บทส่งท้าย 43 โชคดีทั้งครอบครัว ลำเอียง
หรงเสี่ยวเป่าที่ถูกต้นไม้แห่งชีวิตต้นใหม่โอบรัดไว้งงงัน กิ่งก้านอ่อนๆ โอบศีรษะของเขาไว้ และยังแผ่ซ่านแสงสีเขียวอ่อนโยนออกมา
หรงเสี่ยวเป่าที่เดิมทีรู้สึกเวียนศีรษะก็หายทันที ทว่าศีรษะน้อยๆ ของเขายังคงไม่มีผมงอกออกมา ศีรษะยังคงโล้นเงาวับ
ทว่าผลไม้สีเขียวบนต้นไม้แห่งชีวิตกลับเติบโตและอวบอิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่อวิ๋นจื่อซีสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มันกลายเป็นสีแดงสดอย่างรวดเร็ว ที่มหัศจรรย์ที่สุดคือมันยังเปล่งแสงระยิบระยับด้วย
ทำเอาเจ้าตัวน้อยลืมร้องไห้ “ว้าวววว”
“สุกแล้วหรือ” อวิ๋นจื่อซีเองก็คิดไม่ถึง ถึงอย่างไรทุกครั้งที่เสี่ยวลี่ว์ของนางมีผลไม้คืนชีพก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะโต
โอ้ ไม่สิ หากมีโอกาส ผลไม้คืนชีพที่เสี่ยวลี่ว์ชุบเลี้ยงก็เคยสุกงอมภายในชั่วพริบตาเช่นกัน ดังนั้นต้นไม้แห่งชีวิตตรงหน้านี้ก็คงได้รับโอกาสอันดีครั้งใหญ่เช่นกันหรือ
ความจริงก็เป็นดังเช่นนั้นจริงๆ แดนมหัศจรรย์ส่งโทรจิตอธิบายให้อวิ๋นจื่อซีฟังว่า “แดนมหัศจรรย์คือสมบัติลับสุดยอดที่กำเนิดจากสวรรค์อยู่แล้ว มิเช่นนั้นในครานั้นก็คงให้ผลไม้แห่งพรสวรรค์แก่ท่านไม่ได้
ดังนั้นแล้ว ท่านเสี่ยวเป่าปลูกต้นไม้แห่งชีวิต รดน้ำด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ของผลไม้คืนชีพ ทั้งยังมีพลังแดนมหัศจรรย์ที่เขาช่วยต้นไม้แห่งชีวิตดูดซับ ผลไม้แห่งโชคลาภเหล่านี้ย่อมสุกอย่างรวดเร็ว”
“เสี่ยวเป่าแค่จับก็ได้ผลดีเช่นนี้เลยหรือ” อวิ๋นจื่อซีรู้สึกมึนงง คิดว่าเด็กน้อยที่ตนเองอุ้มอยู่นี้ไม่ใช่เหลนชายน้อย แต่เป็นปลาจิ่นหลี่[1]อวบอ้วนตัวหนึ่ง
“ท่านเสี่ยวเป่ามีร่างกายอมตะ ตราบใดที่เขาต้องการ เขาสามารถเรียกใช้พลังงานใดๆ ก็ได้ ดังนั้นพลังงานเฉพาะในแดนมหัศจรรย์ย่อมถูกเขาเรียกใช้และผสานกับลักษณะเฉพาะของต้นไม้แห่งชีวิต ทั้งยังมีต้นไม้วิญญาณช่วยเหลือ ผลไม้นำโชคชุดนี้จึงสามารถงอกเงยได้”
“อ๋อ” อวิ๋นจื่อซีเข้าใจว่าแดนมหัศจรรย์กำลังบอกนางว่าแม้ทุกอย่างตรงหน้านี้ดูเหมือนจะง่าย แต่ความเป็นจริงไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เห็น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะโอกาสอันประจวบเหมาะ
แม้แต่เป่าน้อยนำโชคที่อยู่ในอ้อมอกนาง ต่อไปก็จะได้รับโอกาสเช่นนี้ยาก ถึงอย่างไรพลังงานในแดนมหัศจรรย์ก็พิเศษ มันมีที่สิ้นสุดและหากจะเกิดใหม่ก็ไม่ง่าย
