จดหมายพิเศษอันล้ำค่ายิ่งกว่าล้ำค่า ถูกส่งมายังโต๊ะของผู้มีตำแหน่งเป็นสู่เจิ้งของสำนักหมอหลวง
แต่ในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบถึงเนื้อความของจดหมายฉบับนี้
แม้แต่คนจากสำนักหมอหลวง พวกเขาก็ทราบเพียงแต่ว่าจดหมายฉบับนั้นมี ‘ตราประทับต้นอู๋ถง’ โดยที่ใต้เท้าสู่เจิ้งได้ฝากฝังเอาไว้ก่อนที่จะเก็บตัวฝึกฝน ว่าเมื่อใดที่มีตราประทับของจดหมายเช่นนี้ส่งมา จะต้องส่งถึงมือของเขาโดยเร็วที่สุด อย่าให้ล่าช้าแม้เพียงนาทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจะเชื่อมโยงจดหมายนี้กับสำนักชางอู๋ที่คิดว่ากำลังจะจบสิ้นแล้ว ดังนั้นผู้บัญชาการทหารม้าที่ได้รับราชโองการก็รับบัญชาทันที “กระหม่อม น้อมรับบัญชา!”
นอกจากนี้ เมื่อเฉิงโค่วรับราชโองการของหยวนคังฮ่องเต้แล้ว เขายังได้รับคำแนะนำจากอัครเสนาบดีหยาง “ผู้บัญชาการเฉิง บังเอิญว่าบุตรชายของข้าก็อยู่ที่ชางอู๋ หลังจากที่เจ้าปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้วก็พาบุตรชายของข้ากลับเมืองหลวงด้วยเลย”
“ขอบคุณใต้เท้าหยาง ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เฉิงโค่วรู้ดีว่าที่บุตรชายของเขาสามารถไปปราบจิตวิญญาณมังกรทอแสงที่เขตชางอู๋ได้นั้น ล้วนต้องอาศัยบุคคลชั้นนำของสำนักชางอู๋ที่เป็นผู้ไว้หน้าเขา
แน่นอนว่าครั้งนี้เขาจะปฏิบัติภารกิจที่สำนักชางอู๋อย่างงดงาม เพื่อให้สำนักคุนอู๋สามารถครอบครองสำนักชางอู๋ได้อย่างราบรื่น! ในอนาคตบุตรชายของเขาจะมีโอกาสมากขึ้น
เพียงแต่เฉิงโค่วในตอนนี้ไม่รู้ว่าลูกชายที่โชคร้ายของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาจึงนำทัพทหารไปอย่างเต็มใจ เตรียมกวาดล้างสำนักชางอู๋ในคราวเดียว!
…
ในเวลาเดียวกัน ภายในเขตชางอู๋ หยางเซ่าเหิงกำลังเร่งเดินทางไปที่ในเมืองหลวงตี้ชิวอย่างยากลำบาก เขารู้ได้ทันทีว่าราชสำนักจะมีคำสั่งให้ส่งกองกำลังไปปราบปรามสำนักชางอู๋และจับกุมสำนักชางอู๋
นั่นทำให้เขาพอจะวางใจได้บ้าง แต่ขณะนี้เขาก็ยังไม่หยุด! เดิงตรงไปยังสำนัก และสำนักคุนอู๋ก็ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองทางเหนือของตี้ชิว
ดังนั้น หยางเซ่าเหิงและพรรคพวกจึงกลับมาถึงสำนักคุนอู๋ในไม่ช้า หยางเซ่าเหิงรีบขอพบบิดาของเขาทันที นั่นก็คือหยางถิงซานผู้เป็นเจ้าสำนักคุนอู๋คนปัจจุบัน
หลังจากฟังรายงานจากลูกชายของเขาแล้ว หยางถิงซานขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวสรุป “ถ้าอย่างนั้น เจ้าสงสัยว่าในสำนักชางอู๋ นอกเหนือจากเยี่ยนหงชวนตาเฒ่าไม่ยอมตายแล้ว ยังมีผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเพิ่มมาอีกหนึ่ง”
“ขอรับ” หยางเซ่าเหิงมั่นใจ
หยางถิงซานกลับไม่ได้ประหม่า เขายิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อก็จะให้อาเล็กของเจ้านำกองกำลังมุ่งหน้าไปที่สำนักชางอู๋ก่อน”
“แค่เพียงอาเล็กยังไม่ปลอดภัยพอ ต้องให้ผู้อาวุโสสามไปกับข้าด้วย เผื่อไว้ก่อนขอรับ” หยางเซ่าเหิงแนะนำพร้อมกับพูดอธิบาย “ลูกอยู่ที่ชายแดนตะวันตกของสำนักชางอู๋ ครั้งหนึ่งเคยสัมผัสได้ถึงลมปราณของผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ถ้าสำนักชางอู๋ใช้คนผู้นี้ เช่นนั้น…”
“น่าสนใจ” หยางถิงซานยิ้ม นัยน์ตาฉายประกายแห่งความทะเยอทะยาน “ชางอู๋ที่ซึ่งแต่เดิมไม่มีชื่อเสียง อยู่อันดับล่างสุด ตอนนี้มีผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเพิ่มมาถึงสองคนติดๆ หรือว่าพวกเขาถอดเคล็ดวิชาลับได้แล้ว”
