ลำแสงอ่อนๆ สาดส่องออกมาจากประตู พลังวิญญาณใต้หล้า อากาศรอบตัว แม้กระทั่งกาลเวลา และความว่างเปล่าต่างหยุดนิ่งในทันทีราวกับถูกเสียงเปิดประตูนั้น ‘คำราม’ ใส่
กู้หยวนหมิงคิดว่าเป็นภาพลวงตา แต่แล้ว…
ทุกสิ่งนั้นคือจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินที่รวมตัวกันเป็นโลกใบนี้ ได้แก่อากาศ เวลาและความว่างเปล่า พวกมันกำลังน้อมบูชาเจ้านายเพียงหนึ่งเดียวของพวกมันด้วยวิธีของตน สตรีผู้เดินออกมาจากประตูบานนั้น ปฐมราชินีผู้บุกเบิกโลกท่านนั้น
ชั่วขณะนั้นทุกสิ่งพลันหยุดนิ่ง…
แต่แล้วเสียงร้องครืนที่ดังไปทั่วทั้งเรือนและหุบเขากลับทำให้ผู้คนในเหตุการณ์ละความสนใจไปจากพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทำให้พวกเขาคิดไปว่าที่กลิ่นอาย กาลเวลาและความว่างเปล่าหยุดนิ่งนั้นเป็นเพราะหุบเขานี้กำลังจะสูญสิ้น
“หาววว” เสียงหาวอ่อนเยาว์แสนน่ารักดังขึ้นเบาๆ ในขณะเดียวกันก็ทำเอากู้หยวนหมิงอดสงสัยไม่ได้ว่าความรู้สึกอัศจรรย์ที่สัมผัสได้เมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
จากนั้นเมื่อกู้หยวนหมิงได้สติก็พบว่า เยี่ยนอวี๋เพิ่งเดินออกมาจากประตูบานนั้น นางยังคงสวมชุดกระโปรงแขนกว้างสีสันสดใส งดงามจับตานัก
“หาววว” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ซบอกเยี่ยนอวี๋ก็ง่วงหงาวหาวนอนพลางกอดคอท่านแม่ของเขาไว้ ถูไถไปมาอย่างออดอ้อน
เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นลูบเจ้าตัวน้อยตัวนุ่มนิ่มเบาๆ จากนั้นก็หอมศีรษะของเขา เอ่ยกล่อมเด็กน้อยว่า “ยังนอนไม่พอก็นอนต่อ”
“อา” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขานตอบอย่างอ่อนแรง เขาซุกหน้าเข้าไปที่ซอกคอของแม่ตามสัญชาติญาณ ดวงตากลมโตสีดำขลับดวงนั้นเต็มไปด้วยความงัวเงีย
เยี่ยนอวี๋จึงตบหลังของเด็กน้อยอย่างเบามือ ทำให้เจ้าตัวน้อยที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มสะลืมสะลือจะหลับไปอีกครั้ง ทว่า…
“มารดามันเถอะ!” อินหลิวเฟิงร้องเสียงหลง ขับไล่อาการงัวเงียของเยี่ยนเสี่ยวเป่าไปจนหมด ทำให้เขาเบิกตาโต หันศีรษะมองไปทันที
อินหลิวเฟิงที่จู่ๆ ร้องตะโกนขึ้นมาตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก งูลวดลายหลากสีตัวนั้นเข้ามาฉกมีดหลิวที่บินออกไปจากแขนเสื้อเขาไม่พอ มันยังกำลังจะฉกไปที่นายท่านและองครักษ์อย่างดุร้ายด้วย
“อ้ะ!” ดวงตาสะลืมสะลือของเยี่ยนเสี่ยวเป่าพลันสว่างวาบขึ้นทันที
ในขณะเดียวกัน หมอกสีดำกลุ่มหนึ่งของเม่ยเอ๋อร์ก็พุ่งตรงเข้าไปที่ปากที่กำลังอ้ากว้างของงูตัวนั้น! จากนั้นมันก็สะเทือนจนกระเด็นถอยกลับไปบนมือของศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียน ก่อนจะระเบิดตูมกลายเป็นงูตัวใหญ่
ฟ่อ! งูหลากสีขนาดเท่าแขนตัวนั้นดวงตาเบิกกว้างมองไปที่เม่ยเอ๋อร์! ก่อนจะพูดเสียงมนุษย์อย่างแข็งกระด้างว่า “อย่าแส่หาเรื่อง”
“แม่ง!” เอ้อร์เหมาและอินหลิวเฟิงคุมอารมณ์สงบนิ่งไว้ไม่อยู่แล้ว พวกเขารีบไปแอบหลังเม่ยเอ๋อร์ “งูตัวนี้พูดได้ด้วยรึ! มันคือสัตว์ร้ายในตำนานหรืออย่างไร!”
