“ถูก…” ลูกศิษย์หญิงส่วนหนึ่งของสำนักเหยาไถเซียนต่างก็มีความคิดคล้อยตามคำพูดเหล่านี้ ทว่าทันทีที่พวกเขาส่งเสียงก็ได้ยินเสียง เพียะ ดังขึ้น คนที่โดนตบลอยหวือทันที
กรี๊ดดด เสียงกรีดร้องโหยหวนค่อยๆ ดังจากโถงทางเดิน กระทั่งเสียงดัง ปังงง กระทบกับผนังก่อนจะหายไป ใครบางคนตกกระทบพื้นเสียงดัง ตุบ สิ้นข่าวคราว ไม่มีใครรู้ว่าเป็นหรือตาย
และเม่ยเอ๋อร์ผู้เล่นงานศิษย์หญิงปากเสียของสำนักเหยาไถเซียน นางกวาดสายตามองลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนทุกคนด้วยสายตาเย็นชา ถามเน้นทีละคำว่า “ใครไม่พอใจอีก?”
…เอื้อกกก เหล่าศิษย์หญิงของสำนักเหยาไถเซียนต่างกลืนน้ำลายอย่างนึกหวาดหวั่น เพราะใครบางคนที่ถูกเล่นงานกระเด็นไปเมื่อครู่ คือผู้ฝึกกระบี่ที่นับได้ว่าเป็นคนที่มีฌานตบะอยู่ในขั้นแรกเริ่ม ซึ่งอยู่ในขั้นที่สูงที่สุดในบรรดาพวกเขาแล้ว
คงเป็นเพราะคิดว่าตนมีกองกำลังที่ไม่เลว คนผู้นั้นจึงใจร้อนทำอะไรไม่ยั้งคิดเช่นนี้ได้ และท้าทายเม่ยเอ๋อร์อย่างโจ่งแจ้ง กลับคิดไม่ถึงว่าเม่ยเอ๋อร์นึกจะตีก็ตีเลย
และกู้หยวนหมิงไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่าเขายอมจำนนต่อบทเรียนที่เม่ยเอ๋อร์สั่งสอนศิษย์น้องร่วมสำนัก ความจริงเขาก็ยอมรับเป็นนัยๆ แล้ว ดังนั้นเวลานี้เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “น่าขายหน้านัก”
“ชุนซิ่นจวิน…” ศิษย์หญิงหลายคนใบหน้าร้อนผ่าว
น้ำเสียงของกู้หยวนหมิงเย็นชากว่าเดิม “ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์ในสำนักเหยาไถเซียน แต่วิสัยทัศน์กลับคับแคบ วาจาที่กล่าวก็ยิ่งไร้น้ำหนัก”
พรึบบบ! ลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนคุกเข่าลงด้วยความละอายใจ
กู้หยวนหมิงไม่ได้พูดอะไรอีก ทว่าเขาก็ไม่ได้บอกให้ศิษย์ร่วมสำนักยืนขึ้น หากแต่ก้าวไปข้างหน้าและประสานมือโค้งคำนับเม่ยเอ๋อร์ “ทำให้แม่นางขบขันแล้ว”
“หึ!” เม่ยเอ๋อร์ส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ความจริงนางยังอารมณ์เสียอยู่มาก นางหวังจริงๆ ว่าคนพวกนี้จะสร้างปัญหาต่อ นางจะได้ปลดปล่อยมือและเท้าให้เป็นอิสระไปเล่นงานคนได้อีก
“ไปกันเถอะ” เยี่ยนอวี๋ปรายตามองกู้หยวนหมิงแวบหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับการจัดการของเขาดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินนำไปด้านหน้า
แต่คราวนี้เยี่ยนจื่อเสาปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมให้เยี่ยนอวี๋เดินนำอยู่ข้างหน้า เขาต้องเป็นคนเดินนำหน้าสุด “ถ้าต้องเลี้ยวซ้ายขวาหรืออะไรก็แล้วแต่ น้องเล็กบอกข้ามาได้เลย”
“…ได้” เยี่ยนอวี๋ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมให้เยี่ยนจื่อเสาเดินนำหน้า แต่นางมีความรู้สึกว่าหลังจากนี้น่าจะราบรื่นแล้ว
และความจริงก็เป็นตามที่เยี่ยนอวี๋คาดการณ์ไว้ การเดินทางครึ่งชั่วยามหลังจากนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพียงแต่ในวิมานเทวาสถิตเริ่มมีทางแยกมากขึ้น
มีทางแยกบางช่วงที่ไม่อยู่ในความทรงจำของเยี่ยนอวี๋ ดังนั้นนางจึงนั่งระลึกความทรงจำให้แน่ใจเสียก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ
“แม่นางเยี่ยน ดูเหมือนท่านจะคุ้นเคยกับเส้นทางในนี้ดีนะ?” กู้หยวนหมิงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ อันที่จริงเขาอยากจะถามคำถามนี้มานานแล้ว เพราะเยี่ยนอวี๋ดูเหมือนจะรู้จักทางเดินของที่นี่เป็นอย่างดี
“ใช่” เยี่ยนอวี๋ไม่ปฏิเสธ
อินหลิวเฟิงพูดทันทีว่า “ทำไมท่านถึงรู้ทุกอย่าง อย่าบอกนะว่าตอนที่ท่านซื้อตำรา ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ ฉบับของตำหนักไท่ชาง พวกเขาได้มอบ ‘แผนที่ตำหนักไท่ชาง’ ให้ท่านด้วย และวิมานเทวาสถิตแห่งนี้ก็คือตำหนักไท่ชาง”
“ฮะ?” กู้หยวนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ “ ตำรา ‘ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน’ ฉบับตำหนักไท่ชางและ ‘แผนที่ตำหนักไท่ชาง’ อย่างนั้นหรือ” นี่มันเรื่องอะไรกัน!
อย่างไรก็ตาม…
“ใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้ายืนยัน
“ฮ่าๆ!” ศิษย์หญิงของสำนักเหยาไถเซียนหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ยังจะบอกอีกว่า ‘ใช่’ คุณหนูใหญ่เยี่ยน ท่านเป็นดั่งข่าวลือจริงๆ…ไร้เดียงสา” โง่เขลา! เหมาะสมแล้วกับคำว่าแจกันประดับไร้สมอง!
แต่อินหลิวเฟิงไม่คิดอย่างนั้น จึงพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านเอาแผนที่มาให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่” บางทีมันอาจจะจริงก็ได้!
“ไม่ได้เอามา” ว่าพลางเยี่ยนอวี๋ก็ยืนขึ้นอีกครั้ง ปลดปล่อยประสาทสัมผัสออกไปอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้แตะต้อง ‘เจตนาฆ่า’ อันไม่รู้จักเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามนางเพิ่งจะปล่อยประสาทสัมผัสออกไป เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของนางก็ส่งเสียง “อ้ะ” และคว้าปกเสื้อของมารดา ยกมือขึ้นโบกอยู่ไหวๆ ไปยังทางเดินหนึ่ง
เยี่ยนอวี๋จึงกอดลูก เดินไปตามเส้นทางที่ลูกชี้บอก
“จื่ออวี๋?” อินหลิวเฟิงสับสนเล็กน้อย!
เม่ยเอ๋อร์กับเอ้อร์เหมากลับเดินตามไปแล้ว
เมื่ออินหลิวเฟิงเห็น เขาก็ได้แต่ต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้พร้อมกับพูดว่า “จื่ออวี๋ คราวนี้ท่านเดินสบายขนาดนี้เชียวหรือ ลูกท่านชี้ส่งเดช! ท่านก็ตามไปเช่นนี้เลย?”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้ที่ถูกเอ่ยถึงส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจ และ “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” แสดงอาการว่า ‘เป่าเป่าไม่ได้ชี้ส่งเดชเสียหน่อย! เจ้าคนโง่เง่า!’
อินหลิวเฟิงที่ดูเหมือนจะฟังเข้าใจ เขารีบกล่าวอย่างยอมจำนน “เอาล่ะ บรรพบุรุษน้อย ข้าผู้นี้พูดผิดไปแล้ว เจ้าไม่ได้ชี้ไปอย่างส่งเดช ข้าเชื่อเจ้าแล้ว ข้าผิดไปแล้ว”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วนอนต่อในอ้อมแขนของมารดา
แต่กู้หยวนหมิงไม่รู้โดยสิ้นเชิง เขาไม่รู้ว่าควรตามไปต่อดีหรือไม่ และศิษย์ร่วมสำนักของเขาต่างก็แสดงออกว่า “ชุนซิ่นจวิน พวกข้าไม่อาจหลับตาติดตามไปได้นะเจ้าคะ คนกลุ่มนี้ไม่น่าเชื่อถือ!” ต่างก็เล่นเป็นเด็กไปได้
กู้หยวนหมิงย่อมรู้สึกว่าเยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ มีความน่าสงสัยในการเล่นเป็นเด็กๆ กอปรกับการตรึกตรองพิจารณาถึงเหตุผลด้านอื่น เขาพูดด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “พวกเจ้าสำรวจทางอื่นดู”
“เจ้าค่ะ! ชุนซิ่นจวิน” ลูกศิษย์ของสำนักเหยาไถเซียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขากลัวว่าชุนซิ่นจวินของพวกเขาจะตามคนที่มีความคิดประหลาดพวกนั้นไปแล้วเดินไปสู่ความมืด แต่โชคดีที่ชุนซิ่นจวินไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และอินหลิวเฟิงที่เดินไปไกลแล้ว เขาพูดกับเยี่ยนอวี๋เสียงเบาอย่างตื่นเต้นว่า “สลัดทิ้งได้เสียที!”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋ปรายตามองเขา
จากนั้นอินหลิวเฟิงก็ตระหนักได้ว่าเขาเข้าใจผิดไป “ท่านต้องการสลัดพวกเขาทิ้งไป จึงจงใจให้ลูกของท่านนำทางไม่ใช่หรือ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราไม่น่าเชื่อถือไม่ใช่หรือ”
“…” เยี่ยนอวี๋อ้าปากกำลังจะบอกว่า ‘ไม่ใช่’ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง หึ่งงง อยู่ข้างหน้า ทำให้นางหยุดโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม…