คำพูดคุกคามอันรุนแรงและเฉียบคมของเหยาหลิน ทำให้เม่ยเอ๋อร์ที่เดิมทีตั้งใจแค่จะโยนออกไป ต้องหยุดชะงักในทันที พร้อมทั้งกดตัวนางลงกับพื้น “คุณหนูใหญ่ ข้าอยากฆ่านางเจ้าค่ะ”
เยี่ยนอวี๋หันกลับมา เพ่งมองไปที่เหยาหลินอย่างแน่วแน่มั่นคง “ข้าเคยได้ยินเสียงของเจ้า” ใน ‘ความฝัน’ ที่เยี่ยนจื่ออวี๋ ‘ฝากฝัง’ ให้กับนาง
“เจ้า…” เหยาหลินเจ็บปวดจนต้องสูดลมเข้าปาก แต่กลับคิดว่าการคุกคามของตนเป็นผล เยี่ยนจื่ออวี๋นังสารเลว! ไม่กล้าทำอะไรกับนางจริงๆ หรอก เพราะถึงอย่างไรนังสารเลวคนนี้ยังต้องการแต่งงานกับคุณชายเจ็ดแห่งสกุลกู้เพื่อหวังผลประโยชน์!
อย่างไรก็ตาม…
เยี่ยนอวี๋กลับพูดในสิ่งที่เหยาหลินไม่คาดคิด “ฆ่านาง”
เยี่ยนอวี๋คิดว่าเสียงที่นางได้ยินในความฝันคือเสียงของเยี่ยนชิงถังมาโดยตลอด แต่เมื่อหวนนึกขึ้นมา ตอนนั้นมีน้ำเสียงสองแบบ หนึ่งคือเยี่ยนชิงถัง สองคือลูกศิษย์หญิงของสำนักเหยาไถเซียนคนนี้
พวกนางเป็นประจักษ์พยานร่วมกัน! ทั้งรังแก ข่มเหง ทำให้เยี่ยนจื่ออวี๋อัปยศอดสู จนต้องทำแท้ง และเฝ้าดูฝ่ายหลังตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง ขณะที่พวกนางกำลังกู่ร้องด้วยความยินดี เยาะหยัน พวกนางล้วนเป็นฆาตกร!
“อะ…” และในบัดดล เหยาหลินที่คิดว่าตนหูฝาดไป นางยังอยากพูดอะไรบางอย่าง หรืออีกนัยหนึ่งก็คืออยากพ่นคำด่าอะไรบางอย่างออกมา
อย่าว่าเม่ยเอ๋อร์ที่ไม่ให้เวลานางเลย หากเป็นเยี่ยนจื่อเสา! เขาก็ไม่ให้เวลานางได้พูดอะไรเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงลงมือไปแล้ว! กรงเล็บอันแหลมคมของมนุษย์วานรหวาไหว ได้ฉีกขย้ำลำคอของเหยาหลินอย่างดุร้าย
เม่ยเอ๋อร์ “…”
อินหลิวเฟิง “…”
ทั้งสองคนเบิกตาโพลงพร้อมๆ กัน มองดูร่างอันไร้วิญญาณของเหยาหลิน เม่ยเอ๋อร์ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองโดนแย่งฆ่าไปอีกแล้ว ส่วนเยี่ยนจื่อเสากลับ ‘สะอึก’
“ข้าว่า คุณหนูใหญ่เยี่ยน ตอนนี้ความแค้นระหว่างท่านกับสำนักคุนอู๋ยังไม่เพียงพออีกหรือ เหตุใดถึงได้ฆ่าลูกศิษย์สายตรงของสำนักเหยาไถเซียนอีกเล่า” อินหลิวเฟิงไม่เข้าใจ มีใครที่ไหนบ้างที่มีความสามารถในการสรรหาศัตรูเช่นนี้
เวลานี้ความขัดแย้งระหว่างสำนักคุนอู๋และสำนักชางอู๋หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว คนทั่วไปควรจะมีจิตใจมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาของสำนักคุนอู๋ให้เรียบร้อยก่อนมิใช่หรือ ไฉนถึงได้ไปหาเรื่องตอแข็งๆ เข้าอีก
แม้ว่าโดยรวมแล้วความแข็งแกร่งของสำนักเหยาไถเซียนจะเป็นรองสำนักคุนอู๋ แต่คนที่มีสายตาที่เฉียบแหลมต่างก็รู้ว่าสำนักเหยาไถเซียนนอกจากจะด้อยกว่าผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานของสำนักคุนอู๋แล้ว ความแข็งแกร่งโดยรวมในด้านอื่นก็แทบไม่แตกต่างกัน!
ดังนั้นแม้กระทั่งชาวเมืองโยวตูอย่างพวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินทั้งสองกลุ่มอำนาจระดับสูงในคราวเดียว ไม่เห็นหรือ…เขากำลังล่อให้ลูกศิษย์ของสำนักคุนอู๋ไปให้สำนักเหยาไถเซียนฆ่าอยู่น่ะ!
