“อ๋า?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินเสียง จึงหันไปมองเฉิงหมิง จากนั้นเขาก็หันไปมองเยี่ยนอวี๋ทันที “อ้ะเนะเนะ!”
เยี่ยนอวี๋ป้อนข้าวต้มบดให้ลูกที่กำลังอ้าปากหวอ ดูประณีตสง่างาม ไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนจากกลุ่มคนที่เข้ามา เจ้าตัวเล็กที่ได้รับอิทธิพลจากนางก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการกินต่อไป
กู้หยวนหมิงที่เพิ่งได้เจอคนจากสำนักเดียวกัน เขาสังเกตเห็นว่าเหยาหลินหายไป ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นก่อน “ศิษย์น้องหลินไม่มาหรือ”
“เรียนชุนซิ่นจวิน ศิษย์พี่หลินมาแล้วเจ้าค่ะ! เพียงแต่…” ลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งของสำนักเหยาไถเซียนรีบรายงานสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังจากฟังจบ กู้หยวนหมิงก็ขมวดคิ้ว “สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย พวกเจ้าแยกย้ายกัน แบ่งกลุ่มละสามคนไปตามหาคน แต่ต้องระวังให้มาก สองเค่อนับจากนี้ ไม่ว่าจะพบคนหรือไม่ก็ตาม ต้องกลับมารวมตัวกันที่นี่”
“เจ้าค่ะ! ชุนซิ่นจวิน” เหล่าบรรดาลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนรับคำสั่งแล้วแยกย้ายกันไป
เฉิงหมิงถอนหายใจอย่างโล่งอก! เขาไม่กล้าที่จะยุแหย่กู้หยวนหมิงอีก แม้ว่าเขาจะขุ่นเคืองใจอยู่มากก็ตาม แต่เขาก็ทำได้เพียงอดทนไปก่อนสักระยะ แล้วจึงหันไปถามอินหลิวเฟิง “อินหลิวเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
อินหลิวเฟิงไม่สนใจอีกฝ่าย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขาคือม้า แน่นอนว่าเขาจะไม่ออกเดินทางจนกว่าบรรพบุรุษตัวน้อยจะกินอิ่ม
“เจ้า…” เมื่อเห็นอินหลิวเฟิงแสดงท่าทางยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่น เฉิงหมิงก็เดือดดาลขึ้นอีกครั้ง แต่กลับถูกคนข้างกายของเขาเข้ามาขวาง ไม่กล้าปล่อยให้เขาโมโหอีก
ตอนนี้คนของสำนักคุนอู๋ รวมเฉิงหมิงแล้วเหลือเพียงแค่สี่คน พวกเขาไม่อาจสูญเสียไปมากกว่านี้ได้แล้ว
เฉิงหมิงก็รู้ความจริงข้อนี้เช่นกัน ดังนั้นที่สุดแล้วเขาจึงทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์! แล้วพาคนไปตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่นี้ด้วยตัวเอง
เมื่อนั้นกู้หยวนหมิงจึงเดินไปถามอินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ “ซวงเสวียนจวิน เจ้าเคยเข้าไปในวิมานเทวาสถิตแห่งนี้หรือไม่”
“ยังไม่เคย” อินหลิวเฟิงตอบตามตรง “ในขบวนของพวกเรามีเด็กหิว จึงต้องปักหลักพักเสียก่อน ถ้าพวกเจ้ารีบก็เข้าไปก่อนเลย”
“ไม่รีบร้อนหรอก” กู้หยวนหมิงถือโอกาสนั่งลง มองเยี่ยนอวี๋ที่กำลังป้อนข้าวลูก จากนั้นจึงสนทนากับอินหลิวเฟิงต่อ “ฉะนั้นมังกรทอแสงตัวนั้นเข้าไปในถ้ำแห่งนี้หรือ”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่เรากำลังไล่ล่ามังกรทอแสงน่ะถูกต้องแล้ว” อินหลิวเฟิงพูดความจริง แต่เขาเองก็เดาว่ามังกรทอแสงได้เข้าไปแล้ว แต่สาเหตุที่คุณหนูใหญ่เยี่ยนยังไม่เข้าไป น่าจะไม่ใช่แค่เพราะลูกหิวข้าวเท่านั้น
“อย่างนั้นหรือ…” กู้หยวนหมิงก็เดาว่ามังกรทอแสงเข้าไปแล้ว แต่เขาไม่อาจแน่ใจได้ เหตุใดกลุ่มของอินหลิวเฟิงที่มาถึงก่อนกลับไม่เข้าไปก่อน
ตามหลักแล้ว เมื่อมีสมบัติล้ำค่าวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เว้นแต่จะมีภัยคุกคามร้ายแรง! ดังนั้น เขาคิดว่าควรรอต่อไปก่อนดีกว่า แล้วเข้าไปพร้อมกับพวกอินหลิวเฟิงจะดีที่สุด
ผู้ที่มีความคิดคล้ายกับเขา ยังมีเฉิงหมิงอีกคน แต่เฉิงหมิงชัดเจนมาก ตอนนี้เขาเสียเปรียบมาก คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเขาล้วนถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้น…
“ไปกันเถอะ!” เฉิงหมิงขบกรามแน่นตัดสินใจเข้าไปก่อน แล้วเดินบ่ายหน้าไปยังวิมานเทวาสถิต ซ้ำร้ายยังพูดเยาะเย้ยต่อบางคนว่า “อันตรายนำมาซึ่งความมั่งคั่ง คนขี้ขลาดตาขาวพวกนี้ไม่กล้าเข้าไป เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปกันก่อน”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบนความสนใจมองไปที่กลุ่มของเฉิงหมิง พยายามกลิ้งเข้าไปหา ไม่ยอมให้คนพวกนั้นเข้าไป
เยี่ยนอวี๋กลับเหนี่ยวตัวเขาแล้วพูดว่า “เจ้ากินข้าวให้หมดเสียก่อน”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าลูบท้องเล็กๆ บอกเป็นความหมายว่าเขาอิ่มแล้ว!
เยี่ยนอวี๋มองเขาอย่างไม่เชื่อ ฉะนั้นเจ้าตัวเล็กจำใจต้องกินข้าวต่อจวบจนกระทั่งเขากินข้าวต้มบดจนเกลี้ยง เขาอิ่มจน ‘เรอ’ ออกมา เยี่ยนอวี๋จึงให้เม่ยเอ๋อร์เก็บข้าวของเตรียมออกเดินทาง
อินหลิวเฟิงรู้สึกสงสัยตงิดๆ บางทีเขาอาจประเมินความคิดของคุณหนูใหญ่เยี่ยนผิดไป “ข้าว่า จื่ออวี๋ ท่านคงไม่ได้หยุดพักเพราะลูกของท่านหิวหรอกกระมัง”
“มิเช่นนั้นล่ะ” เม่ยเอ๋อร์ถามกลับแทนคุณหนูใหญ่ของนาง
“…” อินหลิวเฟิงเงียบ
ส่วนเยี่ยนอวี๋กลับอุ้มลูกที่กินอิ่มแล้ว เดินไปที่ทางเข้าวิมานเทวาสถิตอีกครั้ง
กู้หยวนหมิงส่งสัญญาณไปยังลูกน้องของเขาทันที ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น! เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนที่กระจัดกระจายก็ทยอยกลับมารวมตัวกัน โดยไม่ขาดหายไปแม้แต่คนเดียว
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ได้เข้าไปในวิมานเทวาสถิตแล้ว
อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ ตามไปทันที
ลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนต่างก็มองไปที่กู้หยวนหมิงเป็นตาเดียว “ชุนซิ่นจวิน?”
กู้หยวนหมิงเพ่งพินิจแผ่นหลังของกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า แล้วจึงออกคำสั่ง “เฉินเสวี่ย เฉินจี๋เจ้าสองพี่น้องคอยอยู่ที่นี่ อีกกลุ่มหนึ่งตามหาเหยาหลินต่อ ส่วนอีกกลุ่ม…หากพวกข้าไม่ออกมา พวกเจ้าจงรีบกลับรายงานที่สำนักซะ แล้วพึงจำไว้ว่าอย่าเข้าไปในวิมานเทวาสถิตโดยพละการเด็ดขาด!”
“เจ้าค่ะ!” เฉินเสวี่ยและเฉินจี๋ที่ได้รับคำสั่งเป็นลูกศิษย์สายตรงของสำนักเหยาไถเซียน พวกนางเข้าใจเหตุผลที่กู้หยวนหมิงต้องจัดการเช่นนี้
กู้หยวนหมิงจึงพาคนของสำนักเหยาไถเซียนสามสิบถึงสี่สิบคนเข้าไปในวิมานเทวาสถิตด้วยกัน
…
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกอุ้มอยู่ด้านหน้าสุด สนใจความมืดมิดบริเวณรอบๆ เป็นอย่างมาก บางครั้งก็ยื่นมือออกมา ‘สัมผัส’ รอบๆ
นั่นเป็นเหตุให้อินหลิวเฟิงที่ตั้งใจจะจุดตะบันไฟให้สว่าง จำต้องเก็บตะบันไฟสอดไว้ในอกเงียบๆ บรรพบุรุษตัวน้อยชอบความมืดมาก ดังนั้นเขาไม่จุด ‘ไฟ’ จะดีกว่า
ขณะที่เยี่ยนอวี๋กำลังลูบศีรษะอันเงาวับของลูกอยู่นั้น นางได้ปลดปล่อยประสาทสัมผัสออกไป สัมผัสได้ถึงตำหนักไท่ชางที่ตายไปแล้ว จิตเหนือสำนึกของนางจึงเดินตามวิมานเทวาสถิตไป บุกบั่นไปทั่วทุกสารทิศอย่างคุ้นเคย กระทั่งถึงที่ที่นางเคยหลับใหลในอดีต
หึ่ง!
ลมปราณเหี้ยมโหดกลุ่มหนึ่งฮึดกระชั้นเข้ามา! จู่โจมเยี่ยนอวี๋ทันทีที่สิ้นสุดแนวสัมผัสของนาง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จึงไม่ทันได้ป้องกัน ทำให้นางผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ฟิ้ว!
แสงจ้าอันสว่างร้อนแรงสายหนึ่ง! กลับพุ่งเข้าที่กึ่งกลางคิ้วของเยี่ยนอวี๋ในเวลานั้นทันที!
ฟึบ…