“ถูกต้อง” เฉินซ่านเฒ่าชราผู้เป็นประมุขหอโอสถของคุนอู๋ เป็นผู้หลอมโอสถที่อยู่ในระดับไม่ที่หนึ่งก็ที่สองของต้าซย่า ระดับความรู้ลึกซึ้งในวิถีแห่งโอสถและวิถีแห่งยาอายุวัฒนะนั้นเทียบเท่ากับผู้เป็นสู่เจิ้งแห่งสำนักหมอหลวง
ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าพิษที่หยางเซ่าเหิงถูกวางนั่นก็คือพิษไร้ร่องรอยซึ่งเป็นพิษประหลาดที่สูญหายไป
“พิษชนิดนี้ไร้ร่องรอยไม่สามารถสืบเสาะหาที่มาได้ เพราะมันไร้สีไร้กลิ่น ผู้ที่ถูกพิษนั้นจะไม่รู้สึกเลย มีเพียงอาการวิงเวียนศีรษะเป็นครั้งคราวเท่านั้น น้อยคนจะใส่ใจชั่วเวลาพริบตาเดียวที่รู้สึกเหมือนภาพหลอนนี้ แต่ตราบใดมันเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่ถูกพิษจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
เฉินซ่านใช้ชาวิญญาณบ้วนปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อล้างเลือดของหยางเซ่าเหิงที่เขาลิ้มรสสัมผัสเพื่อตรวจสอบออกไป และรีบกลืนยาล้างพิษคุณภาพสูงที่เต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว และด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“อินหลิวเฟิง!” หยางเซ่าเหิงคิดขึ้นมาทันที ในวันนั้นอินหลิวเฟิงหยุดรถม้าอย่างกะทันหัน จึงรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาถูกวางยาในขณะนั้น!
“เป็นเจ้าเด็กเมืองโยวตูที่ลงมือกับเจ้า?” เฉินซ่านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็กล่าวด้วยความคิดว่ามีแต่จะเป็นเช่นนี้ “ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วเมืองโยวตูจะไม่ปรองดองเหมือนภายนอกที่แสดงออกมา”
“เพราะข้าประเมินเขาต่ำเกินไป!” หยางเซ่าเหิงพูดกับตัวเองอย่างเย็นชา ถามอีกว่า “ไม่ทราบว่าประมุขหอเฉินมียาแก้พิษหรือไม่ขอรับ”
“ไม่มี แต่ว่าข้าสามารถค้นคว้าดูได้ ในช่วงเวลานี้ เจ้าทำได้เพียงใช้ยาล้างพิษก่อนเพื่อยับยั้งพิษ ห้ามใช้ฌานตบะเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าใช้พลังจิตใจ มันจะทำให้พิษกำเริบขึ้น” เฉินซ่านกล่าวเตือนสติอย่างจริงจัง
หยางเซ่าเหิงขมวดคิ้ว รู้อยู่แล้วว่าฌานตบะของเขาจะได้รับผลกระทบ แต่เขาก็รู้จักการวางตัว “เซ่าเหิงจะปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านอย่างเคร่งครัดขอรับ”
เฉินซ่านจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงไปหยิบยาลูกกลอนล้างพิษที่ดีที่สุดขวดหนึ่งยื่นให้หยางเซ่าเหิง และกำชับอีกครั้งโดยบอกให้เขาพักผ่อน ห้ามไม่ให้ใช้ฌานตบะ จากนั้นเขาก็รีบเก็บตัวไปวิจัยยาแก้พิษทันที
ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครรายงานเรื่องนี้ให้หยางถิงซานทราบ เฉินซ่านนั้นไม่มีเวลา หยางเซ่าเหิงรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เรียนวิชาการฝึกฌานมากเกินไป
…
ขณะที่สำนักคุนอู๋กำลังส่งกองกำลังและวางแผนที่จะใช้โอกาสในการยึดสำนักชางอู๋ การฝึกฝนของเยี่ยนอวี๋ก็สิ้นสุดลง
ซู่! ยามที่พลังงานกระบี่ไทชางกลุ่มหนึ่งได้จู่โจมอนุสติของเยี่ยนอวี๋ มันเหมือนกับก้อนหินที่จมดิ่งลงไปในทะเล ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเยี่ยนอวี๋ได้แม้แต่น้อย!
มีแสงสีม่วงเหลือบดำจางๆ ซึ่งค่อยๆ แพร่กระจายจากอนุสติของเยี่ยนอวี๋ไล่ระดับลงไปยังแขนขาทั้งสี่กับกระดูกของนาง และกระจายออกจากทุกอณูร่างกายของนาง ทำให้ ‘ห้องผุพัง’ ที่นางอาศัยอยู่ในเวลานี้ เกิดการเรืองแสงสว่างไสว
ด้วยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อินหลิวเฟิงที่นั่งยองๆ อยู่ข้างนอกก็กระโดดขึ้นทันที “โอ้โห!” ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวในบ้านผุๆ หลังนี้แล้ว เขาที่กำลังกินอาการแห้งอยู่มันแทบตะฟูมออกมาเต็มปาก! ในที่สุดก็ออกไปได้แล้วใช่หรือไม่
กู้หยวนหมิงก็ยืนขึ้น จ้องมองไปที่ประตูผุพังอยู่ข้างหน้า แต่คนหลังไม่ได้คิดที่จะเปิดประตู แสงสว่างที่ส่องประกายบนประตูนั้น ดูเหมือนจะดับลงขณะที่ยังตายังจับจ้องอยู่ และหายไปอย่างรวดเร็ว
“เอะ?” อินหลิวเฟิงขยี้ตาทันที พร้อมกับบอกว่า “ข้าคงไม่ได้ตาฝาดไปเองใช่ไหม ชุนซิ่นจวิน เมื่อครู่มันเรืองแสงแล้วหรือ”
“…อาจจะใช่” กู้หยวนหมิงไม่แน่ใจ
และเยี่ยนอวี๋ที่อยู่ในห้องนั้น นางลืมตาขึ้น ดวงตาที่มืดมิดและไร้ขอบเขตซึ่งมองไม่เห็นแสงใดๆ แต่ดูเหมือนว่าจะมีขุมพลังสูงสุด ซึ่งสามารถทำลายล้างโลกได้ทุกเมื่อ
ดวงตาเช่นนี้ เยี่ยนอวี๋เช่นนี้…
นางทำให้กระบี่ไท่ชางตื่นเต้นทันที มันส่งเสียง หึ่งงง อยู่ไม่หยุด เพราะนี่คือสิ่งที่มันคุ้นเคยมากที่สุด…ปฐมราชินีแห่งตำหนักไท่ชาง
คือราชินีผู้เป็นนายของทั้งสามโลก และเป็นผู้สร้างโลก! นัยน์ตาที่เป็นเอกลักษณ์ของนาง
ดังนั้นแม้ว่าเยี่ยนอวี๋จะฟื้นพลังจิตใจได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนก็ตาม แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กระบี่ไท่ชางที่พึ่งพาซึ่งกันและกันกับนางเกิดความตื่นเต้น นางกลับมาแล้ว
หึ่งงง! หึ่งงง…
กระบี่ไท่ชางปรารถนาที่จะโผเข้าสู้อ้อมอกของเยี่ยนอวี๋! แต่มันจำต้องควบคุมความคิดนั้นไว้ มันรู้ว่าเจ้านายของมันยังต้องการการพักฟื้น และมันอดทนรอคอยมาได้ถึงสามหมื่นปีแล้ว! จึงไม่รีบร้อนไปชั่วขณะ ขอเพียงเจ้านายกลับมาจริง มันรอไหว! อดทนรอคอยได้!
“ขอบใจเจ้ามาก” เยี่ยนอวี๋เอ่ยขอบคุณกระบี่ไท่ชาง หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของกระบี่ไท่ชาง ก็เป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เพราะขุมพลังที่พื้นฐานที่สุดในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ที่นางต้องการ ในโลกนี้มีน้อยหรือจนแทบไม่มีเลย
แต่การกล่าวขอบคุณของนาง…
กลับทำให้กระบี่ไท่ชางตัวแข็งทื่อ!
เพราะปฐมราชินีอย่างเช่นนางไม่เคยกล่าวคำขอบคุณ นางเป็นหนึ่งในผู้สร้างโลกที่เจริญรุ่งเรืองนี้ นางได้มอบสิ่งพื้นฐานที่สุดให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้
นางเป็นผู้สร้าง นางเป็นปฐมราชินีผู้อยู่สูงสุด
นาง…
จำเป็นหรือที่นางจะกล่าวขอบคุณ
นางไม่จำเป็น
แท้ที่จริงแล้วเยี่ยนอวี๋ในอดีตไม่เคยกล่าวคำขอบคุณ เพราะนางไม่จำเป็นต้องขอบคุณ หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกที่ต้องขอบคุณนาง
แม้กระทั่งกระบี่ไท่ชางก็เช่นกัน เพราะมันถูกสร้างขึ้นโดยเยี่ยนอวี๋
อย่างไรก็ตาม…
ปฐมราชินีกล่าวขอบคุณแล้ว
หึ่งงง…
กระบี่ไท่ชางทำเสียงหึ่งๆ มันรู้สึกว่าปฐมราชีนีกลายเป็นพยัคฆ์ออกจากป่าที่น่าผิดหวัง นั่นทำให้มันเศร้าใจ
เทพเจ้าองค์แรกผู้สูงส่งของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นางควรอยู่เหนือกว่าสรรพสิ่งทั้งปวง! นางไม่ควรเกลือกกลั้วความอัปยศของโลกอันฟอนเฟะนี้
แต่สิ่งที่กระบี่ไท่ชางคิด ไม่เคยอยู่ในความคิดของเยี่ยนอวี๋เลย แต่นางกลับรู้สึกพึงพอใจในการเกิดใหม่ เพราะนางชื่นชอบความเป็นมนุษย์ที่ได้ให้กำเนิดลูก และชอบบิดาเจ้าน้ำตากับพี่รองของนางมาก
ดังนั้น…
“ไม่ต้องเศร้าใจไป ข้าสบายดี” เยี่ยนอวี๋พูดอย่างจริงใจที่ได้พูดประโยคนี้กับอดีต ‘สหายร่วมรบ’ ของนาง แต่ฝ่ายหลังกลับไม่คิดอย่างนั้น
แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้บังคับ ขณะที่นางลูบหลังลูกที่กำลังหลับสนิท นางหลับตาลง พูดพึมพำถึงวันเดือนปีเกิดของเยี่ยนจื่ออวี๋
ใช่แล้ว
นางต้องหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
เพื่อจะได้เห็นชีวิตที่ ‘พึงมี’ ของแม่นางน้อยเยี่ยนจื่ออวี๋