“แม้ว่าคนของสำนักเหยาไถเซียนจะสืบพบเงื่อนงำการตาย ก็จะพบเพียงแต่ว่าสตรีนางนี้ถูกมนุษย์วานรหวาไหวฆ่าตายเท่านั้น” เยี่ยนจื่อเสาผู้ลงมือกลับตอบอย่างใจเย็น เห็นได้ชัดว่าขณะที่ลงมือนั้น เขาคิดดีแล้ว
แต่เม่ยเอ๋อร์ไม่พอใจมาก “ท่านมีสิทธิ์อะไรมาแย่งข้าฆ่าคนอีกแล้ว”
“…เอ๋?” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนจื่อเสาไม่เข้าใจ เม่ยเอ๋อร์โกรธอะไรกันนี่
แต่เยี่ยนอวี๋เข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงปลอบใจเม่ยเอ๋อร์ “คนตายไปก็ดีแล้ว”
“คุณหนูใหญ่…” เม่ยเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ กล้ำกลืนความอัปยศ ถึงได้ยั้งใจไม่ไปจัดการเขาได้! ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นพี่รองของคุณหนูใหญ่ นางต้องอดทน! อดทนไว้!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าในเวลานี้ เขามองดูลุงรองของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “อ้ะเนะเนะ!” ทำได้ดีมาก! ใครใช้ให้คนเลวคนนี้ด่าท่านแม่คนงามกัน!
เยี่ยนจื่อเสาเบี่ยงความสนใจจากเม่ยเอ๋อร์ไปสนใจเยี่ยนเสี่ยวเป่าแทน เมื่อเห็นแววตาเล็กๆ ที่มีทั้งความเลื่อมใสระคนความตื่นเต้นจากเจ้าตัวเล็ก จึงลอบลูบศีรษะอย่างขวยเขิน กอปรกับรูปลักษณ์อันดุร้ายของเขา ทำให้ดูซื่อบื้อโดยไม่ต้องสงสัย
อินหลิวเฟิงเอามือปิดตาไม่อยากมอง แต่เอ้อร์เหมาผู้เป็นองครักษ์ของเขากลับไม่ได้อยู่เฉย เขารีบหยิบขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ออกมา แล้วโปรยใส่ร่างของเหยาหลิน ศพของนางก็สลายไปในทันที
“ผงสลายศพ?” เยี่ยนจื่อเสามองอินหลิวเฟิงด้วยความประหลาดใจ ถอนหายใจอย่างเสียมิได้ “เป็นซวงเสวียนจวินที่คุ้นเคยช่องทางที่สุด เช่นนี้แล้วสำนักเหยาไถเซียนก็ยิ่งไร้ซึ่งเบาะแส”
“ข้า…” อินหลิวเฟิงอึกอักพูดไม่ออก จะพูดได้อย่างไรว่าเขาคุ้นเคยช่องทาง มองไม่เห็นหรือว่าองครักษ์ทึ่มๆ ของเขาเป็นคนทำ เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ
อินหลิวเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง ตั้งใจจะมองเยี่ยนอวี๋เพื่อปลอบประโลมหัวใจ แต่กลับเห็นว่าเยี่ยนอวี๋กำลังพิจารณาวิมานที่อยู่ข้างหน้า ท่าทางเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง
“มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ” อินหลิวเฟิงรีบเดินเข้าไปถามทันที
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “นี่คือวิมานเทวาสถิตที่ตายแล้ว”
“ตายแล้ว?” อินหลิวเฟิงถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “ท่านหมายความว่านี่เป็นวิมานเทวาสถิตที่มีจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ มันคือตำหนักไท่ชาง วิมานเทวาสถิตบรรพกาลที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงแรกเริ่ม” เยี่ยนอวี๋เอื้อมมือไปสัมผัสพื้นผิวที่แตกร้าวของวิมานเทวาสถิต ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตของวิมานเทวาสถิตเลย
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเลียนแบบมารดาของตน ลูบตำหนักไท่ชาง จากนั้นเขาก็จับดินได้ก้อนหนึ่ง ซ้ำยังเอาเข้าปากโดยสัญชาตญาน
“กินไม่ได้!” เยี่ยนอวี๋ขัดขวางการกระทำเล็กๆ ของลูก และจุมพิตศีรษะโล้นน้อยๆ ของเขา “เสี่ยวเป่าหิวแล้วหรือ”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตา แล้วลูบท้องเล็กๆ ของตนอย่างงุ่มง่าม
เยี่ยนอวี๋พูดด้วยรอยยิ้มละไม “เม่ยเอ๋อร์ ทำอาหารให้เสี่ยวเป่าที พวกเราพักกันก่อนสักครู่ แล้วค่อยเดินทางต่อ”
“หือ?” อินหลิวเฟิงพูดอย่างตะลึงงัน “พวกเราควรรีบเข้าไปมิใช่หรือ คนของสำนักคุนอู๋และคนของชุนซิ่นจวินกำลังไล่ตามเราอยู่นะ!” นี่มันเร่งด่วนมากเลยนะ!
“ไม่เป็นไร” เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจ นางหยิบพรมออกจากถุงวิเศษมาปู แล้ววางลูกไว้บนนั้น ส่วนนางก็ถือโอกาสนั่งข้างลูก
“อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลิ้งไปมาบนพรมนุ่มๆ อย่างตื่นเต้น หลายวันมานี้เขาถูกอุ้มแทบตลอดเวลา น้อยมากที่จะถูกวางให้นอนกลิ้งไปมาอย่างอิสระได้ ดังนั้นเขาจึงเล่นอย่างมีความสุขเป็นธรรมดา
ด้วยเหตุนี้เมื่อกู้หยวนหมิง เฉิงหมิง และคนอื่นๆ รวมถึงสานุศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนมาถึงที่นี่ พวกเขาก็เห็นภาพอันอบอุ่นมีกลุ่มควันล้อมตัวอยู่รอบๆ …คุณหนูใหญ่เยี่ยนกำลังป้อนข้าวต้มบดให้กับลูกน้อยอยู่
“อะ อะไรกันนี่” เฉิงหมิงสับสนมาก! เพราะนี่แตกต่างจากการไปล่าสมบัติที่เขาเคยเข้าร่วมโดยสิ้นเชิง! เขามาผิดทางใช่หรือไม่…