“หากใช่ พวกเจ้าตายแต่แรกแล้ว” กู้หยวนหมิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทว่าสายตาที่มองงูตัวใหญ่ตัวนั้นเต็มไปด้วยด้วยระแวดระวัง
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าสนใจงูตัวนี้ขึ้นมาในทันใด “อ้ะเนะเนะ!” เขาไม่เคยเจอหนอนตัวใหญ่เช่นนี้มาก่อน!
เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยที่กำลังตื่นตาตื่นใจพลางเดินไปทางอินหลิวเฟิงและองครักษ์สองคนนั้น ครั้นกำลังจะเดินผ่านเม่ยเอ่อร์เพื่อมุ่งไปทางศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนสามคนนั้น กู้หยวนหมิงกลับขวางแม่ลูกคู่นี้ไว้ พูดว่า “ระวังหน่อย!”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองแผ่นหลังของชายสวมเสื้อขนสัตว์สีขาวตาปริบๆ จากนั้นก็หันไปมองแม่ของเขา
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้พูดอะไร นางเดินเลี่ยงกู้หยวนหมิงไป ทว่านางก็ไม่ได้เดินขึ้นหน้าต่อ กลับพุ่งความสนใจไปที่สัตว์เลื้อยคลานตัวใหญ่ตัวนั้นที่กำลังแผ่แม่เบี้ยตั้งท่าจะกลืนกินพวกเขา
“ระวัง!” กู้หยวนหมิงชักดาบออกจากฝัก บรรยากาศรอบตัวพลันเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาถึงกับรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีเพื่อเตรียมอัญเชิญเหล่าวิญญาณแล้ว
แม้แต่อินหลิวเฟิงและเอ้อร์เหมาที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้ว! ทุกคนดูออกว่า งูตัวใหญ่ตัวนี้กำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้ว
แต่เม่ยเอ๋อร์นิ่งเงียบ ถึงกับเก็บท่าทีเตรียมพร้อมของตน
ในขณะเดียวกัน…
กึก!
งูตัวใหญ่ที่พุ่งออกมาด้วยความดุร้ายนั้น มันกลับ…
กลับลำตัวอ่อนยวบลงกลางอากาศ จากนั้นก็ร่วงลงบนพื้นอย่างน่าขัน
เอ่อ…
…นี่มัน
กู้หยวนหมิง อินหลิวเฟิงและลูกน้องของเขาตกอยู่ในความงุนงงในทันที
เยี่ยนจื่อเสาเองที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังศัตรู เพื่อลอบกำจัดศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนนั้นก็งุนงงเช่นกัน
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า งูใหญ่ที่มีพลังแข็งแกร่งตัวนี้ จะอ่อนปวกเปียกขณะที่จู่โจมเข้าใส่?! แล้วยังร่วงลงบนพื้นอย่างน่าขันเช่นนี้ด้วย?!
นี่ไม่ได้มาเล่นตลกใช่หรือไม่
…กู้หยวนหมิงยังเห็นด้วยว่า ดวงตาของงูใหญ่ตัวนั้นที่จู่ๆ ก็ร่วงลงบนพื้นเหมือนกับกำลังหมุนติ้ว!?
“มึนตึ้บไปเลยหรือ” อินหลิวเฟิงมองงูใหญ่ที่วิงเวียนไปแล้วตัวนั้น ก่อนจะมองไปที่คุณหนูใหญ่เยี่ยนที่อยู่ข้างหน้า รู้สึกประหลาดเหนือคำบรรยาย
แม้แต่ลูกศิษย์ตระกูลชือลัทธิเซิ่งเหลียนสามนายที่ไม่ได้ปริปากพูดเลยก็เบิกตาโตอย่างตะลึงงัน และอ้าปากกว้างอยู่เช่นนั้น พวกเขามองงูตัวใหญ่ที่สลบอยู่บนพื้นราวกับคนโง่
ผ่านไปครู่หนึ่ง ศิษย์หญิงตระกูลชือที่ปล่อยงูตัวใหญ่ออกมาถึงเพิ่งตั้งสติได้ นางจ้องเยี่ยนอวี๋เขม็ง “เจ้าทำอะไรกับมัน!” นางมั่นใจว่าสตรีโฉมงามคนนี้คือคนที่ลงมือกับงูศักดิ์สิทธิ์ของนาง
แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจนางเลย นางหันไปหาเม่ยเอ๋อร์ พูดว่า “สับมันเสีย ทำข้าวต้มงูให้เสี่ยวเป่า เขาอยู่เป็นเพื่อนข้า หิวมากแล้ว”
“รนหาที่ตาย!” ศิษย์หญิงลัทธิเซิ่งเหลียนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมกับฟาดคทาบงกชในมือของนางไปทางเยี่ยนอวี๋สุดแรง หมายจะแก้แค้นให้งูศักดิ์สิทธิ์ของนาง!