“ไป” จิตสำนึกอันทรงพลังที่เยี่ยนอวี๋ปลดปล่อย ได้ติดตามกลุ่มพลังที่ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักโจมตีทันที มันตรงไปยังตี้ชิวอันเป็นเมืองหลวง สัมผัสนั้นได้ตรงไปยังคูเมืองของเมืองโบราณทางทิศเหนือ
และโดยต้าซือมิ่งแห่งราชสำนัก ทำให้คลื่นแสงจากทางใต้ไปสู่ทางเหนือ! ในเวลานี้ มันถูกรวบรวมไปที่ตำหนักประตูสูงทางตอนเหนือของเมืองหลวง
ปัง! อย่างไม่แปลกใจ ทั้งตำหนักได้ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลมปราณแห่งความมืดกลุ่มหนึ่งยังคงไหลล้นออกมาจากตำหนักไม่หยุด มันได้ ‘ดึงดูด’ จิตสำนึกของเยี่ยนอวี๋ไป
เยี่ยนอวี๋สามารถบอกได้ว่าลมปราณแห่งความมืดนี้ คือพลังแห่งการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดที่เยี่ยนจื่ออวี๋ในชาติก่อนไปแตะต้อง! ลมปราณของ ‘เหนียงเหนียง’ ผู้นั้น เพียงแต่เวลานี้ ‘เหนียงเหนียง’ ผู้นั้นยังอ่อนแออยู่อย่างเห็นได้ชัด
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้าม เป็นเพราะนางหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดแล้วใช้ลมปราณไปสืบเสาะ หรือเพราะให้ความสนใจกับพื้นที่ทางตะวันออกของต้าฮวง หรือนี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ?
เยี่ยนอวี๋ไม่รู้ แต่นางได้ยินชัดเจน…
“บัดซบ!”
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ทำไมตำหนักเซ่าซือมิ่งถึงระเบิดได้!”
“สวรรค์ แสงเมื่อครู่คือเปลวไฟลอยฟ้ากระนั้นหรือ! แล้วเซ่าซือมิ่งที่อยู่ในตำหนักทำอะไร! ถึงดึงดูดพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้มาได้!”
นอกตำหนักที่ระเบิด ผู้ฝึกฝนกลุ่มหนึ่งที่กำลังฝึกฌานตกใจแทบสิ้นสติ เดิมทีพวกเขากำลังฝึกฌานอยู่ดีๆ แต่ทันใดนั้น ‘ภัยพิบัติ’ ก็ตกลงมา พวกเขาจะไม่กลัวได้หรือ
“น่ากลัวนัก”
ผู้ฝึกฌานที่กำลังฝึกฌานที่เมืองหลวงต่างก็มาถึงที่เกิดเหตุทันที และยิ่งมองดูก็ยิ่งกลัวมากขึ้น “อะไรกันนี่ พลังแห่งการทำลายล้างราวกับเทพคืออะไร…”
และทหารลาดตระเวนทั้งหมดในเมืองหลวงก็ได้รับการเตือนเช่นกัน พวกเขากำลังเร่งเดินทางมา “ใครไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่!”
เมื่อผู้ฝึกฝนสาขาต่างๆ ที่กำลังฝึกฌาน เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไป แม้ว่าพวกเขาอยากจะมุงดูต่อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของราชสำนัก
…
เยี่ยนอวี๋ที่ ‘มุงดู’ มาถึงที่นี่ นางต้องการรู้ว่าใครที่เป็นต้นเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลัง คนผู้นี้มีฐานะเป็นใคร เพราะราชสำนักของต้าซย่ามีเซ่าซือมิ่งถึงสามคน
ดังนั้น ‘เหนียงเหนียง’ ผู้นั้น จึงมีแนวโน้มมากที่จะเป็นหนึ่งในเซ่าซือมิ่งในปัจจุบัน และอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้เข้าไปเป็นนางสนมในวังหลวง ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เยี่ยนอวี๋พบก่อนหน้านี้ ข่าวที่ว่าจักรพรรดิหยวนคังยังไม่มีนางสนมคนโปรด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เยี่ยนอวี๋มีความรู้สึกว่าฝุ่นผงร่วงหล่นหมดแล้ว[1] และนางกำลังจะถอนจิตสำนึกออกจากตี้ชิว แต่ในขณะที่นางกำลังจะถอนตัวนั้น…
ผู้ฝึกฌานด้วยตัวเองแห่งเมืองตี้ชิวคนหนึ่งพูดอย่างปลงอนิจจัง “วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ก่อนหน้านี้ราชสำนักก็มีบัญชาให้ไปจับกุมเจ้าสำนักชางอู๋ ตอนนี้ตำหนักของเซ่าซือมิ่งก็พังถล่ม พวกเจ้าว่าสรรค์กำลังชี้ทางสว่างอยู่ใช่หรือไม่ เจ้าสำนักชางอู๋ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! ถ้า…”
