“คุณหนูใหญ่” เม่ยเอ๋อร์สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว นางคุกเข่าอยู่ข้างเยี่ยนจื่ออวี๋ “ข้าน้อยมาช้าไป” แม้ว่าแท้จริงแล้วนางจะมาทันเวลาพอดี แต่เม่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าตนมาสาย นางควรปรากฏตัวก่อนที่เยี่ยนจื่อเสาจะได้รับบาดเจ็บ
เยี่ยนอวี๋โบกมือ “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก”
“ข้าน้อยประมาทเกินไป” เม่ยเอ๋อร์ยืนกรานที่จะรับผิดชอบ “ข้าน้อยคาดไม่ถึงว่าเฒ่าสวะนั่นจะสามารถใช้ค่ายกลที่มีระดับสูงกว่าระดับฌานที่เขาฝึกได้”
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้พูดอะไรอีก นางสั่งการให้เม่ยเอ๋อร์อุ้มเยี่ยนจื่อเสาไปส่งที่เขตหวงห้าม และมอบให้กับหยางชีซาน ซึ่งเขาก็ยอมรับการฝากอย่างเงียบๆ แม้ว่านี่จะไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาก็ตาม
หยางชีซานผู้ซึ่งล่าถอยออกไปแล้ว หน้าที่ของเขาคือการปกป้องเขตหวงห้าม แม้ว่าโลกภายนอกจะถล่มดินทลาย เกิดการแก่งแย่งแข่งขันอย่างเร่าร้อนอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่สำนักชางอู๋ยังไม่ถูกทำลายจนสิ้นซาก เขาและเหล่าผู้เฒ่าที่แฝงกายอยู่ในสำนักจะไม่มีทางลงมือเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม เดิมทีหยางชีซานจะถามเยี่ยนอวี๋ว่าวางแผนจะทําอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกมา กลับพูดขึ้นว่า “ไปเถิด” สำนักชางอู๋ย่อมมีชะตาชีวิตของสำนักชางอู๋เอง
เยี่ยนอวี๋พาเม่ยเอ๋อร์จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรมาก ท่าทีเฉยชาไม่แยแสนั้น ทําให้หยางชีซานตั้งคำถามกับตนเองอีกครั้ง แต่ไม่นาน เขาก็แปรสายตามาจับจ้องที่ร่างของเยี่ยนจื่อเสา “หากไม่ใช่เพราะนังหนูอวี๋ นางคงไม่สนใจความเป็นความตายของจื่อเสาหรอก”
หยางชีซานรู้สึกว่าตนจะกังวลเกินกว่าเหตุ แต่เขายังคงให้ความสนใจกับนายบ่าวทั้งสองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอันไพเราะของเยี่ยนอวี๋ดังขึ้น “เม่ยเอ๋อร์ อนุญาตให้เจ้าใช้ฌานตบะห้าส่วน”
“คุณหนูใหญ่!” เม่ยเอ๋อร์ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ จากนั้นก็รีบกำหนดระดับฌานตบะให้ถึงห้าส่วน และเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างขึ้นฟ้า
หยางชีซานตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง ครืน ปะทุขึ้นกลางอากาศ บางสิ่งบางอย่างคล้ายจะเป็นเยื่อบางๆ อันโปร่งแสง ได้กระจายลงจากอากาศราวกับกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
“นี่มัน…” ผู้พิทักษ์ทั้งสามที่กำลังรักษาตัวในตอนแรกต่างตกใจกลัว พวกเขามองปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ทว่าหยางชีซานจมอยู่กับความคิด ‘ค่ายกลกุญแจสวรรค์!’ มิน่า เวลานี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเพียงนี้ แต่มีผู้พิทักษ์มาตรวจสอบเพียงสามคนเท่านั้น เดิมทีเขายังคิดว่านายน้อยแห่งเมืองโยวตูทำอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับนายน้อยเมืองโยวตูเลย แต่เกี่ยวข้องกับสำนักคุนอู๋มากกว่า! เมื่อนึกถึงความสามารถที่แท้จริงของถงโฉวเซิ่นที่ระเบิดออกมาแล้ว หยางชีซานก็จมอยู่กับความคิดอันลึกซึ้งต่อไป
และเมื่อค่ายกลกุญแจสวรรค์แตกละเอียด หยางชีซานก็ได้ยินเสียงแขกผู้มาเยือนตวาดอย่างชัดเจน “เยี่ยนชิง! เจ้าบังอาจนัก!”
นี่เป็นเสียงของเฉาหมิงเฉิง สาเหตุที่เขาตวาดเยี่ยนชิง ไม่ใช่แค่เพราะได้ยืนยันแล้วว่าเยี่ยนอู้นั้นตายในคุกจริงๆ ทั้งยังไม่เหลือแม้แต่ศพ ทิ้งไว้เพียงกองเลือดเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะว่าเขาเพิ่งได้รับรายงานจากคนที่เขาส่งออกไปสืบเรื่อง
สืบได้ว่า คนของสำนักชางอู๋ได้ทำลายแหล่งซ่องสุมที่ซ่อนของมนุษย์วานรหวาไหว ก่อนหน้าพวกเขาเพียงก้าวเดียว สถานที่ตรงนั้นไม่หลงเหลือหลักฐานอันใดไว้เลย สืบทราบได้เพียงเลาๆ ว่าเป็นฝีมือของคนในสำนักชางอู๋เท่านั้น
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…” เยี่ยนชิงไม่ฟังคําตําหนิของเฉาหมิงเฉิงเลย เพราะเขาสัมผัสถึงลมปราณของบุตรสาวสุดที่รักได้แล้ว! เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
นั่นทําให้เฉาหมิงเฉิงสังเกตเห็นว่าเขาไม่สนใจ เฉาหมิงเฉิงโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ “เยี่ยนชิง!”
“ใต้เท้าเฉา มิต้องพูดพร่ำทำเพลงกับเขาเลยเจ้าค่ะ โจรจอมวางแผนเช่นนี้ สมควรถูกประหาร!” เยี่ยนชิงถังกล่าวด้วยเจตนายุยง
“ถูกต้อง” ผู้อาวุโสเก้าเห็นด้วยทันที
เห็นได้ชัดว่าเฉาหมิงเฉิงหมดความอดทน เขาออกคำสั่ง “ทหาร! นำตัวเยี่ยนชิง…”
เฉาหมิงเฉิงยังไม่ทันพูดจบ เยี่ยนอวี๋ก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงแล้ว สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่นางอย่างง่ายดาย
แม้ว่าเสียงการเคลื่อนไหวของเยี่ยนอวี๋ที่เดินเข้ามาในห้องโถงจะไม่ดังนัก แต่ทันทีที่นางเดินเข้าไป ไอเย็นจางๆ ก็ลอยกรุ่นอยู่ในอากาศผสมปนเปไปหมด ราวกับมีหิมะโปรยปราย เย็นสะท้านผิวกายของทุกคนที่อยู่ในนั้น อันกระตุ้นให้จิตใต้สำนึกรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และหันไปมอง ‘แหล่งกำเนิดความเย็น’ ทันที
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ รีบกลับไป!” แม้ว่าเยี่ยนชิงจะตื่นจากภวังค์ได้ก่อนทุกคน แต่เขากลับเร่งให้เยี่ยนอวี๋ออกไปทันที เนื่องจากเขาที่มีความรู้สึกอันเฉียบไวได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าหมากกระดานนี้ไม่ใช่แผนการที่ผู้อาวุโสเก้าและเยี่ยนอู้ที่ตายไปจะสามารถวางแผนได้เพียง ‘ลำพัง’
แต่ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไร เยี่ยนชิงในฐานะเจ้าสำนักชางอู๋จะไม่มีทางถอยหลังกลับ แต่เขาจะมิยอมให้บุตรสาวสุดที่รักต้องมาแปดเปื้อนได้ ดังนั้น หลังจากที่เขามองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาก็รู้สึกดีใจที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่ในเขตหวงข้าม ไม่มีใครสามารถแตะต้องนางได้
แต่ทว่า…
เยี่ยนอวี๋กลับมาที่นี่จนได้
ด้วยเหตุนี้เยี่ยนชิงจึงไม่สามารถรักษาความสุขุมได้เลย! เขาเดินไปหาเยี่ยนอวี๋อย่างรวดเร็วและพูดว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ รีบกลับไป เม่ยเอ๋อร์! พาคุณหนูใหญ่ออกไปเร็วเข้า”
“ดูสิว่าใครจะออกไปได้!” เยี่ยนชิงถังกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา มองไปที่เยี่ยนอวี๋ “ในเมื่อเยี่ยนจื่อเสามีสายเลือดของมนุษย์วานรหวาไหว เยี่ยนจื่ออวี๋และมารหัวขนที่นางให้กำเนิดมาก็คงสกปรกไม่ต่างกัน ต้องประหารให้หมด!”
“ถูกต้อง” ผู้ตรวจการคนหนึ่งเห็นด้วยในทันที “ใต้เท้าเฉา เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก เพื่อเป็นการป้องกัน ท่านสามารถประหารก่อนค่อยตัดสินทีหลังได้”
เฉาหมิงเฉิงพยักหน้า ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ยอดฝีมือของราชสํานักที่ตามมาด้วย แม้ว่าเขาจะชื่นชมความงามของเยี่ยนอวี๋เพียงใด แต่เวลานี้เขาก็มิอาจสับสนได้
ในเวลานี้ กู้หยวนเหิงกลับเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าเฉา คนตระกูลเยี่ยนคนอื่นข้าน้อยมิอาจกล่าวสิ่งใดได้ แต่สำหรับเยี่ยนจื่ออวี๋แล้ว ข้าน้อยเชื่อว่านางไม่ได้รับเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวแน่นอน ทั้งนางยังมีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยา ส่วนตัวก็เป็นคนของสำนักหมอหลวง โปรดไตร่ตรองให้ดีก่อนขอรับ”
บัดนี้ กู้หยวนเหิงคิดว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเขาที่จะพูด ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถพิสูจน์ความจริงใจของเขากับเยี่ยนจื่ออวี๋ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เยี่ยนจื่ออวี๋เห็นว่าเขาดีกับนางมากเพียงใดด้วย! แม้ว่าเขาต้องสู้กับโลกทั้งใบหรือทั้งราชสํานัก เขาก็ไม่มีทางหดหัวกลับเข้ากระดองอย่างแน่นอน!
ในทางกลับกันซวงเสวียนจวิน เขาไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ! ดังนั้นผู้ที่สามารถฝากฝังชีวิตไว้ให้ดูแลได้นั้น กู้หยวนเหิงเชื่อว่าเยี่ยนชิงและเยี่ยนจื่ออวี๋ต่างก็เข้าใจดี
หากแต่…
เยี่ยนอวี๋กลับออกคำสั่งอย่างไม่แยแสว่า “เม่ยเอ๋อร์ ฆ่าซะ”