ท่ามกลางแสงอันเจิดจ้า ปุยขนสีขาวกำมะหยี่ หางทั้งเก้าขาวราวหิมะ เรียวตางาม เรือนร่างอ่อนหวานแช่มช้อย จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางผู้เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์และความบริสุทธิ์ พลันได้ปรากฏขึ้น
แก่นวิญญาณอสูรในตํานาน!
นั่นคือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง!
นางลงมาจากสวรรค์ด้วยประการฉะนี้ ยอมรับถ้อยคำอัญเชิญ เยื้องย่างมาอยู่เบื้องหลังของเยี่ยนจื่อเสา ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตะลึง แก่นวิญญาณหัวกระบือตัวราชสีห์ตนนั้นนั้นหวาดผวา
ปัง!
ไม่ต้องรอให้ถงโฉวเซิ่นตื่นจากภวังค์ แก่นวิญญาณหัวกระบือตัวราชสีห์ที่ตกใจกลัวเม่ยเอ๋อร์อยู่ก่อนนั้น เวลานี้มันเร้นกายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยกลัวว่าหากชักช้าเกินไปอาจจะแตกสลายย่อยยับเป็นผุยผงอยู่ตรงนั้น!
นรก!
น่าหวาดกลัวเหลือเกิน!
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง…
อะไรกันนี่!
ไม่จริงหรอกกระมัง!
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แก่นวิญญาณอสูรตนนี้ก็รู้จักแสวงหาสิ่งดีหลีกหนีอันตราย มันแสดงชัดว่าไม่ยอมหยุด การวิ่งหนีเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะวิ่งเร็วมากเพียงใด แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากบทลงโทษของแก่นวิญญาณอสูรในตํานานได้อยู่ดี! ลำแสงสีขาวสาดแสงไล่ตามเข้าไปในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว และทำลายมันจนสิ้นซาก
เฮือกกก
แก่นวิญญาณอสูรที่ดุร้ายมีโอกาสร้องครวญครางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็พินาศย่อยยับเป็นผุยผงภายในพริบตา ทำให้ทุกคนที่มองไม่เห็นอสุรกายหัวกระบือตัวราชสีห์ตนนี้ ต่างก็รู้ว่ามันตายแล้วอย่างรวดเร็ว
อึก ถงโฉวเซิ่นจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องกระอักเลือดด้วยเหตุนี้ เขาหวาดกลัวจนวิ่งหนีโดยไม่รู้ตัว แต่น่าเสียดายที่เขาหนีไม่ได้อีกแล้ว ส่วนร่างของเขาก็แตกสลายเป็นผุยผงไปพร้อมกับเสียงร้องครั้งสุดท้ายของอสุรกายหัวกระบือตัวราชสีห์
และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในพริบตา! ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ยอดฝีมือ และแก่นวิญญาณอสูรชั้นสูงที่เขาอัญเชิญมา ได้ตายลงอย่างไม่หลงเหลือร่องรอย…
นี่ก็คือแก่นวิญญาณอสูรในตํานาน
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง!
มีฤทธิ์ร้ายแรงเพียงนี้!
ฉะนั้นจึงไม่มีช่องว่างให้เม่ยเอ๋อร์แสดงฝีมืออีก นางจ้องมองจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอย่างเกรี้ยวกราด ทว่าอีกฝ่ายได้หายตัวไปแล้ว เพราะเยี่ยนจื่อเสาผู้อัญเชิญนางได้ทรุดตัวล้มลงกับพื้นแล้ว
“พี่รอง!” มือเรียวงามของเยี่ยนอวี๋เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ลำแสงห่อหุ้มตัวเยี่ยนจื่อเสาไว้อีกครั้ง แต่พลังเยียวยาของหัตถ์แห่งเทพกสิกรรมอันร้ายกาจของนาง เวลานี้กลับรักษาร่างกายของเยี่ยนจื่อเสาได้ไม่ทัน
เยี่ยนจื่อเสาที่กระอักเลือดอยู่ตลอดรูม่านตาของเขาขยาย เสมือนชีวิตกำลังจะดับสิ้น แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขาตระหนักขึ้นได้อย่างชัดเจน! น้องสาวคนนี้ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
เยี่ยนจื่อเสาหมดห่วง จึงยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม “น้องเล็ก…” ดีจริงๆ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่ได้ถูกเหยียบจนแหลกสลาย
แม้ว่าขณะนี้ร่างกายของเยี่ยนจื่อเสากำลังสั่นสะท้าน ขนเส้นสีดำแทงออกมาจากรูขุมขน แผงขนสีดำเข้มอันหยาบหนาปรากฏขึ้น แท้จริงแล้ว เขาเจ็บปวดทรมานจนมิอาจปริปากได้ ทว่าใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม
“ท่านโง่หรือโง่กันแน่!” เยี่ยนอวี๋อยากจะตีคนนัก แต่หยาดน้ำที่คลออยู่ในดวงตาคู่งามคือความรู้สึกที่แท้จริงของนาง…
สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว แม้ว่านางจะเกิดใหม่ในร่างของเยี่ยนจื่ออวี๋ แต่จนถึงบัดนี้ นางก็ไม่เคยคิดว่าตนเป็นคนของตระกูลเยี่ยนเลย
ถึงอย่างไรนางก็เป็นเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นเก้า นางผ่านอะไรมามากมายนัก อารมณ์ความรู้สึกของนางไม่เหมือนกับสตรีทั่วไปที่มีหลากหลายความรู้สึก ยิ่งไม่เหมือนกับเยี่ยนจื่ออวี๋ ที่เห็นเยี่ยนจื่อเสา เยี่ยนชิง และคนอื่นๆ มีความสัมพันธ์เป็นสายเลือดเดียวกัน
สําหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว ญาติสายเลือดที่แท้จริงของนางมีเพียงเยี่ยนเสี่ยวเป่า ผู้ที่นางตั้งครรภ์กว่าสิบเดือนและให้กำเนิดด้วยตนเองเท่านั้น แต่ในสายตาของเยี่ยนจื่อเสาและเยี่ยนชิง นางยังคงเป็นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่พวกเขารักมากที่สุด เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่พวกเขาสามารถปกป้องได้ด้วยชีวิต
ความรู้สึก ‘โง่เขลา’ เช่นนี้ ทำให้เยี่ยนอวี๋ไม่ทันตั้งตัว แต่นางก็ทำใจให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว และหยิบยาที่เรืองแสงสีฟ้าออกมาจากถุงวิเศษให้เยี่ยนจื่อเสากิน
แค่ก… เยี่ยนจื่อเสาที่กระอักเลือดไม่หยุด ดวงตาเลื่อนลอยจนไม่สามารถกลืนเม็ดยาได้แล้ว
เม่ยเอ๋อร์บีบขากรรไกรของเยี่ยนจื่อเสาให้ง้างออก ช่วยเยี่ยนอวี๋ป้อนยาให้กับเยี่ยนจื่อเสาอย่างคล่องแคล่ว เยี่ยนจื่อเสาจึงกลืนยาอย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าเม่ยเอ๋อร์ไม่ยอมรับเด็ดขาดว่านางใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว! ใครใช้ให้เจ้าหมอนี่อัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมา เพียงแค่นางคนเดียวยังจัดการแก่นวิญญาณอสูรร้ายนั่นมิได้อย่างนั้นหรือ น่าชังนัก!
เอื้อก เยี่ยนจื่อเสาที่กลืนยาอย่างยากลำบาก ไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกเกรี้ยวกราดของเม่ยเอ๋อร์เลย เพราะว่าเขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่ายาที่เยี่ยนอวี๋ป้อนนั้นไม่ใช่ยาธรรมดา กอปรกับหัตถ์แห่งเทพกสิกรรมที่นางใช้พลังเยียวยาแล้ว แค่สองสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยนจื่อเสาผู้ใกล้ตายฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง!
หยางชีซานมองทั้งหมดนี้ด้วยสายตาครุ่นคิด เขาวินิจฉัยได้ว่ายาที่เยี่ยนอวี๋นำออกมานั้นคือยาจู้หยวน ซึ่งเป็นยาที่อยู่ในระดับสูงกว่ายาพยัคฆ์มากนัก
ยาจู้หยวน ไม่เพียงแต่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งบาดแผลภายในและภายนอก แต่ยังสามารถรักษาชีวิตผู้ที่ใกล้ตายได้อย่างรวดเร็ว แทบจะเรียกได้ว่าชิงเอาชีวิตกลับคืนมาจากมัจจุราชได้อย่างน่าอัศจรรย์
“จื่ออวี๋ใช่หรือไม่…” หยางชีซานหรี่ดวงตาเล็กน้อย คิดอยู่ตลอดว่าถึงคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงนี้ ทั้งบุคลิกและความสามารถล้วนแตกต่างจากเดิมราวกับฟ้ากับเหว
แต่หยางชีซานทราบดีว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ก็คือเยี่ยนจื่ออวี๋จริงๆ และไม่มีวี่แววว่าจะถูกวิญญาณชั่วร้ายหรือยอดฝีมือมาขโมยร่างไป ต่อให้เขาอาจมองผิดไป แต่ปรมาจารย์วิญญาณไม่มีทางมองผิดอย่างแน่นอน หากนางมิใช่เยี่ยนจื่ออวี๋ และถูกขโมยร่างไปจริง ปรมาจารย์วิญญาณจะไม่มีทางยอมรับนางอย่างเด็ดขาด
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อยกเว้น อย่างเช่นเจ้าเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่ในหอคอยโบราณเพียงลำพังในเวลานี้ เด็กเพียงนี้ ปรมาจารย์วิญญาณ์ก็ยอมรับแล้วกระนั้นหรือ เจ้าเด็กน้อยยังไม่ได้ถูกรับเข้าเป็นคนของสำนักเลย แม้จะเป็นหลานของเยี่ยนชิง แต่ก็มิอาจไม่เข้าสำนักชางอู๋ได้
ในขณะที่หยางชีซานกําลังครุ่นคิดอยู่นั้น เยี่ยนอวี๋ก็รักษาชีวิตของเยี่ยนจื่อเสาเอาไว้ได้แล้ว แต่เยี่ยนจื่อเสายังคงอยู่ในสภาวะแปรสภาพเป็นอสูรอยู่ เพราะเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวในโอสถแปรผันเม็ดนั้น ได้หลอมรวมเข้ากับเลือดในร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถแยกออกจากกันได้แล้ว
“…” เยี่ยนอวี๋มองเยี่ยนจื่อเสาที่กำลังเปลี่ยนแปลงรูปโฉมอย่างเงียบๆ นัยน์ตาปรากฏประกายไฟอันคมกริบแวบเข้ามา ซึ่งนั่นคือเปลวเพลิงแห่งความโกรธ!