เยี่ยนเสี่ยวเป่าพลิกตัวคว้าขอบเตียงทันที เขาพยายามลุกขึ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง! มองไปรอบๆ “อ้ะเนะเนะ!”
“อ้ะเนะเนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยายามมองไปรอบๆ! แต่ไม่พบใคร? แต่เห็นๆ อยู่ว่าเขาสัมผัสได้แล้ว กลิ่นอายของท่านพ่อรูปงามอย่างไรล่ะ!
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งเสียงเรียกเบาๆ หลายครั้ง “อ้ะเนะเนะ อ้ะเนะเนะ?” ราวกับว่ากำลังพูดว่า ‘ท่านพ่อ! ท่านมาแล้วใช่ไหม ท่านมาแล้วหรือ’
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตอบกลับเจ้าตัวเล็กมีเพียงความเคลื่อนไหวในการฝึกฝนของมารดาเท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น…
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายของต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักที่อยู่ข้างนอกจะไม่ตอบสนอง จริงๆ แล้วหัวใจของเขารู้สึกประหลาดใจเหลือประมาณ
เพราะจิตเหนือสำนึกของเขาทำให้เขาสัมผัสได้ หลังจากที่จิตเหนือสำนึกของเขาแทรกซึมเข้าไปในห้องที่เยี่ยนอวี๋อยู่ ก็มีขุมพลังจางๆ กลุ่มหนึ่ง คึกคักขึ้นมาทันที
“เป็นเจ้าก้อนสกปรกนั่นเอง” ซือมิ่งรูปงามเค้นเสียงออกมาเบาๆ เคาะหัวเข่าตัวเองเบาๆ นัยน์ตาเป็นประกาย “เขาอ่อนไหวต่อลมปราณของข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ”
ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักปิดเปลือกตาลง เขารวบรวมจิตเหนือสำนึกของเขาไปข้างๆ เจ้าก้อนสกปรกนั่น จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าเจ้าก้อนตื่นเต้นมาก!
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้นมากจริงๆ กำลังจะกลิ้งออกจากเตียง แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าลมปราณหลักของพ่อพ่อรูปงามของเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่คล่องตัวมาก เขารู้สึกว่าพ่อพ่อรูปงามอยู่ใกล้เขา?
“อ้ะเนะเนะ!?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคว้าจับไปทุกทิศทุกทาง แต่แน่นอนว่าเขาจับไม่ได้อะไร แต่เขาไม่อยากยอมแพ้และคว้าต่อไป! จับ! จับ!
ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักลืมตาทั้งคู่ ดวงตาเหมือนมีดวงดาวกระจายฉายแวบไปอย่างรวดเร็วราวสายน้ำไหล จิตเหนือสำนึกที่เขาปลดปล่อยไปในห้องนั้นก็ถูกอำพรางไว้เช่นกัน
จากนั้นเขาก็พบว่าความคึกคักของเจ้าก้อนนั่นลดลงไม่น้อย แต่ก็ยังคึกคักอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถสังเกตเห็นเขาได้ แต่เพราะเขา ‘อำพราง’ ไว้ จึงอ่อนลงไปบ้าง
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ริมฝีปากของต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักยกขึ้นเบาๆ และคิ้วก็เลิกขึ้นเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน…
“เสี่ยวเป่า” เมื่อรู้สึกว่าลูกกระสับกระส่ายมาก เยี่ยนอวี๋จึงเบนความสนใจออกระหว่างฝึกฝน เอื้อมมือไปลูบเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนเตียง
“อ๊า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับมือมารดาของตนอย่างตื่นเต้น แล้วเล่าเรื่องว่า “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!…” ‘ท่านพ่ออยู่นี่แล้ว! ท่านพ่อรูปงามของข้ามาแล้ว! ท่านแม่รีบช่วยข้าจับท่านพ่อรูปงามเร็วๆ!’
เยี่ยนอวี๋กลับไม่รู้ว่าลูกกำลังพูดถึงอะไร นางยังคงลูบศีรษะโล้นเกลี้ยงน้อยๆ ของลูก พลางเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนแรง “อย่าออกมาจากเตียง ตัวเปรอะเปื้อนแล้วจะไม่หล่อนะ”
“อ้า!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงชักขากลับ ขาเล็กๆ อันอ้วนป้อมที่พาดอยู่บนโครงเตียงแล้ว จ้องไปที่มารดาตาโต พูดว่า “อ้ะเนะเนะ” เป็นความหมายว่า ‘ท่านแม่อุ้มข้า’
“แม่ยังไม่เสร็จ รอแม่ประเดี๋ยวเดียว แล้วจะอุ้มเสี่ยวเป่าออกไป ตกลงไหม” คราวนี้คำตอบของเยี่ยนอวี๋ ถือเป็นคำตอบสำหรับคำถามของเยี่ยนเสี่ยวเป่า
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ยังเชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น มองไปรอบๆ อย่างกังวลใจ แต่เขาก็ยังล้มตัวนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟัง “อ้ะเนะเนะ!” เอาล่ะ รอท่านแม่ดีกว่า
เมื่อนั้นเยี่ยนอวี๋จึงรวบรวมสติแล้วฝึกฝนต่อ และเวลานี้อนุสติของนางได้ควบแน่นเป็นแสงสีม่วงเหลือบดำที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อปราณกระบี่ไท่ชางตกลงมา!
เคร้ง! อนุสติของเยี่ยนอวี๋เห็นเป็นรอยแตกเป็นริ้วถี่ยิบ ไม่พังทลายอีกแล้ว! ลมปราณที่นางปลดปล่อยออกมาทั้งหมด ทำให้ปรากฏเป็นภาพลวงตาอันลึกลึบและไม่อาจคาดเดาได้
นับตั้งแต่การพ่ายแพ้ไม่เป็นท่ามในการโจมตีเพียงครั้งเดียว จนกระทั่งการต้านทานพื้นฐานในตอนนี้ เยี่ยนอวี๋ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งวัน และความแข็งแกร่งของพลังจิตใจนางในปัจจุบัน เกือบจะเหนือกว่าผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานทั่วไปแล้ว
แต่ความคืบหน้านี้ นางต้องแลกมาด้วยการพังทลายของอนุสติหลายต่อหลายครั้ง! คนทั่วไปอาจประสบการพังทลายของอนุสติ แล้วก่อรูปขึ้นใหม่ได้ครั้งหรือสองครั้ง แต่ไม่มีทางทำได้อย่างเยี่ยนอวี๋ ที่ต้องประสบเจอเหตุการณ์นี้กว่าร้อยครั้ง
เพราะไม่มีใครมีพลังจิตใจแน่วแน่เหมือนเยี่ยนอวี๋ แม้ว่าทะเลกลายเป็นทุ่งนา โลกาวินาศ ดวงดาราเคลื่อนคล้อย เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงก็ยังคงนิ่งสงบ สุขุมดังเดิม
…
สามวันต่อมา ณ ตี้ชิว
ก่อนที่ฎีการ้องทุกข์จากลัทธิเซิ่งเหลียนจะถูกส่งไปยังตี้ชิว หยางเฟิ่งหยวนผู้เป็นอัครเสนาบดีของราชสำนักได้รับฎีกาด่วนจากเฉาหมิงเฉิงผู้ที่ไปคัดเลือกสาวงามจากเขตชางอู๋
แน่นอน ก่อนที่ฎีกาของเฉาหมิงเฉิงจะถูกส่งมา อัครเสนาบดีหยางก็ได้รับรายงานข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของเจ้าสำนักชางอู๋ว่าเขามีเลือดของมนุษย์วานรหวาไหวอยู่ในตัว
แต่ผลการประชุมของราชสำนักก่อนหน้านั้นได้ตัดสินแล้ว ล้วนเป็น…เรื่องที่มีความเกี่ยวพันกับหลายฝ่าย จำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียด!
แต่ตอนนี้…
“ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ใด ข้าต้องการเข้าเฝ้า” หยางเฟิงหยวนเชื่อมั่นว่าด้วยอารมณ์ฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ทันทีที่เฉาหมิงเฉิงถวายฎีกาฉบับนี้ขึ้นไป ราชสำนักจะส่งกองกำลังไปจัดการสำนักชางอู๋ทันที!
เมื่อถึงเวลานั้น สำนักคุนอู๋ย่อมสามารถเก็บของบางอย่างของสำนักชางอู๋เข้ากระเป๋าได้! ผ่านไปหลายปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเอาคืน
และการขอเข้าเฝ้าของหยางเฟิ่งหยวนได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว เขารีบนำฎีกาที่เหยาหมิงเฉิงนำไปถวายให้หยวนคังตี้ องค์จักรพรรดิของพวกเขาทันที
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเค่อ ก็ได้ยินเสียงพิโรธดังออกมาจากท้องพระโรง “ถ่ายทอดคำสั่งเรียกผู้บัญชาการทหารม้า!”
“ถ่ายทอดคำสั่ง เชิญผู้บัญชาการทหารม้า!”
“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฝ่าบาทจึงทรงมีพระบัญชา สำนักชางอู๋ไม่เคารพราชสำนัก เข่นฆ่าขุนนาง ละเลยราชทูต ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังไม่สำนึก บัดนี้จึงงมีราชโองการให้ผู้บัญชาการเดินทางไปยังชางอู๋ คุมตัวเจ้าสำนัก ขจัดความวุ่นวายให้ถูกต้อง”
ทันทีที่ราชโองการถูกส่งออกไป! ทุกคนทั้งในและนอกราชสำนักต่างรู้ว่าสำนักชางอู๋ต้องจบสิ้นแน่นอน และจะต้องถูกผนวกรวมกับสำนักคุนอู๋
แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ในเวลาเดียวกันกับที่องค์จักรพรรดิทรงมีพระราชโองการ!
ณ สำนักหมอหลวง…