดเจน”
อวิ๋นจื่อซีเบิกตากว้าง นัยน์ตาที่เกียจคร้านกลายเป็นแสงสีทองระยิบระยับเหมือนเวลาที่ปล้นเงิน “ก็คือผลไม้แห่งพรสวรรค์ฉบับปรับปรุง?”
“ขอรับ” แดนมหัศจรรย์ตอบ
อวิ๋นจื่อซีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว ได้แต่ลูบเหลนชายน้อยในอ้อมอก กว่าจะเอ่ยขึ้นได้ว่า “นี่ก็เก่งกาจเกินไปแล้ว เสี่ยวเป่ามหัศจรรย์จริงๆ”
ได้ยินดังนั้น แดนมหัศจรรย์พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านเสี่ยวเป่ากำเนิดจากการรวบรวมพรสวรรค์หลายรุ่น มหัศจรรย์จริงๆ อีกทั้งเขาปลูกต้นไม้แห่งโชคลาภยังเป็นประโยชน์ต่อการผ่านด่านเคราะห์ของนายน้อยทั้งสามด้วย”
อวิ๋นจื่อซีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว นาง จุ๊บ เหลนชายน้อยทีหนึ่ง “ทำไมเสี่ยวเป่าเก่งเช่นนี้นะ”
“ฮี่…” หรงเสี่ยวเป่ายิ้มอย่างมีความสุข “เก่ง เป่าเก่งที่สุด”
“ใช่จ้ะ”
“เป่าจะจับปลาหลายๆ ตัว” หรงเสี่ยวเป่าฉวยโอกาสยื่นข้อแลกเปลี่ยน
อวิ๋นจื่อซีพยักหน้าไม่หยุด “จับเลย ตราบใดที่เจ้าเหลือพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้ อย่าทำให้ตายหมดก็พอ”
“ขอรับ…” หรงเสี่ยวเป่าดีใจแทบแย่ ทำท่าจะลงไปจับปลา น่าเสียดายที่เขาเพิ่งจะขยับตัวลงไปก็รู้สึกเวียนหัว “เป่า ไม่สบาย…”
คำพูดนี้ทำเอาอวิ๋นจื่อซีตกใจ “ไม่สบายตรงไหน”
หรงเสี่ยวเป่าที่ยกมือขึ้นจับศีรษะอยากจะพูดว่าตนเองรู้สึกไม่สบายตรงศีรษะ ทว่ากลับจับโดนศีรษะที่โล้น
อวิ๋นจื่อซีในครานี้ก็เพิ่งพบว่าผมที่เพิ่งงอกขึ้นมาของเจ้าตัวน้อยหดกลับไปอีกแล้ว?
เจ้าตัวน้อยชะงักไปหนึ่งวินาที น้ำตากำลังจะไหลลงมา แต่ในขณะเดียวกัน ต้นไม้แห่งชีวิตเข้ามาโอบรัดเขาไว้แล้ว