อินหลิวเฟิงกังวล “อย่าหยุด!”
เขาไม่สามารถสู้กับหยางเซ่าเหิงในขณะที่คุณหนูใหญ่เยี่ยนยังอยู่ที่นี่หรอกนะ
ทว่าเมื่อ ‘เจ้านาย’ ได้ออกคำสั่งที่ต่างออกไป องครักษ์เมืองโยวตูบางคนก็เลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งของฮูหยินน้อยต่อไป เพราะเขารู้สึกว่าในอนาคตหากนายน้อยของเขาได้แต่งงานกับฮูหยินน้อยไปแล้ว ต้องเป็นคนที่ไม่มีจุดยืนอย่างแน่นอน เขาต้องเลือกข้างไว้เสียก่อน
อินหลิวเฟิง “…”
เขาสงสัยว่าองครักษ์ของเขาต้องเป็นพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคาแน่นอน มีหลักฐานด้วย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาจัดการองครักษ์ ดังนั้นอินหลิวเฟิงจึงทำได้เพียงเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้แล้วเตือนเยี่ยนอวี๋โดยเร็ว “กูไหน่ไน[1]น้อย บัดนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดศึกกับสำนักคุนอู๋ เจ้าอดทนไว้เสียหน่อยได้หรือไม่”
เยี่ยนอวี๋มองอินหลิวเฟิงไปแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้เดินลงจากรถม้า ทว่าเม่ยเอ๋อร์ได้เปิดม่านให้กับนางไปก่อนแล้ว
มือของเยี่ยนอวี๋วางบนขอบหน้าต่าง นิ้วมือเรียวงามทำเป็นรูปร่างดอกบัวแล้วดีดออกไปทางนอกหน้าต่างเบาๆ ตามด้วยเสียงร้อง ‘อ้ะ’ ของเจ้าเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็น
“อ้ะเนะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยายามดิ้นอยากจะออกจากผ้าห่อตัว เพื่อไปจับมือของท่านแม่คนงามของเขา เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งออกจากนิ้วมือของท่านแม่! แต่เขามองไม่เห็นอะไรเลยนี่?
เยี่ยนอวี๋ชักมือกลับแล้วตบตัวเจ้าเด็กน้อยเบาๆ แต่กลับถูกนิ้วมืออันอ้วนอวบที่ยื่นออกมาจับนิ้วมือเรียวงามของนางไว้
“อ้ะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกตาโตมองนิ้วมือของท่านแม่ แต่ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เขาจึงพยายามจะลุกขึ้นจะไปเลียนิ้วมือของท่านแม่ เพื่อจะดูว่ามีอะไรอยู่กันแน่!
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับดึงมือกลับไปเช็ดไม่พอ ยังใช้มือหยิกแก้มอ้วนๆ ของเขาอีก กล่าวว่า “กินไม่ได้นะลูก จะปวดๆ ท้องได้นะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงหดมือกลับแล้วมองท่านแม่คนงามของเขาต่อไป
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ในบัดนี้ นางได้ปิดม่านรถม้าลงแล้วสั่งเสียองครักษ์เมืองโยวตูบางคนว่า “ไปได้”
“ได้เลย!” องครักษ์บางคนเดินทางต่อไปอย่างดีอกดีใจ
อินหลิวเฟิง “…”
เขามั่นใจและฟันธงได้เลยว่าองครักษ์ของเขาเป็นพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคาจริงๆ! แม้แต่คำสั่งของสาวใช้ องครักษ์โง่เขลานี้ยังเชื่อฟัง แต่กลับไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเพียงผู้เดียว! แล้วจะมีเขาไว้ทำอะไร
…
“ศิษย์พี่เซ่าจง พวกเขาไปแล้ว” ลูกศิษย์สำนักคุนอู๋ที่รู้สึกแปลกประหลาดรายงานหยางเซ่าเหิง พวกเขาต่างให้ความสนใจกับรถม้าที่จอดลงกะทันหันของอินหลิวเฟิง แต่บัดนี้กลับเดินทางต่อไปอีกแล้วอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกที่สุดคือ “ในรถม้าคันนั้นไม่เพียงแต่มีเสียงของสตรีเท่านั้น แต่ยังมีเสียงของเด็กทารกอีกด้วย หรือว่าซวงเสวียนจวินคนนั้นจะมีลูกนอกสมรส”
“ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ คติประจำตัวของซวงเสวียนจวินคือ ‘ตายอยู่ภายใต้ดอกโบตั๋น เป็นผีก็คุ้มค่า[2]’ ช่างเข้ากับพฤติกรรมของเขาจริงๆ” ลูกศิษย์สำนักคุนอู๋แซว
แน่นอนว่าหยางเซ่าเหิงได้ยินเสียงของสตรีด้วยเช่นกัน รวมถึงเสียงของเด็กด้วย แม้กระทั่งน้ำเสียงทุ้มต่ำอันหวาดกลัวและอ่อนแอของอินหลิวเฟิงเขาก็ได้ยิน เพียงแค่ไม่ชัดเจนเท่านั้น
ทว่าความคิดของเขาเหมือนกับคนอื่นๆ เขาไม่สนใจใดๆ เพียงแค่ ‘อืม’ ไปคำเดียวทุกคนก็เข้าใจ
“เกรงว่าซวงเสวียนจวินเองก็ไปเพราะแก่นวิญญาณมังกรทอแสงเช่นเดียวกัน แต่ในเวลานี้ก็ยังไม่ลืมที่จะพาหญิงสาวและลูกนอกสมรสไปด้วย ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน”
ฮ่าๆๆ… เหล่าลูกศิษย์สำนักคุนอู๋ขบขันตลอดทางและไม่ได้จงใจปกปิด
พวกอินหลิวเฟิงได้ยินอย่างชัดเจน แต่กลับมีปฏิกิริยาที่ต่างกัน องครักษ์บางคนดีใจ! อินหลิวเฟิงเขินอาย เยี่ยนอวี๋และเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยด้วยซ้ำ ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้นสุด “อ้ะ!”