“ลูกคิดว่าเป็นไปได้มาก แม้ว่าจะถอดสารลับไม่ได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็น่าจะถอดสารลับได้หนึ่งถึงสองในสิบส่วน ไม่เช่นนั้น จะอัญเชิญจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางได้อย่างไร นั่นเป็นแก่นวิญญาณอสูรระดับสูงในตำนาน ไม่อยู่ภายใต้ซีหวังหมู่” หยางเซ่าเหิงกล่าวอย่างระมัดระวัง
“ดีมาก” หยางถิงซานมองลูกชายของเขาด้วยความพึงพอใจ
แม้ว่าหยางถิงซานจะมีลูกชายหลายคน แต่คนที่เขาชอบที่สุดคือลูกชายคนที่หกคนนี้ เด็กคนนี้ไม่เพียงมีพรสวรรค์ ความทะเยอทะยาน และปณิธาน แต่ยังรอบคอบ ระมัดระวัง และพิถีพิถันอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่บ้าง แต่ลูกก็ยังเยาว์วัย เขามีเวลาพอที่จะค่อยๆ สอนเด็กคนนี้ ให้เขาได้เติบโตมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นเจ้าสำนักคุนอู๋ และเซ่าซือมิ่งคนต่อไปของต้าซย่า!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยางถิงซานจึงถามเป็นการทดสอบว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่า หากไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด ส่งผู้อาวุโสสามไปก็เพียงพอแล้วกระนั้นหรือ”
หยางเซ่าเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “หากไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด เกรงว่าจะต้องเชิญผู้พิทักษ์อัคคีเพิ่มอีกสองคน มากักขังปรมาจารย์วิญญาณของสำนักชางอู๋”
“ยังไม่พอ” หยางถิงซานส่ายศีรษะ “นี่เป็นโอกาสที่สำนักเราต้องชนะให้ได้ หากเสียโอกาสนี้ไป สำนักเราจะไม่มีโอกาสได้เคล็ดวิชาลับชางอู๋กลับมา”
“ท่านพ่อ?” หยางเซ่าเหิงลืมตาขึ้นแล้วพูดด้วยความเข้าใจทันที “ฝ่าบาทก็ต้องการเคล็ดวิชาลับเช่นกันหรือขอรับ”
“มีใครบ้างในโลกนี้ที่ไม่ต้องการครอบครองเคล็ดวิชาลับชางอู๋ นั่นเป็นแก่นสำคัญที่หลังจากชางอู๋หักหลังสำนักคุนอู๋เรา แล้วยังสามารถก่อตั้งสำนักขึ้นได้ ทำให้บูรพาจารย์สำนักคุนอู๋ไม่สามารถทำอะไรได้!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หยางถิงซานบอกหยางเซ่าเหิงอย่างตรงไปตรงมาว่า “ครั้งนี้พ่อไม่เพียงแต่จะให้ผู้พิทักษ์อัคคีกับผู้พิทักษ์สายฟ้าร่วมเดินทางไปด้วยเท่านั้น แต่ยังได้เชิญบรรพบุรุษผู้อาวุโสให้ออกจากการเก็บตัวให้ร่วมเดินทางไปด้วย การเดินทางไปชางอู๋ในครานี้ คุนอู๋เราจะปล่อยให้พลาดไม่ได้”
“ขอรับ! ท่านพ่อ! เซ่าเหิงเต็มใจถวายชีวิตร่วมเดินทางด้วย!” หยางเซ่าเหิงวิงวอนด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหัน เพราะถึงอย่างไรโอกาสที่จะได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไม่ ตอนนี้ภารกิจสำคัญของเจ้าคือไม่ต้องเข้าร่วมในเรื่องธรรมดาพวกนี้ ที่พ่อจะให้เจ้าเดินทางไปคราวนี้ เพียงแต่หวังว่าเจ้าจะไม่ฝึกฝนโง่ๆ เหมือนเจ้าเด็กจากสำนักเหยาไถเซียนคนนั้น… เมื่อสติปัญญาความสามารถของเจ้าได้รับการพิสูจน์แล้ว สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือเร่งสร้างความสัมพันธ์กับซีหวังหมู่ให้มั่นคงโดยเร็วที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถอัญเชิญนางมาได้จริง จึงจะเหนือกว่าสำนักทั้งเจ็ด และเอาชนะพวกเขาให้ได้” หยางถิงซานกล่าวตามการจัดการของเขาเอง
“ขอรับ ท่านพ่อ” แม้ว่าหยางเซ่าเหิงจะรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝน แต่เมื่อเขาก้าวถอยหลัง ก็รู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย? เหมือนทัศนวิสัยจะพร่ามัวเล็กน้อย…
แม้ว่าหยางเซ่าเหิงจะไม่ใส่ใจมากนัก แต่คนที่กระทำการรอบคอบระมัดระวังอย่างเขา จึงไปตรวจอาการกับประมุขหอโอสถ และประมุขหอโอสถสำนักคุนอู๋ผู้นี้ก็เจอปัญหาจริงๆ
“ท่านบอกว่าข้าถูกวางยาพิษ?” หยางเซ่าเหิงค่อนข้างสงสัย