เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 69 มิอาจละทิ้งความสามารถในการแสดงละครได้!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ในเวลาเดียวกันนั้น เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่สัมผัสถึงกลิ่นอายของท่านพ่อรูปงามไม่ได้แล้วก็ร้อนใจจนดวงหน้าเล็กๆ นั้นแดงก่ำ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”

“เขาเป็นอะไรหรือ” อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจ

เยี่ยนอวี๋มองไปด้านนอกด้วยสายตาลำบากใจ ขณะอุ้มบุตรชายที่มีท่าทางกระวนกระวายเอาไว้ นางเชื่อว่าบุตรชายไม่ได้กระวนกระวายใจอย่างไม่มีสาเหตุ แต่นางสัมผัสถึงลมปราณผิดปกติอื่นๆ ไม่ได้จริงๆ นอกจากเกราะคุ้มภัยของตำหนักไท่ชางอันเก่าแก่

นี่ก็สามารถอธิบายได้ว่า บุตรชายสัมผัสถึงลมปราณที่นางมิอาจรับรู้ได้ ดังนั้นบุตรชายสัมผัสได้ถึงสิ่งใดกันแน่ เยี่ยนอวี๋หลุบแพขนตาลงเล็กน้อย ขณะเผยแววครุ่นคิดออกมา

ทว่าอินหลิวเฟิงกลับรู้สึกถึงมันได้แล้ว เขาคิดว่านี่เป็นสถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน “แม่นางเยี่ยน ทางที่ดีที่สุดท่านควรจะปลอบบุตรชายของท่านให้เงียบก่อน มีลมปราณยอดฝีมือแห่งสำนักคุนอู๋!”

“หืม?” เยี่ยนอวี๋เหลือบตาขึ้นมอง หยุดใคร่ครวญไปชั่วขณะแล้วลูบศีรษะโล้นของบุตรชาย พลางปลอบเสียงเบา “เสี่ยวเป่าไม่ต้องร้อนใจ ไม่ว่าเจ้าจะสัมผัสได้ถึงสิ่งใด ช้าเร็วอย่างไรแม่จะช่วยเจ้าหาให้พบ”

“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบแหงนศีรษะเล็กๆ ขึ้น สายตาที่มองไปยังมารดาวูบไหว

เยี่ยนอวี๋รู้ว่านางคิดถูก จึงก้มลงจุมพิตหน้าผากบุตรชาย และเอ่ยคำสัญญาอย่างจริงจังว่า “แม่จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งรีบร้อนไปดีหรือไม่”

“อ้ะเนะเนะ…” แม้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าจะอยากไปตามหาท่านพ่อคนงาม แต่เขาก็เชื่อมารดาของตนเองมาก อีกอย่างเขาก็รู้เช่นกันว่าคนเลวมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรับคำมารดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากนั้นก็มุดกลับเข้าไปในผ้าห่อตัวอย่างเชื่อฟัง

ท่าทางว่านอนสอนง่ายนั้นทำให้อินหลิวเฟิงที่มองอยู่รู้สึกว่านี่จะต้องเป็นทารกน้อยที่จะกลายเป็นปีศาจตนหนึ่งในอนาคตแน่นอน ดังนั้นเขารู้สึกว่าไม่แปลกเลยที่เขาจะถูกทำให้อับอายได้ เป็นเขาที่ดูแคลน ‘ความสามารถ’ ของทารกนี้เอง

“เด็กดี” เยี่ยนอวี๋ก็รักบุตรชายที่รู้ความคนนี้มากเช่นกัน แววตาฉายประกายอ่อนโยนออกมา ทั้งยังจุมพิตบุตรชายตัวน้อยครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างอดมิได้

อืม

บุตรชายตัวน้อยที่ทั้งนุ่มนิ่มและงดงาม น่ารักเกินไปแล้วจริงๆ

นางชอบมากเหลือเกิน

หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง เอ้อร์เหมา องครักษ์ที่อยู่นอกรถม้าก็รายงานสถานการณ์ว่า “คุณหนูใหญ่เยี่ยน นายน้อย กลุ่มคนสำนักคุนอู๋มีอยู่ยี่สิบสองคน จะทิ้งรถม้าหรือไม่ขอรับ”

