“เอ้อร์เหมา!”
“ขอรับ!”
“เปิดฉากต่อสู้!” อินหลิวเฟิงกระจ่างใจดีว่าจะปล่อยให้มังกรทอแสงระเบิดออกมาไม่ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาทุกคนต้องจบสิ้นกันหมดแน่ ตลกแล้ว! นั่นคือมังกรทอแสงโบราณ ยามที่มันลืมตาจะทำให้นภาสว่างไสว และสามารถส่งคนขึ้นสวรรค์ได้! ทว่ายามที่มันหลับตาจะทำให้นภามืดมิด และสามารถส่งคนลงนรกได้!
สรุปแล้วก็คือ อย่าปล่อยให้มัน ‘ลืมตา’ เด็ดขาด! มิเช่นนั้นไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ล้วนจบลงด้วย ‘ความตาย’ เช่นเดียวกัน
องครักษ์ของเมืองโยวตูก็เข้าใจเหตุผลข้อนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงฉีกผนึกออกและระเบิดพลังอย่างเชื่อฟัง แปลงกายเป็นพญาครุฑต้าเผิงตนหนึ่งที่มีสีขาวดุจหิมะ…
“พญาครุฑขนหิมะ!” กู้หยวนหมิงอุทานด้วยความประหลาดใจ เขานึกไม่ถึงว่าองครักษ์ท่าทางซื่อบื้อที่ติดตามอินหลิวเฟิงคนนี้จะมีขุมพลังทางสายเลือดที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
อย่างไรก็ตามอินหลิวเฟิงได้ขัดจังหวะกู้หยวนหมิงที่อุทานด้วยความประหลาดใจทันที “ชุนซิ่นจวิน อย่าเพิ่งอวดภูมิความรู้เลย! รีบงัดวิชาที่พวกเจ้าชำนาญของสำนักเหยาไถเซียนออกมาเถอะ!”
“ได้” กู้หยวนหมิงก็รู้เช่นกันว่าสถานการณ์คับขัน แม้ว่าสตรีชุดดำที่อยู่ข้างหน้าจะแข็งแกร่งมาก ทว่าความแข็งแกร่งของมังกรทอแสงนั้น! มิอาจดูถูกได้เช่นกัน เขาก็ไม่กล้าปิดบังความสามารถที่แท้จริงเช่นกัน
ดังนั้นกู้หยวนหมิงจึงลอยตัวบนอากาศและเอาต้นหยกออกมาฉับพลัน ออกคำสั่งฉาดฉานชัดเจนว่า “ตั้งค่ายพงไพรเหยาไถเซียน!”
“เจ้าค่ะ!” ลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนต่างทยอยใช้หัวใจโลหิตของตัวเองออกมาเซ่น เพื่อจะปลดปล่อยแก่นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา! แล้วมารวมตัวกันที่ต้นหยกในฝ่ามือของกู้หยวนหมิง
“กำเนิดสวรรค์ เปิดแท่นเซียน!” กู้หยวนหมิงพนมมือเข้าด้วยกัน ทำปากขมุบขมิบร่ายคาถากระตุ้นต้นหยกอย่างต่อเนื่อง นิ้วหนึ่งก็บีบหัวใจโลหิตออกมาป้ายที่ต้นหยกสีขาวดุจหิมะ!
และอีกด้านหนึ่ง…
กี้!
เอ้อร์เหมาที่แปลงกายเป็นพญาครุฑขนหิมะนั้นได้บุกไปข้างหน้าและต่อสู้เคียงข้างกับเม่ยเอ๋อร์แล้ว!
“อัญเชิญ!”
“วิญญาณจิ้งจอกขาว!”
ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ทำร้ายตัวเองได้ เยี่ยนจื่อเสายังไม่สามารถอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง เขาจึงได้อัญเชิญวิญญาณจิ้งจอกขาวมหึมาตนหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
แต่นี่ไม่ใช่วิญญาณจิ้งจอกขาวธรรมดาตนหนึ่งเท่านั้น! แต่คือจิ้งจอกขาวสามหาง พลังการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าวิญญาณจิ้งจอกขาวธรรมดาร้อยเท่า!
ยิ่งไปกว่านั้น พรสวรรค์ของวิญญาณจิ้งจอกขาวมิใช่การต่อสู้! หากแต่เป็นการสร้างความสับสนให้กับศัตรู ดังนั้นหมอกสีขาวที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวมัน ได้ม้วนตัวเข้าไปในกระบอกตาของมังกรทอแสง ภายใต้การคุ้มกันของลมปราณแห่งเทพอสูรของเม่ยเอ๋อร์
หึ่ง!
หึ่ง! กระบอกตาของมังกรทอแสงที่เปล่งแสงวาบๆ นั้น เห็นได้ชัดว่าถูกชั้นของหมอกสีขาวรบกวน! แต่ขุมพลังของมังกรทอแสงนั้นทรงพลังเกินไป ไม่นานนักหมอกสีขาวเหล่านั้นก็ถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็วด้วยแสงสลัวที่มันปล่อยออกมา
ทว่า…
เอ้อร์เหมาสบโอกาสเหมาะ! ปรากฏตัวด้านหน้ากระบอกตาของมังกรทอแสง และพุ่งตรงไปยังกระบอกตาของมันอย่างโหดเหี้ยม “เอาจงอยจิกของพ่อไปกินซะ!”
และแล้ว…
มังกรทอแสงที่เพิ่งจะได้สติ! ก็ถูกเอ้อร์เหมาแห่งเมืองโยวตูเจาะกระบอกตา แสงสลัวภายในถูกจิกทะลุและสลายไปอย่างรวดเร็ว
โฮกกก
มังกรทอแสงคำรามพ่นเปลวเพลิงแห่งความเดือดดาลออกมา! ตาอีกข้างสว่างขึ้นในชั่วพริบตา!
อย่างไรก็ตาม…
“วิหคเทพเหยาหลิน โจมตี!”
วิหคเทพเหยาหลินที่กู้หยวนหมิงอัญเชิญมาได้กลายเป็นรังสีเทพ เจาะทะลุดวงตาอันเจิดจ้าของมังกรทอแสง! ระเบิดไอเทพสูงสุดออกมา
โฮกกก ทว่ามังกรทอแสงเหมือนจะรู้สึกบางอย่าง! ฉับพลันขุมพลังที่คำรามกลับอ่อนลง เปลวเพลิงที่คำรามออกมาได้กลายเป็นกระบอกตาอย่างสมบูรณ์ และรวดเร็ว
แต่น่าเสียดาย…
“ไปตายซะ!” เม่ยเอ๋อร์ที่ไม่ถูกยับยั้งไว้ นางปรากฏตัวต่อหน้ามังกรทอแสงทันที และเงื้อหมัดทุบหน้ามังกรทอแสง! ระเบิดเสียงดัง ตูมๆ ขึ้นทันที
อึก!
อึก! อึก…
มังกรทอแสงที่ไม่ทันระวังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กระบอกตาก็ถูกวิหคเทพเหยาหลินเจาะเข้าไป แสงสลัวภายในดับลงฉับพลัน! มันยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกจน ‘ลำตัว’ อันใหญ่โตชักกระตุก เพราะถึงอย่างไรแม้มันจะเกิดมาโดยปราศจากประสาทสัมผัสทั้งสี่ แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง
“ล้มลงไปซะ!” เม่ยเอ๋อร์สำแดงฤทธิ์เดชที่มีมหาศาลปานขุนเขาอย่างโหดเหี้ยม ตุบตับตุบตับ นางใช้กำปั้นระดมทุบตีมังกรทอแสงครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งมันนอนนิ่งไม่ไหวติง
กุ๊กๆ บรรดา ‘ไก่อ่อน’ ด้านหลังที่พยายามต่อสู้จนสุดความสามารถตลอดเวลาทำได้เพียงดู ‘สาวใช้’ ทุบตีมังกรทอแสงอย่างบ้าคลั่งด้วยความเคารพยำเกรง
อึก อึก! อึก…มังกรทอแสงที่ส่งเสียงร้องตลอดเวลา ถูกทุบตีจนกระทั่งเปลวไฟดับไปนานและกำลังจะตาย เยี่ยนอวี๋จึงกล่าวว่า “พอแล้ว”
ตุบ! เม่ยเอ๋อร์ทุบอีกครั้ง แล้วจึงชักมือกลับพร้อมกับส่งเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วกลับมาอยู่ข้างกายเยี่ยนอวี๋เช่นเดิม
และมังกรทอแสงตนนั้น เป็นธรรมดาที่มันจะ ฟิ้ววว วิ่งหนีไปโดยไม่รีรอ! มารดามันเถอะ! ขืนไม่วิ่งหนีในเวลานี้แล้วจะหนีเวลาใด บัดซบ…น่ากลัวยิ่งนัก! ลูกน้อยเจ็บเหลือเกิน…
ฮึกฮือๆ…คลับคล้ายคลับคลาว่ามังกรทอแสงจะวิ่งไปร้องไห้ไป มันทำให้อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ จินตนาการไปไกล พวกเขาต่างก็คิดว่า ที่แท้มังกรทอแสงก็ร้องไห้เป็นหรือนี่
อย่างไรก็ตาม มีศิษย์หญิงของสำนักเหยาไถเซียนคนหนึ่ง นางสังเกตเห็นสิ่งที่ ‘ไม่ถูกต้อง’ ได้อย่างรวดเร็ว เอ่ยถามโดยไม่รู้ตัวว่า “ทำไมถึงปล่อยมันไป! รีบไปจับมันกลับมาสิเจ้าคะ!”
“ถูกต้อง! เช่นนั้น…” ศิษย์หญิงอีกคนของสำนักเหยาไถเซียนรีบกล่าวคล้อยตามอย่างเห็นด้วย
กู้หยวนหมิงตำหนิทันที “หุบปาก! พวกเราอยู่ในฐานะใด ความสามารถเช่นไร มีสิทธิ์อะไรไปบงการผู้แข็งแกร่งกัน”
“พวก…พวกเรา…” ลูกศิษย์หญิงเหยาไถเซียนลนลานรีบคุกเข่าลงกับพื้น แม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่พวกนางยังพอมีสมองคำนึงถึงความแข็งแกร่งของเม่ยเอ๋อร์ได้ จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
อย่างไรก็ตามยังมีศิษย์หญิงคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ พูดโพล่งออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “แต่พวกเราทุกคนช่วยกันออกแรงล้มมังกรทอแสงมาได้ ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด! ลำพังแค่นางคนเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะมังกรทอแสงได้มิใช่หรือเจ้าคะ แล้วเช่นนั้นนางมีสิทธิ์อะไรไปปล่อยมังกรทอแสงกันเล่า!”