“ชู่ววว! หุบปาก! หวังหมาจื่อ คำพูดเช่นนี้เจ้าก็กล้าพูดหรือ” ผู้ฝึกฌานที่มาด้วยกันกับเขาตกใจจนต้องรีบแยกย้าย ต่างก็ไม่อยากเป็นพวกเดียวกันกับหวังหมาจื่อ จะได้ไม่ต้องรับผลกระทบจากปากที่หยาบคายของเขา
“เชอะ!” ผู้ฝึกฌานด้วยตัวเองที่ชื่อหวังหมาจื่อกลับพึมพำกับตัวเองโดยไม่สนใจ “โชคดีที่ข้าออกจากสำนักชางอู๋มานานแล้ว ไม่รู้ว่าจังซาน หลี่ซื่อเจ้าโง่สองคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ไปเป็นสุนัขรับใช้คน ย่อมไม่มีชีวิตดีๆ แน่นอน ดูข้าสิอยู่อย่างมีสง่าราศรี…”
ชายคนนั้นพึมพำอยู่เป็นเวลานาน แต่เยี่ยนอวี๋ฟังเพียงส่วนแรกที่เป็นประโยชน์เท่านั้น และนางก็ถอนจิตสำนึกทั้งหมดกลับคืนมา และปลดปล่อยไปทั่วดินแดนต้าฮวง พยายามค้นหาต้าซื่อมิ่งแห่งราชสำนัก
เยี่ยนอวี๋มั่นใจว่าคนที่ลงมือเมื่อครู่ต้องเป็นต้าซือมิ่งแน่นอน แต่ในตอนนี้ นางก็ยังสัมผัสไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน
คิ้วเรียวงามของเยี่ยนอวี๋ขมวดมุ่น นางปลดปล่อยจิตสำนึกที่แกร่งกล้ายิ่งขึ้น! ครอบคลุมไปทั่วสารทิศ
…
ในเวลานี้ ด้านนอกตำหนักเซ่าซือมิ่งในเมืองตี้ชิว เซ่าซือมิ่งที่สามารถหลบหนีจากการโจมตีที่ร้ายแรงได้ลุกขึ้นจากพื้นดินด้วยความอับอาย และหยุดมองไปทางทิศเหนือ “ต้าซือมิ่ง…”
กู้หยวนซู หนึ่งในสามของเซ่าซือมิ่ง ผู้ที่อยู่ภายใต้ต้าซือมิ่ง นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาเซ่าซือมิ่งทั้งสาม และนางยังเป็นคนสกุลกู้ที่เป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในรุ่น
“นั่นท่านหรือ” กู้หยวนซูรู้ว่าคนที่ลงมือเมื่อครู่น่าจะเป็นต้าซือมิ่งผู้นั้น! แต่นางไม่กล้ากล่าวคำบริภาษ ยิ่งไม่กล้าต่อสู้กลับ และถ้านางรู้ว่าต้าซือมิ่งอยู่ที่นั่น นางจะไม่มีวันไปแตะต้อง
แต่นางไม่รู้จริงๆ ว่าต้าซือมิ่งอยู่ทางใต้! เขาอยู่ที่ต้าฮวง
นางไม่รู้จริงๆ…
“ต้าซื่อมิ่ง ข้าน้อยไม่มีเจตนาที่จะล่วงเกินท่านเจ้าค่ะ” กู้หยวนซูพึมพำกับตัวเอง “ข้าน้อยเพียงแต่ทำตามสัญชาตญาณตัวเอง จึงปลดปล่อยไปในทิศทางนั้น”
ไม่นานมานี้ กู้หยวนซูที่กำลังฝึกฌานอยู่ จู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์เข้มข้น นางจึงติดตามลางสังหรณ์ไป ขุมพลังที่ไปกระตุ้นค่ายกลประจักษ์สวรรค์ได้มุ่งหน้าไปทางทิศใต้
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้ต้าซือมิ่งไม่พอใจ ทำให้เขาเกือบจะเอาชีวิตนาง!
ไม่ เขาต้องการชีวิตของนาง! ถ้าไม่ใช่เพราะขุมพลังอันทรงพลังในร่างกายของนาง ที่ดึงนางออกจากวงการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวในทันที นางคงกลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนตำหนักของนางเอง
“แต่ลางสังหรณ์ของข้าสัมผัสถึงต้าซือมิ่งได้อย่างไร” กู้หยวนซูไม่เข้าใจ “หรือว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างข้ากับต้าซือมิ่ง หรือเขาคือบุรุษที่สวรรค์ส่งมาให้ข้า”
ถ้าใช่…
ดวงตาของกู้หยวนซูสว่างขึ้นทันที!
ในฐานะที่เป็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็นต้าซือมิ่งแห่งราชสำนัก กู้หยวนซูรู้ดีว่าต้าซือมิ่งหนุ่มผู้นี้มีความโดดเด่นเพียงใด!
ไม่สิ เขาถึงขึ้นที่ไม่สามารถใช้คำว่าโดดเด่นมาอธิบายได้
เขาเป็นบุตรแห่งความสูงส่งของโลกใบนี้!
เขาแข็งแกร่ง ลึกลับ และไม่มีใครแตะต้องได้
แต่ถ้าเขาถูกกำหนดให้มีความเกี่ยวข้องกับตัวนางเอง คำว่าแตะต้องไม่ได้ก็ไม่จำเป็น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของกู้หยวนซู ก็ค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้น และควบคุมไม่ได้
…
[1] ฝุ่นผงร่วงหล่นหมดแล้ว เปรียบเปรยว่าเรื่องราวสิ้นสุดแล้ว