“อ้ะเนะเนะ!” เจ้าเด็กน้อยมองไปทางทิศตะวันตกอย่างตื่นเต้นเช่นกัน เพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของท่านพ่อรูปงามน่ะสิ! แม้กลิ่นอายจะจางมากอาจเป็นเพราะอยู่ห่างกันไกล แต่ทว่านี่ไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นของเขาได้หรอก
อีกอย่างเยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกว่าท่านแม่ของเขาก็สัมผัสได้เช่นเดียวกัน! ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปทางทิศเดียวกัน เช่นนั้นท่านแม่คนงามต้องพาเขาไปพบท่านพ่อรูปงามแน่ๆ
“อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจนัก
ทว่าที่เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้นั้นแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง เพราะสิ่งที่นางสัมผัสได้คือลมปราณของตัวนางเอง…ลมปราณของนางในอดีต
ทันใดนั้นเองเยี่ยนจื่อเสาที่กำลังจะซาบซึ้งที่น้องสาวและหลานชายต่างก็ดีกับเขามากกลับพบว่าเขาได้ถูก ‘ทิ้ง’ ไปเสียแล้ว?
อืม…
เยี่ยนจื่อเสาจึงต้องทำให้ดวงตาที่แดงก่ำไปแล้วกลับมาเป็นปกติ และ ‘เก็บ’ น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่กลับไป เป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงอย่างกล้าหาญ เขาปรับตัวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังปล่อยพลังการรับรู้ออกไปทางทิศตะวันตกอีกด้วย
หลังจากนั้น เยี่ยนจื่อเสาก็พบว่าพลังปราณของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก! เขาสัมผัสได้ว่าบริเวณที่ไกลแสนไกลดูเหมือนว่า…
“ข้าบรรลุอีกขั้นแล้วหรือ” เยี่ยนจื่อเสางุนงงในใจ
ทว่าพลังปราณอันสมบูรณ์ของเขา รวมถึงความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยืนยันว่า…เขาได้บรรลุไปอีกขั้นแล้วจริงๆ!
ในอดีตพลังปราณของเขาสามารถแพร่กระจายและครอบคลุมได้เพียงระยะร้อยลี้เท่านั้น แต่บัดนี้เขากลับสามารถแพร่กระจายและครอบคลุมได้ถึงหมื่นลี้! หมื่น! ลี้! แล้ว?
นี่มัน…
ฉะนั้นแล้วเขาจึงบรรลุจากผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสู่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าแล้วอย่างนั้นหรือ
หากเป็นเช่นนั้น ฝีมือของเขาก็ถึงขั้นถอดจิต…ของผู้ฝึกฌานทั่วไปแล้วน่ะสิ?
หากเป็นเช่นนั้น เขาก็สามารถลองสื่อสารกับแก่นวิญญาณอสูรในตำนานได้แล้วน่ะสิ?
ไม่! ไม่ใช่ ก่อนที่เขาจะสลบไปดูเหมือนเขาจะอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง…แก่นวิญญาณอสูรในตำนานออกมาได้แล้วนะ? เช่นนั้นตอนนี้เขาก็สามารถสร้างกระแสจิตกับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางได้แล้วน่ะสิ?
นี่มัน…
เยี่ยนจื่อเสามองไปด้านหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์ ดวงตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
เม่ยเอ๋อร์นึกว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไม่ก็เพราะเสียใจเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะตบไหล่เขาไปฝ่ามือหนึ่งโดยไม่กลัวหนามบนไหล่ของเขาเลยแม้แต่น้อย “นี่! เจ้ายังไหวอยู่หรือไม่ ใครสั่งให้เจ้าอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางออกมา ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบนี้จนได้ โง่หรืออย่างไรกัน!”
เยี่ยนจื่อเสาค่อยๆ ดึงสติกลับมาและมองสาวใช้ที่ไม่ธรรมดาข้างๆ อย่างหมดคำพูด รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่?
“หึ” แม้เม่ยเอ๋อร์จะยังโกรธไม่หาย แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะรังแกคนเจ็บได้ ดังนั้นนางจึงส่งเสียงหึไปคำเดียวแล้วละสายตาไป
เยี่ยนจื่อเสายังคงตกอยู่ในภวังค์ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าแล้ว! ทว่าสภาพเขาเช่นนี้ไม่รู้ว่ายังเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่
เมื่อคิดเช่นนี้เยี่ยนจื่อเสาจึงหลับตาลงเพื่อลองสื่อสารกับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง…แก่นวิญญาณอสูรในตำนานนั่นอีกครั้ง
หากเขาทำสำเร็จ เช่นนั้นก็ถือว่าเขายังเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์อยู่ เพียงแค่สภาพดูไม่ดีเท่านั้น!
หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่เป็นไร! ถือว่าเป็นทุกขลาภแล้วกัน! อย่างมากเขาก็แค่ซ่อนตัวอยู่ใต้ชุดดำไปตลอด เช่นนี้คนอื่นก็ไม่รู้แล้วว่าเขาเป็นอย่างไร
สิ่งสำคัญคือเขาเป็นถึงผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแล้ว! เมื่อถึงเวลานั้นดูสิว่าใครยังกล้ารังแกน้องสาวของเขาอีก เขาจะฆ่าให้ตายและทำให้พังพินาศไปทั้งตระกูลเลยค่อยดู!