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้อวิ๋นจื่อซีรู้สึกว่าเหลนชายน้อยของตนเก่งกาจน้อยลงเลย ผ่านไปเพียงไม่นานก็สามารถหล่อเลี้ยงผลไม้จิ่นหลี่เต็มต้นไม้ได้
เฮ้อ เท่าที่อวิ๋นจื่อซีดูแล้ว ผลไม้แห่งโชคลาภนี่ ชื่อผลไม้จิ่นหลี่เท่กว่าเยอะ
ผลไม้พวกนี้นางต้องเก็บไว้ดีๆ นี่เป็นของนางหมดเลยนะ
อืม
มากสุดก็แบ่งให้เหลนชายสักสองสามลูก ถึงอย่างไรเหลนชายน้อยก็เป็นคนปลูกมันไว้ในแดนมหัศจรรย์ของนาง นางเป็นคนให้พื้นที่และทรัพยากร เหมาะสมที่จะแบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ให้เหลนชายน้อยแล้วกัน
อวิ๋นจื่อซีคิดว่าการซื้อขายนี้ยุติธรรมมาก เป็นการซื้อขายที่ยุติธรรมที่สุดเท่าที่นางเกิดใหม่เป็นมนุษย์มาแล้ว ไม่ได้โกงใครเลย
ส่วนเสี่ยวลี่ว์ที่เสียสละไปมากมาย เนื่องจากมีผลงอกเงยมากมายก็ไม่ได้ขออะไรจากอวิ๋นจื่อซีอีก มันยังมีความสุขอยู่เลย เหมือนกับว่าได้รับชีวิตใหม่ การเสียสละครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ
“ท่านเสี่ยวเป่าดีจังเลย” เสี่ยวลี่ว์คิดว่าที่ก่อนหน้านี้ตนเองเห็นคุณชายน้อยท่านนี้เป็นพวกเดียวกับอวิ๋นถลกหนังนั่นไม่ค่อยถูก ทั้งๆ ที่คุณชายน้อยเป็นคนชอบธรรมมาก มีรับต้องมีคืน สุภาพบุรุษตัวน้อยจริงๆ
หรงเสี่ยวเป่าที่ถูกชมดีใจอกดีใจ กิ่งก้านที่โอบรัดศีรษะโล้นน้อยๆ ของเขาก็กลับไปที่ต้นไม้แห่งชีวิตในครานี้
อวิ๋นจื่อซีลูบศีรษะโล้นๆ ของเจ้าตัวน้อย ก่อนจะจูบและถามว่า “เสี่ยวเป่ายังรู้สึกไม่สบายหรือไม่จ๊ะ”
เจ้าตัวน้อยส่ายศีรษะตามคาด “หายแล้วขอรับ…”
อวิ๋นจื่อซีคิดไว้แล้ว นางจูบเจ้าตัวน้อยน่ารักน่าชังเบาๆ “เช่นนั้นย่าทวดพาเจ้าไปจับปลา เต่า และกุ้ง ดีหรือไม่จ๊ะ”
“ขอรับ” หรงเสี่ยวเป่าลืมไปแล้วตนเองไม่มีผม เขาทำท่าจะลงไปบนพื้นอย่างดีอกดีใจ
อวิ๋นจื่อซีรู้สึกเสียใจกับผมของเขา อีกทั้งผลไม้จิ่นหลี่บนต้นไม้ต้นนี้ดูดีมาก นางจึงอารมณ์ดี พาเหลนชายน้อยเล่นอย่างสนุกสนานเป็นเวลานาน จนเมื่อย่าทวดและเหลนคู่นี้เล่นจนหมดแรง ผลไม้จิ่นหลี่จึงสุกเต็มที่ มันประกายแสงสีทองและยังส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทำเอาเด็กน้อยที่เดิมทีเล่นจนง่วงนอนแล้วเหม่อมอง
“สวยจังเลย” อวิ๋นจื่อซียื่นมือไปจับผลไม้จิ่นหลี่ มันให้ความรู้สึกเย็นสบาย จับแล้วรู้สึกสบายมาก ทำให้มีความสุข สมแล้วที่เป็นผลไม้จิ่นหลี่
เจ้าตัวน้อยเองก็เด็ดผลไม้จิ่นหลี่ลูกหนึ่งลงมาตามมือของย่าทวดของเขาและยัดเข้าปากทันที
เขาลงมืออย่างรวดเร็ว อวิ๋นจื่อซีไม่ทันตั้งตัวได้ เจ้าตัวน้อยก็หัวเราะ ฮ่า ทีหนึ่ง เขาใช้ฟันหน้าสองสามซี่ของเขากัดผลไม้ลูกนั้น
