เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกความครึกครื้นด้านนอกดึงความสนใจจนนั่งไม่ติด คิดจะเลิกผ้าขึ้นอย่างอดมิได้ เม่ยเอ๋อร์รีบหยิบผ้าคลุมสีดำมาผืนหนึ่งแล้วคลุมเยี่ยนจื่อเสาเอาไว้ หลังจากนั้นถึงไปช่วยเจ้าตัวน้อยเลิกม่านรถขึ้น
ความสนใจเกือบทั้งหมดของกู้หยวนหมิงล้วนอยู่บนรถม้า จึงมองเห็นเยี่ยนอวี๋ รวมถึงบุตรชายตัวน้อยในอ้อมแขนของนางได้ในแวบแรกทันที
ลูกศิษย์หญิงของสำนักเหยาไถเซียนที่หันกลับมาคนนั้น เพิ่งจะเห็นเยี่ยนอวี๋ แววตาของนางปรากฏความริษยาขึ้นอย่างอดมิได้ เพราะในที่สุดนางก็ได้รู้ว่าชุนซิ่นจวินของพวกนางใจลอยเพราะใคร!
“ท่านนี้คือ….” กู้หยวนหมิงหันไปทางเยี่ยนอวี๋ แม้ว่าคนที่เขาถามคืออินหลิวเฟิง แต่ในสายตาเขาไม่มีอินหลิวเฟิงอยู่แล้ว
“อะแฮ่ม” อินหลิวเฟิงกำลังคิดอยู่ว่าจะแนะนำอย่างไรดี
เยี่ยนอวี๋ก็เอ่ยขึ้นเองว่า “เยี่ยนจื่ออวี๋แห่งสำนักชางอู๋”
“สำนักชางอู๋?” กู้หยวนหมิงชะงักค้าง เพราะเขารับรู้ได้อย่างเลือนรางว่า น้องเจ็ดของเขากับคุณหนูใหญ่เยี่ยนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนต่อกัน และเคยได้ยินมาว่าแม้คุณหนูใหญ่เยี่ยนจะเป็นเศษขยะไร้ค่า แต่กลับเป็นบุคคลที่มีรูปโฉมงดงามอย่างหาตัวจับได้ยากผู้หนึ่ง ดังนั้น…
กู้หยวนหมิงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามตามจิตใต้สำนึกว่า “บิดาของท่านคือ?”
“เยี่ยนชิง” เยี่ยนอวี๋ตอบเสียงเรียบ มือข้างหนึ่งก็ลูบบุตรชายที่ขยุกขยิกไปมาในอ้อมแขน คิดดูแล้วเจ้าตัวน้อยชื่นชอบความครึกครื้นอย่างที่คิดเอาไว้เลย แต่ว่าเยาว์วัยขนาดนี้ก็ชื่นชอบเหตุการณ์รบราฆ่าฟันเช่นนี้ คงไม่ดีหรอกกระมัง
“เจ้าสำนักเยี่ยน?” กู้หยวนหมิงมึนงงอย่างเสียอาการ เขายังมองไปทางเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนของเยี่ยนอวี๋ ตามจิตใต้สำนึก ในใจคิดว่าหรือวนี่จะเป็นหลานชายของเขากัน
ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่าในครานี้ก็มิได้เห็นกู้หยวนหมิงในสายตาอีก เขาจับขากางเกงมารดาตนเอง พลางเอ่ยร้องว่า “อ้ะ! อ้ะเนะเนะ…” ลงไปเที่ยวเล่นกัน!
“ไม่ลงไปแล้วลูก มันสกปรกเกินไป” เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าประกายหอกคมดาบและโลหิตที่สาดกระจายไม่เหมาะที่จะให้บุตรชายลงไปเที่ยวเล่น มองดูอยู่บนรถม้าก็เพียงพอแล้ว
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงหยุดสะบัดไปมา เพียงแค่จับจ้องเหตุการณ์ด้านนอกที่เสียงดังเอะอะมะเทิ่งด้วยดวงตากลมโตวิบวับและท่าทางเฉลียวฉลาด “อะแฮ่ม…” อินหลิวเฟิงเผยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย โดยไม่เสียท่าทางสง่างาม “ให้ชุนซิ่นจวินพบเรื่องขายหน้าแล้ว เสี่ยวเป่าชื่นชอบความครึกครื้นเป็นพิเศษ ยังคงไม่เข้าใจเรื่องความเป็นความตายอะไรนั่น”
“เป็นปกติ” กู้หยวนหมิงตอบกลับอย่างมึนงง และยังคงคิดปัญหาเรื่อง ‘หลานชาย’ อยู่
หลังจากนั้นคุณชายทั้งสองคนที่รูปงามราวกับสุริยันกลางผืนฟ้าก็มองดูเหตุการณ์ฆ่าฟันตรงหน้าเป็นเพื่อนเยี่ยนอวี๋กับบุตรชายของนางเงียบๆ สถานการณ์ช่างน่ากระอักกระอ่วนเหลือเกิน
สุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นลูกศิษย์หญิงแห่งสำนักเหยาไถเซียนที่ทำลายความเงียบงันนี้ลง “คุณหนูใหญ่เยี่ยนไม่ควรจะอยู่ที่เมืองชางอู๋กับคุณชายเจ็ดหรือเจ้าคะ”
“คุณชายเจ็ดคือใครกัน” เม่ยเอ๋อร์ถามกลับทันที
“หืม?” ลูกศิษย์หญิงแห่งสำนักเหยาไถเซียนชะงักไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยตอบว่า “น้องเจ็ดของชุนซิ่นจวิน กู้จ่างสื่อไม่ใช่หรือ ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่เยี่ยนกำลังจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้กับชีหลางของพวกเรา คุณชายน้อยท่านนี้คือสายเลือดของกู้จ่างสื่อสินะ”
คราวนี้ไม่รอให้เม่ยเอ๋อร์กล่าวสิ่งใด เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กำลังมองดูคนรบราฆ่าฟันกันอยู่ก็รีบคัดค้านทันที “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” ท่านพ่อของข้าไม่ใช่คนสารเลวคนนั้น! ท่านพ่อข้าเป็นคนงามผู้หนึ่ง งามเหมือนกับท่านแม่ของข้า!
เม่ยเอ๋อร์เอ่ยอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่ว่า “แม้แต่คุณชายน้อยของข้ายังรู้เลยว่าบิดาของเขาไม่ใช่คนไร้ค่าผู้นั้น และไม่รู้ว่าเจ้าได้เห็นกับตาตนเองหรือมีตาทิพย์ หูทิพย์ พูดไปเรื่อยกันแน่”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพอใจกับคำแปลของเม่ยเอ๋อร์มาก จึงร้องเรียกนางคำหนึ่ง
เม่ยเอ๋อร์รีบหันไปประสานมือคารวะให้กับเยี่ยนเสี่ยวเป่า และเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อหันหน้ากลับมา นางยังคงมองเหยียดหยามไปทางลูกศิษย์หญิงแห่งสำนักเหยาไถเซียนที่อ้าปากพูดจาเหลวไหลผู้นั้นอย่างเย็นชา
“ข้า…” ลูกศิษย์หญิงแห่งสำนักเหยาไถเซียนคิดจะแก้ตัว
แต่กู้หยวนหมิงกลับเอ่ยตัดบทว่า “ศิษย์น้องหลิน เจ้าถอยไปก่อน”
“ข้า…” เหยาหลินอยากจะอยู่ต่อ แต่นางก็รู้ว่าชุนซิ่นจวินที่ดูคล้ายจะใจดีผู้นี้ เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สุดท้ายแล้วนางก็ทำได้เพียงก้มหน้ากำหมัดอย่างมิยินยอม ขณะเอ่ยตอบว่า “เจ้าค่ะ ศิษย์พี่หมิง”
เมื่อเหยาหลินถอยออกไปแล้ว กู้หยวนหมิงถึงได้มองไปยังทารกที่อยู่ในอ้อมแขนเยี่ยนอวี๋ใหม่อีกครั้ง เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาเป็นประกายสว่างของเด็กน้อย เขาก็อดมิได้ที่จะตะลึงงัน “เด็กน้อย”
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบๆ หันหน้าไปมองมารดาของเขา
เยี่ยนอวี๋ลูบบุตรชายและเหลือบตาขึ้นมองไปทางกู้หยวนหมิง เขารีบประสานมือกำหมัดคารวะด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยนมีมารยาท พลางเอ่ยว่า “ข้าน้อยขออภัยแม่นางเยี่ยนแทนศิษย์น้องหลินที่เสียมารยาทด้วย”
“ไม่เป็นไร” เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจ แต่กลับถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าเคยพบกับท่านมาก่อนหรือไม่”
“…” กู้หยวนหมิงตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นถึงได้รู้สึกตัวแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มิปิดบังความจริง ข้าน้อยก็มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน แต่ข้าน้อยไม่เคยพบกับแม่นางเยี่ยนมาก่อนจริงๆ”
“เช่นนั้นหรือ” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว แล้วอุ้มบุตรชายเดินลงจากรถม้า
กู้หยวนหมิงถึงได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่า คุณหนูใหญ่แห่งสำนักชางอู๋ผู้นี้ไม่เสียทีที่มีชื่อเสียงเรื่องรูปโฉมงดงาม นางมิเพียงแค่มีใบหน้าไร้ที่ติ แต่รูปร่างก็เพรียวบางด้วยเช่นกัน
สตรีรูปโฉมงดงามเช่นนี้ แม้ว่านางจะเป็นคนไร้ค่าจริงๆ ก็จะได้รับการทะนุถนอมจากชายหนุ่มแน่นอน รูปโฉมนางงดงามมากพอที่จะกลบทับสิ่งที่นางขาดไปได้เสียหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่านางจะไม่ใช่คนไร้ค่าตามคำร่ำลือนะ?
กู้หยวนหมิงกำลังประเมินนางอยู่ในใจ แต่เยี่ยนอวี๋กลับเหลือบตาขึ้นมองไปยังที่ห่างไกล ริมฝีปากแดงขยับเอ่ยว่า “มากันแล้ว”
“อะไรหรือ” อินหลิวเฟิงรับรู้ได้ถึงความหมายของคำเตือน
ทางด้านเฉิงหมิงกลับคำรามเสียงดังว่า “ชุนซิ่นจวิน! เจ้าต้องการจะแตกหักกับสำนักคุนอู๋ของข้าให้ได้เลยหรือ! หากว่าเจ้ากล้าฆ่าข้าล่ะก็ น้องเหิงของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”
“ชุนซิ่นจวิน…” เห็นได้ชัดว่าศิษย์แห่งสำนักเหยาไถเซียนยังคงมีความระแวดระวังต่อหยางเซ่าเหิงอยู่
ทว่าในฝ่ามือของกู้หยวนหมิงปรากฏบุปผาโบยบินกลุ่มหนึ่งขึ้น! วาดไปทางลำคอของเฉิงหมิง เขาร้องเสียงดังหวาดกลัวจนหน้าถอดสี “ท่านอสูรจระเข้ รีบปกป้องข้าเร็วเข้า!”
จระเข้สองเศียรก็ต้องการจะกลับไปปกป้องอย่างไว้หน้าเขา ทว่าหลังจากนั้น…