“ทิ้ง!” อินหลิวเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“ไม่ทิ้ง” เยี่ยนอวี๋ตอบกลับในเวลาเดียวกัน

หลังจากนั้น แน่นอนว่าเอ้อร์เหมาย่อมฟังเยี่ยนอวี๋อยู่แล้ว เขาจึงบังคับรถม้าหรูหราคันนี้มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของต้าฮวงต่อไปด้วยความเร็วตลอดการเดินทาง

อินหลิวเฟิง “…”

เขาอดทนแล้วอดทนอีก แต่ก็ยังคงอดพูดออกมามิได้ว่า “ทิ้งรถม้าเอาไว้จะสะดวกยิ่งกว่าไม่ใช่หรือ” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็อยากจะค่อนแคะอย่างอดมิได้ คราแรกที่ออกเดินทางจากสำนักชางอู๋ คุณหนูผู้นี้ยังคิดจะใช้รถม้าที่โดดเด่นยิ่งกว่าคันนั้นของนางอยู่เลย! เป็นรถม้าวิหคสุริยันที่ได้มาจาก…สำนักหมอหลวง

ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ยืนกรานคัดค้าน เจ้าสำนักเยี่ยนก็ยังนับว่ามีจุดยืนอยู่บ้าง ถึงได้ควบคุมนิสัยแย่ๆ ของคุณหนูใหญ่ผู้นี้เอาไว้ มิเช่นนั้นพวกเขาคงเปิดเผยตนเองไปนานแล้วแน่นอน!

อีกทั้งตลอดการเดินทางนี้ คุณหนูใหญ่ผู้นี้ แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่นางก็แทบจะแสดงให้เห็นว่ารังเกียจรถม้าชั้นสูงที่มาจากเมืองโยวตูของพวกเขาคันนี้ตลอดเวลา!

อุปนิสัยย่ำแย่นี้ อินหลิวเฟิงอดมิได้ที่จะรู้สึกว่า คำเล่าลือที่กล่าวว่าคุณหนูใหญ่เยี่ยนยอดสำรวยและหยิ่งยโส ก็มีพื้นฐานความจริงและมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง

แต่ทว่าคำถามของอินหลิวเฟิงกลับเรียกท่าทางเหยียดหยามแข็งกร้าวจากเม่ยเอ๋อร์เสียอย่างนั้น “ท่านเป็นบุรุษผู้หนึ่งสามารถลำบากหน่อยได้ คุณหนูใหญ่และคุณชายน้อยของพวกเรานั้นบอบบาง จะทิ้งรถม้าให้วิ่งวุ่นอย่างไร้จุดหมายเช่นท่านได้อย่างไรกัน”

อินหลิวเฟิง “…”

เขาหมดแรงจะค่อนแคะแล้ว

ทว่าเอ้อร์เหมาที่อยู่ด้านนอกกลับแสดงท่าทางเหมือนถูกล้างสมองไปแล้ว “เม่ยเอ๋อร์กล่าวได้มีเหตุผลจริงๆ บุรุษหยาบกร้านเช่นพวกเราไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ หลังจากนี้ข้าจะจำเอาไว้”

อินหลิวเฟิง “…”

เขาขอประกาศว่าเขาได้สละชีพในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว

มารดามันเถอะ…

ทำไมเขาถึงต้องเดินทางร่วมกับพวกคนประหลาดนี้กันนะ?

