เยี่ยนชิง “?”
เขารู้สึกราวกับว่าเขาไม่ค่อยรู้จักลูกสาวของตนเลย!
นัยน์ตาของเยี่ยนหงชวนค่อยๆ ฉายแววซับซ้อน “ดูเหมือนว่าจะมีทางรอดมากขึ้นนะ”
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูเจิ้งแห่งสำนักหมอหลวงคนปัจจุบันไม่เพียงเก่งด้านทักษะทางการแพทย์ มีวิชาปรุงยาเหนือชั้น และมีอำนาจการเจรจาในราชสํานักมากเท่านั้น ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิเป็นอย่างมากด้วย! เมื่อเขาออกโรง ต่อให้สำนักคุนอู๋ไม่ยอมรามือก็เกรงว่าจะไม่สามารถกระทำการได้สมปราถนา
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนหงชวนยังต้องเอ่ยเตือนว่า “ต้าฮวงอันตรายมากนะ”
“ไม่กลัวเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจ
เยี่ยนหงชวนจึงต้องบอกเยี่ยนชิงให้ส่งกําลังคนเพิ่มให้กับแม่นางน้อย ตอนนี้นางได้กลายเป็นคนรับช่วงต่อที่สำคัญของสำนักแล้ว จะยอมให้เกิดเรื่องขึ้นมิได้เด็ดขาด
แน่นอนว่าเยี่ยนชิงจะวางแผนอย่างดีที่สุด แต่หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องโถง เขาก็มองไปที่บุตรสาวสุดที่รักด้วยท่าทางที่ ‘เศร้าสลด’ “ลูก เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกพ่อล่ะ พ่อไม่ใช่คนที่ลูกไว้ใจที่สุดแล้วหรือ”
เยี่ยนจื่ออวี๋ “…”
นางจึงต้องอธิบายให้บิดาผู้เอ็นดูลูกสาวดุจองค์หญิงฟังอย่างช้าๆ จะทำอย่างไรได้ล่ะ นางไม่อยากทำให้เขาร้องไห้อีกหรอกนะ แต่ในเวลานี้ เยี่ยนอวี๋ไม่ทราบว่าเจ้าเด็กน้อยผู้น่ารักที่ไม่เคยร้องไห้ อีกไม่นานจะโดนคนทำให้ร้องไห้!
…
ณ เวลานั้น
ทันทีที่เขาก้าวออกจากประตูสำนักชางอู๋ อินหลิวเฟิงก็สั่งให้องครักษ์กลับไปเสียก่อน ส่วนตัวเขาเองแอบกลับไปที่สำนักชางอู๋ และเป้าหมายของเขายังคงชัดเจน นั่นคือ ‘เขตหวงห้ามของสำนักชางอู๋’
มีลางสังหรณ์ว่านายน้อยจะก่อเรื่องอย่างไรอย่างนั้น องครักษ์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่องครักษ์ ไม่สามารถตัดสินใจแทนเจ้านายได้ ดังนั้นเขาจึงออกจากสำนักชางอู๋แต่โดยดี จะได้ช่วยเก็บความลับแทนเจ้านายด้วย
และเมื่ออินหลิวเฟิงสัมผัสกับเขตหวงห้าม เขาเพิ่งสังเกตเห็นเป็นครั้งแรก! เขตหวงห้ามของสำนักชางอู๋นี้ นอกจากจะมีหอคอยโบราณเป็นค่ายกลป้องกันแล้ว ยังมีค่ายควบคุมประหลาดที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่อีกด้วย
นี่มัน… อินหลิวเฟิงคิดอย่างดีใจ “เกรงว่าต้าซือมิ่งจะเป็นผู้สร้าง เขาอยู่ในสำนักชางอู๋จริงๆ ในที่สุดก็ตามหาจนเจอเสียที!”
แม้ว่าจะคาดไว้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อการคาดเดาได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง อินหลิวเฟิงจึงค่อนข้างดีใจเป็นพิเศษ
แท้จริงแล้ว…
ต้าซือมิ่งแห่งราชสํานักผู้นั้น เขาอยู่ที่นี่แน่นอน
และเขายังสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกว่ามีคนบังอาจมา ‘แตะต้อง’ ค่ายควบคุมที่เขาสร้างไว้ คิ้วเรียวเข้มของเขาขมวดมุ่น ลืมตาเผยให้เห็นม่านตาอันมีสีม่วงราวกับกระเบื้องเคลือบ
เดิมทีใบอู๋ถงที่กำลังมอดไหม้ไร้สำเนียง สลายเป็นผุยผงอยู่เกรียวกราว ละเอียดดั่งลำแสงสีม่วงปลิวเป็นเส้น ราวกับหมู่ดาว กระจายรายล้อมกายของต้าซือมิ่งอย่างหนาแน่น เสมือนมีเวทย์มนต์เสกให้เขายิ่งดูงามล้ำค่า
และความว่างเปล่าในอากาศที่สายตาของเขา ‘จดจ้อง’ เป็นเหมือนเศษชิ้นส่วนของกระเบื้องเคลือบสีม่วงมาหลอมรวมกัน ทำให้โลกหยุดนิ่งในทันที
ต่อมา…
เมื่อเขาสะบัดแขนเสื้อ หยัดกายยืนขึ้น ฟ้าดิน ‘พลัน’ สว่างไสว ราวกับว่าถูกปกคลุมด้วยรัศมีของเทพแห่งแสงสว่าง ทั้งรู้สึกถึงเกลียวคลื่นอันสั่นไหว ดุจภาพวาดเหมือนดั่งความฝัน
แทบจะเป็นตอนที่เขายืนขึ้น คนที่นอนหลับสนิทอยู่ในหอคอยโบราณ ที่ยังคลานไม่เป็น… เยี่ยนเสี่ยวเป่า! พรึบ เขาลืมตาตื่นขึ้นในบัดดล
“อ้ะ?” ดวงตากลมโตของเจ้าตัวน้อยแสดงถึงความสับสน ทว่าหูเล็กๆ เหมือนหยกสลักตั้งชูขึ้นราวกับหูกระต่าย เขา ‘ฟัง’ เสียงการเคลื่อนไหวรอบๆ อย่างฉลาดเฉลียว
จากนั้น…
ในจุดที่เยี่ยนอวี๋พาเยี่ยนเสี่ยวเป่าเดินเข้ามา! ‘ป่าไม้’ ที่อยู่ตรงกลาง มีแสงสีม่วงเรืองรอง ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักผู้สวมชุดคลุมสีดำเข้มเรือนผมดำสนิท เขาเดินออกมาแล้ว!
และทันทีที่เขาก้าวออกมา เขาก็รู้สึกได้ว่าสถานที่ที่ควรมีชายชราเพียงไม่กี่คนเท่านั้น บัดนี้กลับมีลมปราณที่อ่อนแอปรากฏออกมา
ในขณะเดียวกัน…
“เนะ!”
ความสับสนในดวงตาของเจ้าตัวน้อยได้หายไปแล้ว และฉวยโอกาสขณะที่ไม่มีคนอยู่ กลิ้งลงจากเตียง เสียงดัง ขลุกขลัก! เจ้าตัวน้อยพยายามออกจากประตู
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อธรณีประตูสูงเกินไป เขากลิ้งอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถออกไปได้ เหงื่อซึมออกมาด้วยความร้อนใจ! ใช้ทั้งมือและเท้า ‘ปีนป่าย’ ธรณีประตู จากนั้น ตุบ เขาหลุดออกมาจากธรณีประตูแล้ว
กระบวนการทั้งหมด เยี่ยนเสี่ยวเป่าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น! จึงกล่าวได้ว่าเพื่อพบกับ ‘ท่านพ่อ’ แล้ว เจ้าตัวน้อยก็ได้ระเบิดศักยภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นการพยายามอย่างสุดชีวิต
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กลิ้งออกจากธรณีประตูจนได้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย!
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้น เขาพยายามที่จะกลิ้งต่อไป! กลิ้ง เอ้า กลิ้ง…
เจ้าตัวน้อยรับรู้ได้อย่างชัดเจน! สิ่งนั้นทําให้เขารู้สึกคุ้นเคย ประหนึ่งกลิ่นอายของท่านแม่คนงาม ‘อยู่ข้างหน้า!’ เขาจะต้องไป! ต้องไป! อ้ะเนะเนะ…
โชคดีที่แม้ว่าเส้นทางออกจากหอคอยโบราณจะ ‘ขรุขระ’ แต่ก็อยู่ไม่ไกลนัก และกลิ่นอายคล้ายคลึงกับ ‘ท่านแม่คนงาม’ ที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าสัมผัสได้ก็กําลังเดินมายังหอคอยโบราณ
ทว่าการปรากฏตัวของเขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใคร ยกเว้นเยี่ยนเสี่ยวเป่า ส่วนหยางชีซานที่ควรจะเฝ้าระวังเยี่ยนเสี่ยวเป่า หรือผู้เฒ่าคนอื่นๆ ที่แฝงตัวอยู่ ต่างก็ถูกดึงดูดความสนใจจากกลอุบายของอินหลิวเฟิง!
เมื่ออินหลิวเฟิงต้องการเข้าไปในเขตหวงห้าม เขาย่อมมีวิธีการบางอย่าง มิเช่นนั้น ทันทีที่เขาเข้ามาก็จะถูกเหล่าผู้เฒ่าของสำนักชางอู๋ภายในเขตหวงห้ามจับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึง ‘กลิ้ง’ อย่างราบรื่น!
จากนั้น…
ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักที่กําลังเดินเข้ามา เขาจึงเห็นว่ามีสิ่งของกลมๆ บางอย่างคล้ายกับหนอนตัวน้อย ค่อยๆ กระดึ๊บเข้ามาใกล้เขา?
อืม…
ไม่รอให้ต้าซือมิ่งผู้สง่างามท่านนี้ได้พิจารณาว่าเจ้าก้อนนี้คือสิ่งใด
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้กลิ้งถึงเท้าของชายหนุ่มรูปงามแล้ว! และได้กอดเท้าอันสะอาดไร้ฝุ่นผงของต้าซือมิ่งแล้ว
ต้าซือมิ่งขมวดคิ้ว ยกเท้าขึ้นเตรียมจะสะบัดใส่เจ้าก้อนสกปรกนี้
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เป็นก้อนมอมแมมพลันเงยหน้าอย่างตื่นเต้น นัยน์ตาดำขลับดุจองุ่นดำคู่หนึ่งมีหยาดน้ำตารื้น สายตาฉายแววโหยหาและคุ้นเคย ท่านพ่อ!
“…” ต้าซือมิ่งชักเท้ากลับ และจ้องมอง ‘เจ้าก้อน’ สกปรกนี้