รสชาติหวานอร่อยนั่นทำเอาเด็กน้อยหัวเราะ ฮ่า “อร่อย ย่า ทวด กิน…” ขณะที่พูด เขายังยื่นผลไม้ที่ถูกตนเองกัดไปแล้วคำหนึ่งไปที่ปากของย่าทวดเขา
ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญ…
อวิ๋นจื่อซีกัดผลไม้ที่เด็กน้อยยื่นมาให้คำเล็ก ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องยากที่เจ้าตัวน้อยจะยอมแบ่งของอร่อยให้ นางย่อมต้องกิน นางกล่าวอย่างมีความสุขว่า “ขอบใจเสี่ยวเป่าจ้ะ”
หรงเสี่ยวเป่าที่ถูกขอบคุณยิ่งดีใจและกินผลไม้เสียงดัง กร๊อบๆ ต่อไป เหมือนกับกระรอกน้อยที่กำลังกินถั่ว น่ารักน่าชังโนเวลพีดีเอฟ
ที่สำคัญคือเด็กน้อยยังไม่ลืมที่จะเด็ดผลไม้อีกลูกหนึ่งให้เฟนเลย์ที่กำลังมองผลไม้แห่งโชคลาภตาปริบ “เลเล่ กิน…”
“ขอบคุณนายน้อยขอรับ” เฟนเลย์กัดผลไม้ที่นายน้อยยื่นให้คำหนึ่ง ตัวลอยขึ้นมาแล้ว
อวิ๋นจื่อซีเองก็แบ่งให้ค้างคาวน้อย หมิงเฟิ่งและหมาป่าสายฟ้าคนละลูกอย่างไม่หวง จากนั้นจึงพาเจ้าตัวน้อยออกจากแดนมหัศจรรย์
หรงหวงที่รออยู่นานแล้วเมื่อได้ยินเสียงก็มองไปที่ตำแหน่งที่ภรรยาหายไปเมื่อครู่นี้ และได้เห็นภรรยาอุ้มเหลนชายน้อยปรากฎตัวขึ้น
เดิมหรงหวงทำหน้าจะสั่งสอนเด็กน้อยที่แย่งภรรยาของเขาไป ทว่าทันทีที่เจ้าตัวน้อยเห็นเขาก็ยื่นมืออวบอ้วนออกไปอย่างมีความสุข “อุ้ม…”
หรงหวงอ้ำอึ้ง ไม่ได้ยื่นมือออกไป
เจ้าตัวน้อยกลับโถมตัวเข้าไปในอ้อมอกของเขา นอกจากจะยิ้มอย่างน่าเอ็นดูแล้ว ยังยัดผลไม้เข้าไปในปากของเขา “กิน ปู่ ทวด กิน…”
หรงหวงขมวดคิ้ว อมยิ้มมองเจ้าตัวน้อยในอ้อมอก ไม่ได้อ้าปาก แต่เขามั่นใจว่าเจ้าตัวน้อยกำลังติดสินบนเขา เป็นเด็กเป็นเล็ก ฉลาดแกมโกงจริงๆ
เด็กน้อยที่ถูกปู่ทวดตัดสินว่าเป็นคนฉลาดแกมโกงไม่รู้ว่าปู่ทวดท่านนี้ของตนเองกำลังคิดอะไร ยังคงยิ้มร่าให้เขา “หวาน…”
หรงหวงเห็นเจ้าตัวน้อยพยายามเช่นนี้จึงกัดผลไม้คำหนึ่งอย่างไว้หน้า หลังจากชิมก็รู้ทันทีว่าผลไม้ชนิดนี้พิเศษมาก
ส่วนเด็กน้อย เขาเห็นปู่ทวดหวงของเขากัดแค่คำเดียว คิดว่าที่เหลือเป็นของเขา ครั้นกำลังจะใส่ปากตนเอง สุดท้ายเขายังไม่ทันเอาเข้าปาก ท่านปู่หวงของเขาก็กินผลไม้ในมือของเขาหมดในคำเดียว
หรงเสี่ยวเป่า “…”
ไม่เหลือให้เขาสักคำเลยหรือ
พรวด อวิ๋นจื่อซีขบขันกับเหลนชายน้อยที่งงงันและสามีที่เห็นได้ชัดว่าขุ่นเคืองและยังสร้างความบันเทิงให้เหลนชายน้อย
หรงเสี่ยวเป่าทำปากยื่น รู้สึกเศร้าใจ “เป่าหิว…”
หรงหวงที่แอบจัดการเหลนชายน้อยก็รวบตัวเด็กน้อยและปลอบประโลมเขา “ท่านพ่อเจ้าทำอาหารเสร็จแล้ว รอพวกเจ้าสองคนกลับมา พวกเจ้าน่ะสิดี เล่นจนไม่รู้วันรู้คืน รู้จักหิวด้วยหรือ”
