เด็กน้อยบางคนส่งเสียงร้องราวกับรู้สึกได้และยังมุดหัวออกจากอ้อมกอดของท่านแม่คนงามแล้วมองไปทางสำนักชางอู๋
“เสี่ยวเป่า?” เยี่ยนอวี๋ก้มหัวอย่างประหลาดใจมองลูกน้อยที่กำลังหลับไหลและตื่นขึ้นกะทันหัน นึกว่าลูกน้อยสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายเสียอีก
ทว่าเห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยบางคนมิได้ตื่นขึ้นเพราะฝันร้าย เพราะเขาในตอนนี้กำลังกะพริบตาคู่โตดำวาวดุจหินอัคนีอยู่ ช่างสว่างไสวเหลือเกิน
มองจนเยี่ยนอวี๋สับสนเล็กน้อย “เสี่ยวเป่าไม่อยากออกจากสำนักอย่างนั้นหรือ”
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ยินดังนั้นกลับมีท่าทางราวกับกำลังครุ่นคิดอยู่ ทว่ามืออันอ้วนอวบของเขายังคงกอดท่านแม่คนงามของเขาเอาไว้แน่น สุดท้ายก็นอนอย่าง ‘มีข้อแลกเปลี่ยน’ อยู่ในอ้อมกอดของท่านแม่คนงาม
เยี่ยนอวี๋จึงลูบศีรษะของลูกน้อยราวกับเข้าใจแล้ว จากนั้นก็หอมลูกน้อยและพูดปลอบว่า “ประเดี๋ยวเราค่อยกลับมากันแล้วนะ”
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขานตอบ จากนั้นก็หันกลับไปมองสำนักชางอู๋อย่างอดมิได้ ทั้งยังแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ออกมาอีกด้วย
ฉากนี้ทำให้อินหลิวเฟิงที่อารมณ์ไม่ดีอยู่อดมิได้ที่จะพูดขึ้น “เจ้าเด็กนี่ชอบสำนักชางอู๋เพียงนี้เชียว?”
ทว่าพอเขาพูดขึ้น เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็จ้องเขาเขม็งด้วยความกริ้วโกรธ จากนั้นก็หันกลับไปทิ้งไว้เพียงศีรษะโล้นด้านหลังให้กับอีกฝ่ายเป็นการบ่งบอกว่า ‘ข้ายังโกรธอยู่นะ!’
“เอ่อ…” อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขาไปทำอะไรให้พ่อทูนหัวคนนี้ไม่พอใจกัน ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก เพราะคุณชายน้อยคนนี้เป็นทูนหัวของเขาจริงๆ น่ะสิ! ความเป็นความตายของเขาในภายภาคหน้าตกอยู่ในมือของคุณชายน้อยคนนี้แล้ว…
ทว่าองครักษ์จากเมืองโยวตูบางคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอดมิได้ที่จะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนายน้อยของตน “จะว่าไปแล้ว เจ้าเด็กน้อยเหตุใดเจ้าถึงไม่พอใจนายน้อยของพวกเราเพียงนี้กัน”
“อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าแสดงท่าทีอธิบายต่อองครักษ์คนนี้อย่างจริงจัง เพราะว่าเขาทำให้ท่านพ่อของข้าตกใจจนหายตัวไป! ท่านพ่อรูปงามที่ข้าตามหามายากเย็นกว่าจะพบได้!
แน่นอนว่าองครักษ์บางคนไม่เข้าใจอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ขัดขวางให้เขาได้อธิบายต่อ “ท่านเบิกตากว้างมองนายน้อยของพวกเราดู นายน้อยของพวกเราเป็นผู้มากพรสวรรค์เชียวนะ ดีกว่าท่านพ่อที่ไม่ได้เรื่องของเจ้าเป็นล้านเท่า เหตุใดเจ้าถึงไม่ชอบกัน”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ชอบใจ ท่านพ่อของข้างดงามเพียงนั้น! แสนดีเพียงนั้น! ผู้ใดที่บอกว่าท่านพ่อเป็นคนไม่ดีล้วนเป็นคนชั่ว คนผู้นั้นจึงเป็นคนชั่ว
เมื่อคิดเช่นนี้ เจ้าก้อนน้อยก็โก่งหลังและกอดคอของท่านแม่คนงามไว้ จากนั้นก็มุดศีรษะไว้ในซอกคอของมารดา ทิ้งไว้เพียงศีรษะโล้นด้านหลังหรือใบหน้าด้านข้างอันตุ้ยนุ้ยของเขาให้กับผู้คนที่กำลังมองเขาอยู่
เมื่อเห็นเช่นนี้เยี่ยนอวี๋ก็หัวเราะและยกมือขึ้นกอดเจ้าตัวน้อยไว้อย่างให้ความร่วมมือแล้วหอมศีรษะโล้นของเขา “เสี่ยวเป่าไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องเชื่อฟังเสี่ยวเป่าอยู่ดี”
“…อะแฮ่ม” อินหลิวเฟิงที่อะแอมเบาๆ อยากพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกทำให้ ‘อับอาย’ นัก แต่เขาก็ไม่ได้พูดกับใครอื่นใด หวังว่าทุกคนจะไว้หน้าเขาบ้าง! เขาเป็นถึงคุณชายแห่งเมืองโยวตูเชียวนะ ศักดิ์ศรีและหน้าตาสำคัญจริงๆ นะ
โชคดีที่องครักษ์บางคนได้สงบสติอารมณ์ของตนไว้ได้สำเร็จและหันไปแสดงท่าทีบอกว่า ‘ข้าน้อยเข้าใจแล้ว’ และยกนิ้วโป้งให้กับนายน้อยของตน
เพราะว่าองครักษ์คนนี้รู้สึกว่าคำพูดของเยี่ยนอวี๋นั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่านายน้อยของตนจีบหญิงได้สำเร็จแล้ว! เพราะที่เขาพบเจอมานอกจากฮูหยินจะสามารถควบคุมนายน้อยได้แล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมได้อีกเลย
ดังนั้น ในเมื่อนายน้อยจะเชื่อฟังคำสั่งของเด็กน้อยบางคนก็บ่งบอกแล้วว่านายน้อยยอมเชื่อฟังคำสั่งของ ‘ฮูหยิน’ ด้วยและกล่าวได้ว่า ‘ฮูหยิน’ เองก็ยอมรับในตัวตนของนายน้อยแล้วด้วยเช่นกัน!
“…” อินหลิวเฟิงที่เดาได้ว่าลูกน้องหัวทึบคิดอะไรอยู่จึงหันหน้าออกไปเงียบๆ และครุ่นคิดในใจ ความเข้าใจผิดๆ เช่นนี้ก็ถือว่ามีศักดิ์ศรีอยู่ ข้าไม่อธิบายต่อแล้วกัน
หลังจากนั้นผู้คนทั้งกลุ่มต่างก็เข้าใจกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างแปลกประหลาดและเดินหน้าไปทางทิศตะวันตกของเขตชางอู๋โดยเร็ว ระหว่างทางเว้นเสียแต่ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับเจ้าก้อนน้อยแล้ว ทุกคนล้วนเดินทางต่อไปอย่างรีบเร่ง
ในขณะเดียวกัน ทางกู้หยวนหมิงก็ได้รับข่าวสำคัญอีกข่าวหนึ่ง!
“หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่าหลิงหยางจวินยังไม่ทราบว่าต้าฮวงจะมีสมบัติล้ำค่าปรากฏออกมาสินะ” กู้หยวนหมิงตื่นเต้นเล็กน้อย เนื่องด้วยการขยับเขยื้อนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขามากเกินไป ทำให้ใบหน้าเปล่งประกายสีชมพูราวกับสีลูกท้อ ช่างงดงามยิ่งนัก
“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ! มิเช่นนั้นหลิงหยางจวินควรกลับไปถึงต้าฮวงตั้งนานแล้ว ทว่าจวบจนบัดนี้นอกจากคนของสำนักชางอู๋ที่ไปก่อนหน้าแล้ว หลิงหยางจวินก็มิได้กลับไปยังต้าฮวงอีกเลย คาดว่าเขายังคงคิดว่ามีเพียงแก่นวิญญาณมังกรทอแสงเท่านั้นที่ถูกผนึกไว้ที่นี่เจ้าค่ะ” ลูกศิษย์หญิงแห่งสำนักเหยาไถเซียนที่กำลังรายงานอยู่ก็ตื่นเต้นเช่นกัน เพราะข่าวนี้เป็นการบ่งบอกว่าคู่แข่งลดไปอีกหนึ่งราย!
ทันใดนั้นเอง กู้หยวนหมิงตื่นตัวราวกับถูกน้ำเย็นสาดเข้าอย่างไรอย่างนั้น “ดูท่าแล้วหลิงหยางจวินคงจะได้รับการยอมรับจากแก่นวิญญาณซีหวังหมู่และได้สัมผัสถึงเขตในตำนานแล้วจริงๆ”
“ชุนซิ่นจวิน…” ลูกศิษย์หญิงคุกเข่าลงอย่างรู้ตัวว่าทำงานพลาดไป
สี่สุภาพบุรุษแห่งต้าซย่ามีต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักที่เก่งกาจที่สุด ส่วนอีกสามคนที่เหลือต่างก็มีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกันเสมอมาและทุกคนล้วนเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่มีความสามารถโดดเด่นทั้งนั้น และผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับห้านี้ก็เป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่เก่งกาจมากที่สุด เพราะผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในขั้นนี้มีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าจึงสามารถลองสื่อสารกับแก่นวิญญาณอสูรในตำนานได้
หากได้รับการยอมรับจากแก่นวิญญาณอสูรในตำนาน เช่นนั้นการฝึกฝนในขั้นต่อไปก็จะสามารถมุ่งเน้นไปที่การสื่อสารกับแก่นวิญญาณอสูรในตำนานอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถอัญเชิญแก่นวิญญาณของอีกฝ่ายออกมาได้ กลายเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานได้ในคราวเดียว!
หรือก็คือ…
เมื่อใดที่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้รับความโปรดปราณจากแก่นวิญญาณอสูรในตำนานก็จะสามารถข้ามเขตทั้งสี่ได้! และจะกลายเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานได้ในที่สุด ไม่เหมือนกับผู้ฝึกฝนวิญญาณ นักปรุงยา นักสร้างค่ายกลที่ต้องฝึกฝนและพยายามไปที่ละเขตๆ
นี่จึงเป็นข้อพิเศษที่สุดสำหรับผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ด้วย! ตราบใดที่มีพรสวรรค์เพียงพอ พวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อระดับการฝึกฝน กฎระเบียบต่างๆ และอยู่เหนือกว่าผู้ฝึกฝนอื่นๆ ทุกคนได้อย่างสมบูรณ์
เพราะเช่นนั้น…
“ออกไปก่อนเถิด” แม้กู้หยวนหมิงจะไม่ถือโทษคนของเขาก็ตาม แต่ในใจของเขายังคงอารมณ์ไม่ดีนัก เขาทราบดีว่าฝีมือของหยางเซ่าเหิงผู้เป็นหลิงหยางจวินล้วนอยู่เหนือกว่าเขา
แต่โชคดีที่เขาอาจจะมีโอกาสเหนือขั้นกว่าเขาได้
แต่หยางเซ่าเหิงที่ถูกกู้หยวนหมิง ‘นึกถึง’ อยู่นั้น เขาไม่รู้จริงๆ ว่าสถานการณ์ในต้าฮวงจะแปรเปลี่ยน เขารู้เพียงว่าสถานการณ์ของสำนักชางอู๋แปรเปลี่ยนไปเท่านั้น!
ผู้อาวุโสเก้าที่แขนหักและไร้พลังขั้นพื้นฐานกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ บัดนี้กำลังคุกเข่าต่อหน้าหยางเซ่าเหิง “หลิงหยางจวินได้โปรดช่วยตาเฒ่าคนนี้ด้วย ช่วยแก้แค้นให้กับข้าที ฆ่านางสารเลวเยี่ยนจืออวี๋คนนั้นเสีย! รวมทั้งสาวใช้ข้างกายของนางคนนั้นด้วย!”