เมื่อนึกถึงตรงนี้เยี่ยนจื่อเสาก็เต็มไปด้วยพลังแรงกล้า! จิตใต้สำนึกของเขาเริ่มรวบรวมพลังปราณทั้งหมดและจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลลึก
แม้ว่าแท้จริงแล้วเยี่ยนจื่อเสาต้องการสื่อสารกับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางทันที เพื่อพิสูจน์การคาดเดาของเขาก็ตาม แต่เขาก็ยังทราบดีอย่างถ่องแท้ว่า…
เขาในตอนนี้ควรรวบรวมไข่มุกวิญญาณ! และขัดเกลาพลังปราณที่อุดมสมบูรณ์แต่ยังไม่บริสุทธิ์พอของเขาเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขณะสื่อสาร
ขณะที่เยี่ยนอวี๋ดึงความสนใจกลับมาพบว่าเยี่ยนจื่อเสาเปี่ยมไปด้วยพลังแรงกล้าและเริ่มฝึกฌานด้วยตนเองแล้ว! ไม่มีความท้อใจและหดหู่เลยแม้แต่น้อย
มองจนเยี่ยนอวี๋อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าครุ่นคิด “ภาวะจิตใจของพี่รองยังดีอยู่ ได้รับบทเรียนอันใหญ่หลวงมา แต่ยังสามารถมีความสุขได้เพียงนี้ ต่อไปต้องกลายเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งแน่”
“อืม…” อินหลิวเฟิงเห็นเช่นนี้ก็เห็นด้วยอย่างพอใจ “จิตใจของจื่อเสาแข็งแกร่งนัก ควรเอาเป็นแบบอย่าง”
พูดตามจริง หากเขาที่หน้าตาหล่อเหลาตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น เขาคงไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งค่อนเดือนกว่าจะทำใจได้! คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนจื่อเสาจะไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกมากเพียงนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ
ส่วนเยี่ยนจื่อเสาในขณะนี้ เขาไม่รู้ว่าผู้คนรอบๆ ต่างชื่นชมเขาอย่างสุดซึ้ง เพราะเขากำลังอยู่ในโลกของการฝึกฌานของเขาอยู่
ในฐานะผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์อัจฉริยะแห่งสำนักชางอู๋ เมื่อเขาพบว่าไข่มุกวิญญาณของเขาแตกต่างจากเดิมเหมือนรูปร่างจะผิดเพี้ยนไปนั้น เขาก็ทิ้งการฝึกฝนดั้งเดิมอย่างรวดเร็วและเริ่มฝึกฌานตามตำรา ‘การฝึกฝนเป็นเทพขั้นพื้นฐาน’ ที่น้องสาวมอบให้
และในตำรา ‘การฝึกฝนเป็นเทพขั้นพื้นฐาน’ ที่เยี่ยนอวี๋มอบให้นั้น ไม่เพียงแต่บันทึกวิธีรวบรวมไข่มุกวิญญาณไว้เท่านั้น แต่ยังกำชับไว้ว่าขณะที่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์รวบรวมไข่มุกวิญญาณสามารถสื่อสารกับแก่นวิญญาณอสูรในตำนานบางตนได้ เพื่อมีโอกาสจะได้รับวิชากายสิทธิ์ที่แก่นวิญญาณอสูรในตำนานครอบครอง
หากแก่นวิญญาณอสูรในตำนานบางตนยอมช่วยเหลือ เช่นนั้นไข่มุกวิญญาณที่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์รวบรวมได้จะกลายเป็น…ไข่มุกวิญญาณในตำนานที่มีพลังเหนือกว่าปกติทั่วไป ในอนาคตจะสามารถอัญเชิญแก่นวิญญาณอสูรที่ไม่ซ้ำกันเพื่อร่วมกันต่อสู้ได้!
เดิมทีขณะที่อ่านตำรา ‘การฝึกฝนเป็นเทพขั้นพื้นฐาน’ ของเยี่ยนอวี๋เล่มนี้ เขาไม่จริงจังด้วยซ้ำไป เขาเพียงแค่ท่องจำเหมือนเป็นการบ้านที่ต้องทำ เพื่อเห็นแก่ความตั้งใจของน้องสาวเท่านั้น
ทว่าบัดนี้เยี่ยนจื่อเสาพบอย่างตะลึงใจว่าหลังจากที่เขาฝึกฝนตามตำราแล้วกลับรับรู้ได้ถึงลมปราณของ…จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ไม่แปลกหน้าได้จริงๆ
“ผู้อาวุโสจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง เป็นๆๆ เป็นท่านจริงๆหรือ” เยี่ยนจื่อเสาตื้นตันจนนึกว่าเป็นความฝัน ทว่าเขายังคงปฏิบัติตามการรับรู้และเข้าขากับภาวะฝึกฌานส่งจิตไปทาง ‘อีกฝ่าย’
เยี่ยนจื่อเสาไม่รู้ว่าจะได้รับการตอบสนองหรือไม่ ทว่าเขารู้หากเขาได้รับการตอบรับ เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาจะเป็นคนเดียวของสำนักชางอู๋ที่เป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถติดต่อกับแก่นวิญญาณอสูรในตำนานได้อีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีมานี้
นอกจากนี้เขายังจะเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์รุ่นน้องแห่งราชวงศ์ต้าซย่าที่ติดต่อกับแก่นวิญญาณอสูรในตำนานได้เป็นคนที่สองถัดจากหยางเซ่าเหิง
“เนะ?”