หรงเสี่ยวเป่าเลือกที่จะฟังแค่บางส่วน ได้ยินแค่ ‘ท่านพ่อทำอาหารเสร็จแล้ว’ ก็ดีอกดีใจ “กิน”
“เจ้าลูกหมู” หรงหวงหยิกขาของเจ้าตัวน้อยเบาๆ สุดท้ายก็พาเขาและจูงมือภรรยาไปที่เรือนของหรงอี้
ส่วนศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อย เขาไม่ต้องถามก็เดาได้ว่าเหตุใดจึงไม่มีอีกแล้วจึงไม่ถามจี้จุดเด็กน้อยอีก ทว่า…
เยี่ยป้าเทียนที่ไม่ค่อยจะรู้งานเท่าไร เมื่อเขาเห็นเด็กน้อยหัวโล้นก็โพล่งพูดว่า “เหตุใดเสี่ยวเป่าไม่มีผมอีกแล้วเล่า”
หนี่ว์ตี้ขมวดคิ้วหยิกแขนของเยี่ยป้าเทียนอย่างแรงทีหนึ่ง เจ็บจนเยี่ยป้าเทียนสะดุ้งกระโดดขึ้นมา ท่าทางความเป็นอาวุโสหนักแน่นไม่มีเลย
หนี่ว์ตี้ยิ้มเย็นชาอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ยิ่งอยู่ยิ่งถดถอยจริงๆ เจ็บแค่นี้ยังทนไม่ไหว หรือว่ากลับอาณาจักรทั้งปวงแล้วไปเกิดใหม่บำเพ็ญตนอีกครั้งดีหรือไม่ เจ้าเองก็คุ้นเคยดีอยู่แล้วนี่”
“ไม่นะ” เยี่ยป้าเทียนรีบนั่งลง รินสุราให้หนี่ว์ตี้อย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยไม่ดีเอง ท่านหนี่ว์ตี้อภัยให้ข้าน้อยเถิด อย่าถือสาเอาความข้าน้อยเลย”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
หนี่ว์ตี้พ่นเสียง ฮึ ในลำคอ ไม่ได้โมโหต่อไป แต่ก็ไม่สนใจเจ้าคนน่าอับอายคนนี้ นางมองไปที่เหลนชายที่ทำท่าจะร้องไห้ รู้สึกยิ่งโมโห
เยี่ยป้าเทียนรู้สึกผิด ครั้นกำลังจะลุกขึ้นไปปลอบเด็กน้อย เยี่ยนอวี๋กลับอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาก่อน และยังจูบเขาสองสามที “ทำไมเป่าของเราน่ารักอีกแล้วเล่า งามจริงๆ แม่ชอบที่สุดเลย…”
หรงเสี่ยวเป่าที่แต่เดิมจะร้องไห้เขินขึ้นมาทันที “แม่…”
“จ้า” เยี่ยนอวี๋ที่กอดเด็กไว้แน่นลูบหลังของเขา รู้ว่าเขาไม่สบายใจ “ปล่อยให้มันยาวกลับมานะ เดี๋ยวก็ชินเอง เสี่ยวเป่ามีผมงอกตั้งหลายครั้งแล้ว ยังกลัวจะงอกกลับมาไม่ได้หรือ”
“เป่าไม่กลัว” หรงเสี่ยวเป่าตอบทันที
เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยเบาๆ “นั่นน่ะสิ”
เยี่ยป้าเทียนถือโอกาสขอโทษ “เสี่ยวเป่า เมื่อครู่ตาทวดไม่ดีเอง จี้จุดเสี่ยวเป่า สมควรลงโทษ ตาทวดลงโทษตนเองดื่มหมดแก้ว ดีหรือไม่”
หรงเสี่ยวเป่าที่ถูกง้อคุยด้วยง่ายมาก เขายิ้ม “อภัยขอรับ…”
เยี่ยป้าเทียนโล่งอก ดื่มสุราอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมา โยนเด็กน้อยขึ้นกลางอากาศ สองตาหลานจึงหายกัน
เมื่อเยี่ยป้าเทียนกลับไปนั่งลงข้างกายหนี่ว์ตี้ หนี่ว์ตี้จึงตบหลังมือของเขาเบาๆ “เจ้านี่นะ ตั้งหลายปีแล้ว ปากเลอะเลือนเข้าทุกที”
“ข้าผิดเอง” เยี่ยป้าเทียนรีบยอมรับผิด และพูดอย่างรู้งานว่า “ภรรยาโปรดสั่งสอน”
หนี่ว์ตี้ไม่สนใจเขา ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เยี่ยเชียนหลีเห็นดังนั้นก็รู้สึกวางใจ
เยี่ยเชียนหลีเป็นกังวลมาตลอด ท่านแม่หนี่ว์ตี้ของนางและท่านพ่อยมราชอยู่ด้วยกันได้เพราะนาง นางจึงชอบสังเกตพวกเขาเวลาที่อยู่ด้วยกัน
หรงมั่วเข้าใจ รู้ว่าภรรยาต้องเป็นห่วงเช่นนี้ต่อไป จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง เขาจึงได้แต่จับมือของภรรยาเป็นกังวลเรื่องคนข้างกายเป็นเพื่อนไปกับนาง
ส่วนเด็กน้อย ครานี้เขากลับไปในอ้อมอกของท่านพ่อเขาแล้ว ท่านพ่อเขากำลังป้อนข้าว เขากำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ย่อมลืมเรื่องผมไปสนิท
อวิ๋นจื่อซีนำผลไม้จิ่นหลี่ที่เจ้าตัวน้อยชุบเลี้ยงออกมาแบ่งให้ทุกคนทานเป็นผลไม้ก่อนมื้ออาหาร และยังประกาศว่าผลไม้นี้คือสิ่งที่เด็กน้อยชุบเลี้ยงออกมา “ทุกคนกินคนละลูก ต่อไปจะได้ไม่มีโชคร้าย มีแต่สิ่งดีๆในชีวิต”
ตบะของทุกท่านที่นั่งอยู่ในนี้อยู่ในระดับจุดสูงสุดแล้ว แม้จะไม่ถึง แต่ล้วนปลุกพรสวรรค์ที่ดีที่สุดในตัวตื่นแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ผลไม้จิ่นหลี่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากที่สุดก็คือการนำแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
และประโยชน์ข้อนี้อาจดูลวงตาราวกับว่าไม่สามารถรู้สึกหรือเข้าใจได้ แต่มันจะมีบทบาทอย่างมากเมื่อทุกคนตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ดังนั้นทุกคนที่กินผลไม้จิ่นหลีจึงเข้าใจว่าเจ้าตัวน้อยนำพรมาให้พวกเขามากเพียงใด
“ขอบใจเสี่ยวเป่า”
“เสี่ยวเป่าเก่งที่สุดเลย”
“…”
คำพูดชมเชยและยกยอทำเอาเด็กน้อยเขินจนหน้าแดง
ทุกคนจึงหัวเราะและเริ่มทานข้าว เป็นมื้อที่ได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าและอร่อยมากจริงๆ
หลังอาหาร หรงหวงพูดถึงวันกลับ ทุกคนไม่แปลกใจมากนัก และไม่มีความเห็นใดๆ
ทว่าเยี่ยนอวี๋พวกเขาจะอยู่ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่อจนกว่าเยี่ยนอวี๋จะตั้งครรภ์คนที่สอง และจัดการสวรรค์เก้าชั้นฟ้าให้เสร็จสมบูรณ์ นางจึงจะกลับไป
อวิ๋นจื่อซีจึงพูดว่า “ถึงครานั้นอี้เอ๋อร์พาเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กลับเขาพระสุเมรุ พวกเราเจอกันที่เขาพระสุเมรุนะ ท่านลุง ท่านปู่ ท่านย่า และท่านป้ารอคคอยพวกเจ้ากลับไป”
