“อะไรนะ!” เฉาหมิงเฉิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าคนที่ตายจะเป็นบิดาของเยี่ยนชิงถังผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกุ้ยหนี่ว์คนใหม่ แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
แต่เยี่ยนชิงถังกลับทรุดกายลง ‘คุกเข่า’ ร้องไห้สะอื้น “ใต้เท้าเฉา! ข้ารู้ว่าเป็นฝีมือของท่านลุงเจ้าสำนักแน่นอนเจ้าค่ะ เพราะเกรงว่าเลือดของพี่จื่อเสาคงจะกลายเป็นมนุษย์วานรหวาไหวไปแน่แล้ว ซึ่งไม่มีทางถอนพิษได้!”
เฉาหมิงเฉิงเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้น”
ผู้อาวุโสเก้าพูดต่อทันทีว่า “เรียนใต้เท้าเฉา ไม่นานมานี้ข้าน้อยได้ติดตามคนของหอเจ้าสำนัก ถึงสืบทราบได้ว่า ความจริงแล้วที่เขตชายแดนเมืองชางอู๋มีแหล่งซ่องสุมศึกษาค้นคว้าโอสถแปรผันมนุษย์วานรหวาไหวโดยเฉพาะ และผู้ที่จัดหาเลือดอสูรมนุษย์วานรหวาไหว ก็คือจื่อเสา! แต่น่าเสียดายที่คนบัดซบเยี่ยนชิงไหวตัวทัน ข้าน้อยยังไม่ทันได้เก็บรวบรวมหลักฐาน เขาก็ทำลายแหล่งซ่องสุมนั้นไปแล้ว แต่ด้วยเหตุนี้ข้าน้อยจึงได้ทราบว่า ผู้อาวุโสสูงสุดเยี่ยนอู้ผู้น่าสงสารในสำนักถูกฆ่าปิดปาก แต่…”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสเก้าก็ชะงักชั่วคราว แล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “ข้าน้อยคาดไม่ถึงเลย! เพื่อจะทําลายหลักฐานความผิด เยี่ยนชิงถึงกับต้องสังหารพี่ชายร่วมสายโลหิต มิเพียงเท่านี้ เขายังทำลายศพเพื่อทำลายหลักฐานอีก”
ครั้นเมื่อเขาพูดจบ อินหลิวเฟิงก็ยิ้มกริ่ม “ดังนั้นที่เจ้าพูดมาทั้งหมดนี้ เจ้ายังไม่มีหลักฐานงั้นสิ” เป็นการใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไรนัก
“ไร้สาระสิ้นดี!” ผู้อาวุโสรองตำหนิด้วยความโกรธจนหน้าเขียว
แม้ว่าเฉาหมิงเฉิงจะนึกระแวงสงสัยในใจ แต่กลับกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถูกต้อง หากไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดจาเหลวไหล แต่ท่านเจ้าสำนักเยี่ยน บุตรชายของท่านล่ะ?”
“เขากําลังรอบุตรสาวของข้า พวกเขาจะออกมาพร้อมกัน” เยี่ยนชิงตอบอย่างสุขุม แต่ในใจกลับเข้าใจถึงเบื้องหลังทุกอย่าง อดเป็นห่วงบุตรชายคนรองเสียมิได้! ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเขาจะสะสางจัดการกับสายเลือดของเยี่ยนอู้มาโดยตลอด แต่…
ไม่รอให้เยี่ยนชิงไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน ผู้อาวุโสเก้ากลับยิ้มอย่างเยือกเย็น “นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้น เหตุผลที่แท้จริงคือจื่อเสาได้กลายเป็นอสูรร้ายอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาจึงไม่สามารถออกมาพบผู้คนได้!”
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสเก้าก็รายงานเฉาหมิงเฉิง ไม่รอให้เยี่ยนชิงปฏิเสธ “ใต้เท้าเฉา แม้ข้าน้อยจะไม่สามารถหาหลักฐานได้ แต่ข้าน้อยก็ได้ของบางอย่างจากแหล่งซ่องสุมที่เยี่ยนชิงทำลายไป! และฉวยโอกาสใช้มันกับเยี่ยนจื่อเสา”
“ของอะไร” เฉาหมิงเฉิงถามโดยสัญชาตญาณ
เยี่ยนชิงทำสิ่งไม่ดีลับหลัง!
“โอสถทะลวงพลัง!” ผู้อาวุโสเก้าคล้ายกับพยายามระงับโทสะ แต่ความจริงคือพยายามระงับความตื่นเต้นอยู่ แล้วพูดกระชั้นขึ้นอีก “แหล่งซ่องสุมนั้นมิเพียงแต่ศึกษาค้นคว้าโอสถแปรผันมนุษย์วานรหวาไหวเท่านั้น แต่ยังศึกษาค้นคว้าโอสถทะลวงพลังด้วย และประโยชน์ของโอสถทะลวงพลังเป็นอย่างไรนั้น คิดว่าใต้เท้าเฉาคงทราบดี มันเป็นโอสถที่ใช้เสริมพลังโลหิต ทำให้ผู้ฝึกฝนที่มีระบบโลหิตพิเศษ สามารถทะลวงความสามารถและพละกำลังทั้งหมดที่มีได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และโอสถนี้ ข้าน้อยได้บงการผู้กล้าตาย แอบไปวางยาให้กับเยี่ยนจื่อเสาอย่างลับๆ! สาเหตุที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวในขณะนี้ เป็นเพราะระบบโลหิตถูกกระตุ้น จนกลายร่างเป็นอสูรร้ายมนุษย์วานรหวาไหวโดยสมบูรณ์แล้ว! สุดท้ายแล้ว ตอนนี้เยี่ยนจื่อเสาไม่สามารถควบคุมระบบโลหิตให้กลับกลายเป็นคนได้อีก! เมื่อเขาปรากฏตัว ต่อให้เยี่ยนจื่ออวี๋มีฝีมือเก่งกล้าเพียงใด ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ดังนั้นจะให้เขาปรากฏตัวไม่ได้เด็ดขาด! ถูกหรือไม่ ท่านเจ้าสำนักเยี่ยนชิงของข้า”
คําพูดอันพรั่งพรูออกมามากมายของผู้อาวุโสเก้า ทําให้ห้องโถงเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงหายใจของใครบางคน และทันใดนั้นเอง เสียงรายงานอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นมาจากห้องโถง “รายงานท่านเจ้าสำนัก! จู่ๆ คุณชายรองก็หายไป เหมือนจะถูกจับไปขอรับ!”
ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสเก้าระเบิดเสียงหัวเราะเยาะ ถึงอย่างไรการแจ้งข่าวนี้ก็ประจวบเหมาะกับที่เขาได้พูดไปเมื่อครู่ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นสิ่งยืนยันคำพูดของเขาให้สมบูรณ์
เฉาหมิงเฉิงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเยี่ยนชิงและพูดว่า “บุตรชายของท่านถูกจับจริงๆ หรือ”
สีหน้าของเยี่ยนชิงทะมึน ทว่ามิอาจไม่เอ่ยคำใดได้ “เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ความจริงมิได้เป็นดั่งที่ผู้อาวุโสเก้ากล่าวอย่างแน่นอน!” เขาจำเสียงได้ ผู้ที่มารายงานคือคนสนิทของหอเจ้าสำนัก ดังนั้นลูกชายรองผู้โชคร้ายของเขา เกรงว่าจะประสบเรื่องร้ายอีกแล้วเป็นแน่
…
ความจริง ในเวลานั้นเยี่ยนจื่อเสาถูกทำร้ายจริงๆ! และผู้ที่จะสังหารเขา ก็คือผู้พิทักษ์สำนักที่ควรจะอยู่ที่หอโอสถ…ถงเหล่า!
ถงเหล่าผู้ซึ่งมีระดับการฝึกฝนสูงกว่าเยี่ยนจื่อเสา ได้ออกมาจากที่ซุ่มในความมืด เขาตบหลังเยี่ยนจื่อเสาด้วยความเร็วขั้นสูงสุด! ต่อให้เป็นตัวเยี่ยนชิงเองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหลบได้พ้น
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนจื่อเสาผู้ที่ได้รับการกระตุ้นเลือดให้ใกล้เคียงกับมนุษย์ยุคโบราณกาลแล้ว เขาจึงรู้ตัวก่อนก้าวหนึ่ง ทำให้เขาสามารถคาดเดาทิศทางการโจมตีของถงเหล่าได้อย่างเฉียดฉิว และเร้นกายหลบไปอีกด้านด้วยความเร็วสูง
ฟิ้ว!
แม้ว่าเยี่ยนจื่อเสาที่กำลังถอยหลบอย่างรวดเร็วอยู่นั้น จะยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ซุ่มโจมตีเขา แต่เขาก็ทราบดี! เมื่อใดที่เขารอดพ้นจากการโจมตีครั้งนี้ได้ ผู้พิทักษ์สำนักที่อยู่ใกล้เคียงจะต้องมาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมแพ้การต่อสู้เพียงเพราะความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแน่
“หืม?”
ถงเหล่าที่แอบซุ่มโจมตีอดคิดมิได้ คิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจื่อเสาจะรวดเร็วปานฉะนี้ เขาเพิ่มความรุนแรงของการโจมตีโดยสัญชาตญาณ
ปัง!
ฝ่ามือพิฆาตอันทรงพลังแผดเสียงก้อง แม้ว่าจะไม่ได้ประทับลงบนแผ่นหลังของเยี่ยนจื่อเสาโดยตรง แต่อานุภาพอันร้ายแรงของมันกลับทำให้เยี่ยนจื่อเสากระเด็นออกไป
อึก! เยี่ยนจื่อเสาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนอาเจียนเป็นเลือดจํานวนมาก แต่เขาสามารถหลบพลังโจมตีอันถึงแก่ชีวิตนั้นได้พ้น และในขณะเดียวกัน
“ถงเหล่า?” ผู้พิทักษ์ชางอู๋ที่อยู่ใกล้ที่สุดผู้หนึ่งได้แสดงตัวขึ้นตามที่เยี่ยนจื่อเสาคาดไว้! เขาปรากฏตัวอย่างรวดเร็วในที่เกิดเหตุ แต่ถงเหล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดกลับโปรยผงพิษอันคาวคลุ้งใส่ผู้มาเยือน
กึก เห็นได้ชัดว่าผงอันมีกลิ่นคาวที่โปรยออกมาจะมีพิษแฝงอยู่! ผู้พิทักษ์ที่กำลังเข้ามาจึงรีบถอยอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว และระเบิดพลังป้องกันทันที
ถงเหล่าฉวยโอกาสนี้ลงมือทำร้ายเยี่ยนจื่อเสาอีกครั้งอย่างไม่ลดละ! จังหวะที่กําลังจะบดขยี้เยี่ยนจื่อเสาไม่ให้เหลือกระทั่งซากศพนั้น
“สมควรตาย!” ผู้พิทักษ์ที่ถูกผงพิษบังคับให้ถอยสีหน้าแปรเปลี่ยน “ถงเหล่า เจ้าบ้าไปแล้ว!”
“ตายซะ!” ถงเหล่าไม่ฟังเสียง เขาระเบิดพลังออกไปทันที ปัง!
ชัดเจนว่าเยี่ยนจื่อเสาที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ ผู้พิทักษ์หอเจ้าสำนักเบิกตากว้างมองดูร่างของเขาที่กำลังจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เขาตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น
และแล้ว
ฟึบ!
เกิดหมอกสีขาวหนาปะทุขึ้นรอบตัวของเยี่ยนจื่อเสา ลมปราณโบราณที่ทรงพลังระเบิดขึ้นทันที! ไม่เพียงแต่ ‘กลืนกิน’ การโจมตีของถงเหล่าเท่านั้น แต่ยังปล่อยภาพลวงตาอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอีกด้วย
“อะไรน่ะ!”