“ศิษย์พี่เฉิงหมิง! พบรถม้าคันหนึ่งขอรับ” คนของทางคุนอู๋ค้นพบรถม้าของพวกเยี่ยนอวี๋ตามที่คาดเอาไว้ ทั้งยังแยกแหล่งที่มาออกด้วย “ดูเหมือนเป็นรถม้าของเมืองโยวตูขอรับ”

“เมืองโยวตู?” ในฐานะผู้นำของคนกลุ่มนี้ เฉิงหมิงที่อายุประมาณสามสิบปี และเป็นศิษย์สายตรงภายในสำนักสำนักคุนอู๋ ทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของหยางเซ่าเหิงด้วย และมารดาของเขาก็เป็นท่านน้าของหยางเซ่าเหิง

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ได้รู้ว่าทางฝั่งตะวันออกของต้าฮวงมีแก่นวิญญาณมังกรทอแสงที่ถูกปิดผนึก ภายในสำนักคุนอู๋ก็มีการวางแผนกำหนดวิธีการออกมาว่าจะให้เฉิงหมิงเป็นผู้ได้ครอบครองแก่นวิญญาณมังกรทอแสงนี้

หยางเซ่าเหิงเพียงแค่มาช่วยลูกพี่ลูกน้องของเขาเท่านั้น และถือโอกาสสังเกตการณ์ความคืบหน้าที่สำนักชางอู๋วางแผนไปด้วย ตอนนี้เพราะสำนักชางอู่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น และภายในต้าฮวงก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะย้อนกลับมายังสำนักคุนอู๋”

แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ไม่ใช่ว่าภายในต้าฮวงไร้การเคลื่อนไหว แต่ ‘ข่าวคราว’ และ ‘ลมปราณ’ ล้วนถูกปิดกั้นเอาไว้แล้ว คนสำนักคุนอู๋ในต้าฮวง ไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้ และไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ด้วยเช่นกัน!

ดังนั้นตอนนี้เฉิงหมิงจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “คนของเมืองโยวตูล้วนมากันแล้ว เหตุใดน้องเหิงถึงยังไม่มากัน”

“เกรงว่าสำนักชางอู๋จะเกิดเรื่องขอรับ” องครักษ์สำนักคุนอู๋ที่อายุประมาณสี่สิบปีนายหนึ่งวิเคราะห์สถานการณ์อย่างสุขุม

แน่นอนว่าเฉิงหมิงก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน แต่เขาถูกข่าวร้ายที่ได้รับมาครั้งแล้วครั้งเล่า กวนใจจนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด “แรกเริ่มก็เป็นสำนักเหยาไถเซียน มาตอนนี้ก็มีอิทธิพลของเมืองโยวตู แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไร้ข้อผิดพลาด”

ใครก็ตามที่พบว่าเรื่องที่มั่นใจถึงเก้าในสิบกลายเป็นเรื่องที่น่าหวาดวิตกก็ล้วนไม่สามารถคงสภาพจิตใจให้สงบได้ ยิ่งไปกว่านั้น! เฉิงหมิงก็รู้แล้วเช่นกันว่าอาจจะมีการถือกำเนิดหลิงเป่าแห่งตำหนักไท่ชางขึ้น

นี่ทำให้เฉิงหมิงเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ต้องกล่าวถึงหลิงเป่าแห่งตำหนักไท่ชางเลย เกรงว่าแม้แต่แก่นวิญญาณมังกรทอแสงก็ไม่แน่ว่าจะได้มาครอบครอง”

“ก็ไม่แน่หรอกขอรับ!” องครักษ์ที่อาวุโสผู้นั้นกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมืองโยวตูมีรถม้าเพียงหนึ่งคัน บวกกับคนที่อยู่ในรถก็มีแค่ห้าหกคนเท่านั้น สามารถกำจัดทิ้งก่อนได้”

“ใช่ขอรับ!” ศิษย์แห่งสำนักคุนอู๋ที่อยู่อีกด้านรีบเอ่ยสำทับทันที “ถึงอย่างไรเมืองโยวตูก็ไม่มีอะไรที่ต้องหวั่นเกรงอยู่แล้ว ฝ่าบาทเห็นเมืองโยวตูขัดหูขัดตามานานแล้ว ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องลงดาบกับพวกเขาสักวันหนึ่ง”

“เช่นนั้นจะรออะไรอยู่เล่า รีบล้อมปราบเดี๋ยวนี้!” เฉิงหมิงออกคำสั่ง

หลังจากนั้น…

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท