ใบอู๋ถงร่วงหล่นดุจดั่งดอกไม้เพลิง รายล้อมอยู่รอบกายชายหนุ่มผู้ซึ่งสวมอาภรณ์สีดำเข้มที่นั่งอยู่ริมต้นไม้ ใบไม้ร่วงโรยดาษเดื่อนละมุนสายตามิรู้จบ
“…” ทันทีที่ดอกไม้เพลิงสัมผัสพื้นก็จะสูญสลายไร้สำเนียง ครั้นยามที่สัมผัสพื้น กลับมีแสงสีม่วงสาดกระเซ็น ใบต้นอู๋ถงเหมือนเปลวเพลิง เมื่อสีแดงและสีม่วงปะทะกันก็ก่อให้เกิดเป็นภาพอันสวยสดงดงาม
ชายหนุ่มนิรนามอายุยี่สิบต้นๆ ในเสื้อคลุมสีดำสนิท กลับกลายเป็นจุดเด่นที่สุดของภาพนี้! ความสูงส่งงดงามเปล่งรัศมีออกมารอบกาย เทพแห่งแสงสว่างผู้อยู่เหนือผู้คนเช่นเขา ส่องแสงเรืองรองทำให้เกิดเป็นภาพอันสวยสดงดงามโดยรอบ
แม้ว่าเขาจะถูกเทพแห่งแสงสว่าง ‘ซ่อน’ ไว้ ทว่าขนตางอนหนาเป็นแพ ดวงตาเรียวยาวราวภาพเขียน ขนคิ้วสีดำเข้มดุจสีของน้ำหมึก กล้ามเนื้อผิวพรรณงดงามเฉกเช่นหยกเจียระไน สันจมูกตั้งตรงเป็นคมสัน และริมฝีปากแดงระเรื่อ ทั้งหมดนี้ของเขาไม่อาจถูกเทพแห่งแสดงสว่างแย่งชิงความเลิศล้ำเหล่านั้นไปได้
เขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่สดใส เหมือนจันทรานวลผ่อง ทั้งยังเหมือนหมู่ดาราหลากสีสันที่อยู่บนนภา ซึ่งทำลายภาพวาดสีสันสดใสภาพอื่นไปจนสิ้น เหมือนมีเวทมนต์ดึงดูดให้ทุกสายตามองไปที่เขา
แม้ในขณะนี้เขากําลังหลับตาราวกับว่าจมอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ทว่านั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความงามและความพิเศษที่ออกมาจากตัวเขาได้เลย! ความงดงามอันเย้ายวนที่ชวนให้คนหลงเสน่ห์ ทั้งอยากเคารพและอยากอยู่ให้ไกล
……
“อ้ะ! อ้ะเนะเนะ!…” เจ้าตัวน้อยเปล่งเสียงเล็กๆ ออกมา! ยิ่งเข้าไปใกล้บุรุษรูปงามผู้นั้นมากเท่าไร เขาก็ยิ่งร้องเสียงดัง! ยิ่งตื่นเต้น! และยิ่งฮึกเหิมมากเท่านั้น! ประหนึ่งว่าเขาสามารถรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของชายรูปงามผู้นี้
ในความเป็นจริง เยี่ยนเสี่ยวเป่าสามารถรับรู้ได้จริงๆ และเขายังสามารถรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างของอีกฝ่าย ที่มีกลิ่นอายที่เขาชื่นชอบอันคล้ายกับท่านแม่คนงามของเขา! ทำให้เขาอยากจะ ‘เข้าไปใกล้’ กลิ่นอายอันคุ้นเคยนั้น
แม้ว่าตอนนี้เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังไม่เจอตัวคน แต่เขาก็ตื่นเต้นคึกคักอย่างยิ่ง! ถ้าเขามีพละกําลังมากพอ เขาคงกระโจนเข้าไปหาแล้ว
น่าเสียดายที่เขาทำไม่ได้ ดังนั้น…
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพบว่า หลังจากที่เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากกลิ่นอายอันคุ้นเคยนั้น เขาก็เริ่มสับสน! จึงตะโกนอย่างไม่พอใจขึ้นทันที “อ้า! อ้า…”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ในที่สุดหยางชีซานก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเจ้าตัวน้อยนี้
เยี่ยนจื่ออวี๋ก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน นางจึงรีบไปรับตัวลูกน้อยทันที “เสี่ยวเป่า เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโผเข้าสู่อ้อมแขนของท่านแม่คนงาม พลางใช้นิ้วมือเล็กๆ อันอวบอ้วนนั่นชี้บอกทางอย่างกระตือรือร้น คล้ายจะบอกว่า ‘ข้าจะไป’ ถ้าไม่พาไปข้าจะร้องไห้นะ
เยี่ยนอวี๋จำต้องหยุดฝีเท้าอย่างเสียมิได้ มองไปยังทิศทางที่ลูกของนางชี้บอก และถามว่า “ที่นั่นคืออะไรหรือเจ้าคะ”
“ที่ใดอย่างนั้นหรือ” เยี่ยนชิงเดินตามมืออันอวบอ้วนของหลานชายอย่างฉงน แล้วเพ่งสายตาไปยังป่าเขียวชอุ่ม ไม่เห็นอะไรเลย แค่ป่าเท่านั้นเอง?