“อ้ะเนะเนะ!” เจ้าเด็กน้อยที่ไม่ชอบใจพยายามเข้าใกล้หน้าต่าง อยากจะตะโกนใส่ผู้คนที่พูดไร้สาระพวกนั้นเพื่อประท้วง! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าลูกนอกสมรสหมายความว่าอะไรนะ! ฮึ่ม…
“เสี่ยวเป่าอยากดูบรรยากาศด้านนอกหรือจ๊ะ” เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดอะไร แน่นอนว่านางจะคิดว่าเจ้าเด็กน้อยก็ไม่สนใจด้วยเช่นกัน ทั้งยังนึกว่าเจ้าเด็กน้อยอึดอัด จึงต้องการเล่นสนุกอีกด้วย
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาและพยักหน้า! จะเปิดม่านให้จงได้ เขาต้องเจรจากับคนชั่วเหล่านั้น
เยี่ยนอวี๋ขำเบาๆ กำลังจะเปิดหน้าต่าง
“หึ…” น้ำเสียงอันนุ่มลึกดังขึ้นจากเยี่ยนจื่อเสาที่เงียบมาตลอดทาง แน่นอนว่าต้องดึงดูดความสนใจของเยี่ยนอวี๋อย่างแน่นอน
“ตื่นแล้วหรือ” อินหลิวเฟิงรีบเข้าใกล้ในทันที เห็นเปลือกตาที่ดูขยับแต่ก็ไม่ขยับของเยี่ยนจื่อเสา
เยี่ยนจื่อเสาดิ้นรนอยู่ในความลำบากนี้อยู่นานกว่าจะลืมตาขึ้นได้ และสบตาเข้ากับดวงตากลมโตดำวาวคู่นั้น
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เข้ามาใกล้ส่งเสียงร้องดีใจ จากนั้นก็หันหน้ากลับไปมองท่านแม่ของเขา
เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะโล้นของเจ้าเด็กน้อย แล้วมองพี่รองที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอยู่เงียบๆ จากนั้นจึงค่อยๆ กล่าวขึ้นว่า “พี่รอง ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง”
เยี่ยนจื่อเสาที่จำทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่จะสลบไป ค่อยๆ ยกมือขึ้นและเห็นนิ้วมืออสูรเต็มไปด้วยหนาม
เขา…
ไม่รอให้เยี่ยนจื่อเสาได้สติดี เจ้าเด็กน้อยก็ยื่นมืออันนุ่มนิ่มออกไปจับหนามบนมือของลุงรอง และส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น “อ้ะเนะ!”
“…เสี่ยวเป่า” เยี่ยนจื่อเสาเก็บมืออย่างรู้ตัว
แต่เยี่ยนอวี๋กลับจับมือพี่รองของนางไว้ตามมืออันนุ่มนิ่มของเสี่ยวเป่า “พี่รอง”
เยี่ยนจื่อเส่ามึนงง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ข้า…”
“ท่านเป็นพี่รองของข้า เป็นลุงรองของเสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋รู้ว่าเยี่ยนจื่อเสาต้องการจะพูดอะไร แต่นางไม่ปล่อยให้เขาได้พูดออกมา จึงได้พูดอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นนั้นออกมา
แต่เยี่ยนจื่อเสาเข้าใจในความหมายอันลึกซึ้งของคำพูดนั้น เขารู้ว่าสิ่งที่น้องสาวต้องการจะสื่อคือไม่ว่าเขาจะกลายเป็นอะไร เขาก็ยังคงเป็นพี่รองของนางและเป็นลุงรองของเสี่ยวเป่าเสมอ
“อ้ะ!” เจ้าเด็กน้อยพยักหน้าเหมือนเข้าใจ!
อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กน้อยเพิ่งจะพยักหน้าเสร็จ สายตาของเยี่ยนอวี๋ก็มองไปทางทิศตะวันตกอย่างกะทันหัน เพราะว่า…
[1] กูไหน่ไน คำใช้เรียกหญิงสาวที่ออกเรือนแล้ว
[2] ตายอยู่ภายใต้ดอกโบตั๋น เป็นผีก็คุ้มค่า สำนวนจีน หมายความหากได้ครอบครองสาวงามแม้นต้องตายก็ยอม