“ขอรับ” หรงอี้ไม่มีความเห็น
เด็กน้อยกลับเป็นทุกข์ “ไป หมดเลยหรือ ไม่อยู่กับเป่า หรือขอรับ”
อวิ๋นจื่อซีเห็นดังนั้นก็ไม่อยากกลับ “เช่นนั้นย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าของเรา ให้ปู่ทวดหวงกลับไปก่อนแล้วกัน” ถึงอย่างไรก็ไม่นานนัก นางเองก็ไม่ต้องทำอะไรอยู่แล้ว
หรงหวงที่ถูกทิ้งพูดอย่างไม่พอใจว่า “แล้วข้าล่ะ”
“ท่านก็พาทุกคนกลับไปก่อนสิ” อวิ๋นจื่อซีโบกมือ “ผีผีพวกเขาต้องให้ท่านคอยจับตาดู กลับไปดูที่เขาพระสุเมรุย่อมดีที่สุด”
หรงหวงยกหางตาขึ้น เหมือนกับมีแสงแห่งรอยยิ้ม “เจ้าไม่ไป ข้าไม่ไป”
อวิ๋นจื่อซี “…”
ผู้ชายคนนี้แอบอ้อนอีกแล้ว อย่าคิดว่านางดูไม่ออก
หลงตี้เห็นดังนี้ก็ส่งโทรจิตมาว่า “ข้าน้อยกลับไปดูให้ก่อน ท่านอยู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่อก่อนก็ได้ จะได้ดูแลฮูหยินน้อย”
“ก็ดี” เยี่ยเชียนหลีสำทับ “ข้าจะกลับไปเขาพระสุเมรุกับฝ่าบาทก่อน”
หรงมั่วไม่ค่อยพอใจ แต่ภรรยาบีบมือเขาแน่นตลอด เขาได้แต่พยักหน้าอย่างลำบากใจ กลับฉวยโอกาสโยนภาระ “เช่นนั้นท่านพ่อยู่ที่นี่ ช่วยดูเจ้าสี่ด้วยว่าแอบอู้หรือไม่ ลูกกลับเขาพระสุเมรุแล้วจะยุ่งมาก ไม่มีเวลา”
หรงหวงหรี่ตามองบุตรชายคนโตเจ้าเล่ห์คนนี้ เพื่อที่จะได้อยู่กับภรรยา เขาจำใจต้องตอบตกลง “ได้”
ทว่า…
พูดถึงแฝดสามที่ไปผ่านด่านเคราะห์ อวิ๋นจื่อซีรีบถามหรงอี้ที่กำลังป้อนเด็กน้อยว่า “อี้เอ๋อร์ ท่านอาสามของเจ้าเล่า ทางฝั่งเขาคงจะราบรื่นดีนะ”
แม้อวิ๋นจื่อซีจะใช้ประโยคคำถาม แต่กลับถามด้วยประโยคบอกเล่า เพราะว่านางเชื่อในความสามารถของสามีติดเมียคนนี้ ภายใต้การปกป้องของเขา ด่านเคราะห์ของเจ้าสามไม่มีปัญหาอะไรเลยจริงๆ
หรงอี้เองก็ตอบอย่างมั่นใจว่า “ขอรับ ท่านอาสามราบรื่นดี อีกทั้งเขาผ่านด่านเคราะห์ที่หมื่นอาณาจักรนี่เอง เพียงแต่ว่าพื้นที่ที่อยู่ค่อนข้างทุรกันดาร”
แค่ทุรกันดารเท่านั้น เทียบกับผีผีและจอมขี้เกียจแล้ว เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของเจ้าสามดีที่สุด หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ
หรงอี้มองท่านปู่หวงของเขาอย่างรู้แก่ใจดี รู้ว่าปู่หวงของเขาต้องแอบทำอะไรบางอย่างไปแน่ๆ ทำให้อาสามที่มีหน้าตาเหมือนท่านย่าซีที่สุดถูกส่งไปยังดินแดนสำหรับผ่านด่านเคราะห์ที่ดีที่สุด
เลือกที่รักมักที่ชัง ลำเอียงมากเสียจน
[1] ปลาจิ่นหลี่ หรือ ปลาคาร์ป คนจีนเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี นำพาโชคลาภมาให้