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วมุ่น แล้วจึงพาลูกเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่า ทําให้สองพ่อลูกเยี่ยนชิงตกตะลึง แล้วรีบเดินตามไปติดๆ
“อ้า! อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากำชายเสื้อของมารดาแน่นด้วยความดีใจเหลือประมาณ ตื่นเต้นจนร่างทั้งร่างกลายเป็น ‘สีแดง’ ทําให้เยี่ยนชิงกังวลเล็กๆ ว่าหลานชายอาจมีไข้ตัวร้อนขึ้นอีก
หยางชีซานก็ค่อนข้างประหลาดใจ จึงเดินตามครอบครัวตัววุ่นไป พลางเอ่ยเตือนขึ้นว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นที่ของยาอายุวัฒนะเพลิง พวกเจ้าอย่าไปรบกวนพวกมันเลย”
“อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้ฟังอะไรพวกนั้น เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายอันคุ้นเคยอยู่ตรงหน้าเขา! อยู่ตรงหน้านี่เอง!
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนอวี๋ก็สามารถรับรู้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีมิติลึกลับซ่อนอยู่ในบริเวณนี้ นางสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเข้มข้นอยู่ในนั้นลางๆ รวมถึงแก่นวิญญาณบริสุทธิ์ แต่นางมิอาจสัมผัสถึงทางเข้าได้
นางเชื่อว่าเสี่ยวเป่าน่าจะสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของมิตินี้เช่นเดียวกับนาง เด็กคนนี้ตื่นเต้นถึงเพียงนี้ น่าจะเป็นเพราะว่ามีแก่นพลังวิญญาณอยู่ในนั้น
เยี่ยนอวี๋ที่ประคบประหงมดูแลลูกเป็นพิเศษพอจะจับสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง นับตั้งแต่ลูกน้อยของนางเข้ามาในสำนักชางอู๋ ลูกของนางจะเริ่มมีชีวิตชีวา ไม่ ‘ซึมกะทือ’ เอาแต่นอนเหมือนเมื่อก่อนอีก นางพอจะรู้อยู่บ้างว่าเป็นเพราะสำนักชางอู๋มีเปลวเพลิงบริสุทธิ์และแก่นพลังวิญญาณอันเข้มข้น
หารู้ไม่ว่า…
“เนะ!” แท้จริงแล้วเป็นเพราะอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าฉลาดขึ้น และคนผู้นี้ก็คือบิดาที่แท้จริงของเยี่ยนเสี่ยวเป่าแน่นอน ถึงอย่างบุรุษชุดดำรูปงามผู้นั้นก็มีความละม้ายคล้ายกับ ‘เยี่ยนเสี่ยวเป่าฉบับโตเต็มวัย’ ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เยี่ยนเสี่ยวเป่าเพิ่งมาอยู่ที่สำนักชางอู๋ และตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นเป็นครั้งแรก ก็ประจวบเหมาะกับตอนที่เขาลืมตา เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเรื่องนี้มีการเชื่อมโยงกันที่น่าอัศจรรย์ใจนัก ซึ่งนั่นเป็นสายสัมพันธ์พ่อลูกที่พิเศษกว่าคนทั่วไป
ฮาๆ… ด้วยเหตุนี้เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงส่งเสียงหัวเราะลั่น เปล่งเสียง ‘ฮาๆ’ คล้ายเสียงหัวเราะคำใหม่ที่ไม่ใช่ “อ้ะ” หรือ “เนะ”
เยี่ยนอวี๋จุมพิตหน้าผากเล็กๆ ของลูกด้วยความตื่นเต้น “ใจเย็นๆ แม่จะพาเจ้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับท่านแม่คนงามของเขาไว้แน่น ดีใจจนแทบหมดสติ
ดอกไม้เพลิงรายล้อมออกเป็นวง และในเวลานี้ ณ ใจกลางของเขตหวงห้ามชางอู๋ ลำแสงอันสว่างไสวพวยพุ่งออกมารวมตัวกันเหนือสำนักชางอู๋ แสงสีละลานตามมาบรรจบกันและกระจายตัวออกเป็นวงกว้างราวกับพลุที่ระเบิดบนฟากฟ้า