“ระวัง!” กู้หยวนหมิงตั้งสติขึ้นได้ในทันที เขารีบฟันดาบไปทางศิษย์หญิงคนนั้น!
ภายใต้พลังการกระตุ้นของกู้หยวนหมิงดาบยาวพวยพุ่งรังสีแห่งเซียน ก่อนจะส่องแสงวาบขยายขนาดมหึมาอย่างรวดเร็ว จู่โจมเข้าไปที่คทาของศิษย์หญิงลัทธิเซิ่งเหลียนทันท่วงที จนระเบิดเกิดเป็นคลื่นกระแทกเป็นวงกว้าง
“ยังไม่ช่วยข้าอีก!” ศิษย์หญิงลัทธิเซิ่งเหลียนร้องเสียงดัง นางตวาดใส่เพื่อนสองคนที่อยู่ข้างกายนางอย่างโกรธเคือง ทั้งสองจึงชักดาบโค้งออกมาอย่างเชื่องช้า
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นมาดูกันว่าใครจะตัดศีรษะสองคนนั้นได้ก่อน”
“ได้เลย” อีกคนเอ่ยเห็นด้วย จากนั้นก็กระโดดเหินไปทางกู้หยวนหมิง และในจังหวะที่กระโดดไปนั้น ก็มีเปลวเพลิงพุ่งออกจากรอบตัว ราวกับกองเพลิงขนาดยักษ์
เมื่อเห็นว่าพวกเขาสามารถร่ายวงแหวนป้องกันตนเองแน่นหนาดั่งเปลือกไข่ในขณะที่กำลังจู่โจมก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าพวกเขาเป็นศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนที่อยู่ในระดับขั้นสุวรรณชาดอีกคนหนึ่งแล้ว
ส่วนกู้หยวนหมิงนักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ยังไม่สามารถสื่อสารกับสัตว์ในตำนานได้ ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาอยู่ในระดับขั้นสุวรรณชาดเท่านั้น หากถูกโจมตี เกรงว่าไม่ตายก็บาดเจ็บหนัก
ในขณะที่คนคนนี้โจมตีกู้หยวนหมิง ศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนอีกคนหนึ่งก็ปล่อยหมอกสีดำก้อนหนึ่งไปทางอินหลิวเฟิง
“แม่หม้ายดำ อาหารของเจ้ามาแล้ว”
“…แซ่ด!” แมงมุมอ้วนท้วนขนาดคนสามถึงสี่คนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในหมอกดำนั้น และพุ่งเข้าหาอินหลิวเฟิงและลูกน้องของเขา
ฟิ้ว! ใยแมงมุมเหนียวหนึบพุ่งเข้าหาอินหลิวเฟิงเป้าหมายของมันทันที
“แม่ง! เอาอีกแล้ว!” อินหลิวเฟิงรู้ดีว่าตนเองเป็นแพะรับบาปอีกแล้ว ถึงมาตกอยู่ในอันตรายเสี่ยงตายเช่นนี้ แต่เขาเองก็ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ทำได้เพียงรีบเปิดพัดปล่อยใบน้ำค้างออกไปทันที
เหตุการณ์จู่โจมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก! ทุกอย่างเกิดขึ้นแทบจะในห้วงจังหวะเดียวกันกับขณะที่เยี่ยนอวี๋หันหลังไปจึงทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ซบอยู่บริเวณซอกคอของนาง บังเอิญเห็นการต่อสู้ทั้งหมดนี้พอดี เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจ ปีนป่ายขึ้นไปบนไหล่ของเยี่ยนอวี๋ “อ้ะเนะเนะ!” สวยจังเลย!
คลื่นแสงพลังโจมตีที่สว่างวูบวาบครั้งแล้วครั้งเล่า ในสายตาของเยี่ยนเสี่ยวเป่าแล้วก็คือดอกไม้ไฟที่ส่องประกายวิบวับสวยงาม และด้านหลังของดอกไม้ไฟเหล่านี้…
วิญญาณจิ้งจอกขาวที่ถูกอัญเชิญมาโดยเยี่ยนจื่อเสาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ มันเข้าจู่โจมใส่ศิษย์หญิงลัทธิเซิ่งเหลียนที่ทำร้ายเยี่ยนอวี๋เป็นคนแรกคนนั้น
ฟิ้ว!
จิ้งจอกขาวผู้เก่งกาจเรื่องการอำพรางและสร้างภาพมายา ในชั่วพริบตาที่มันเข้าขย้ำศิษย์หญิงลัทธิเซิ่งเหลียน ศิษย์คนนั้นก็เพิ่งเห็นว่ามีศัตรูจู่โจม เสียดายที่นางตั้งตัวไม่ทันจึงถูกขย้ำตายแล้ว…
ในขณะเดียวกันอินทรีขาวที่กู้หยวนหมิงอัญเชิญก็ฉีกวงแหวนป้องกันของศิษย์ลัทธิเซิ่งเหลียนระดับสุวรรณชาดคนนั้นขาดสะบั้นแล้ว
“ตายซะ!” เมื่อกู้หยวนหมิงปลีกตัวออกจากร่างของศิษย์หญิงเซิ่งเหลียนที่ตายไปแล้ว เขาก็แทงหัวใจของศิษย์เซิ่งเหลียนขั้นสุวรรณชาดทะลุในดาบเดียว ศิษย์คนนั้นจึงถูกสังหารภายใต้การควบคุมของอินทรีขาว!
ในขณะนั้นเอง เอ้อร์เหมาและอินหลิวเฟิงก็ฉีกแมงมุมตัวใหญ่ตัวนั้นขาดเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็จัดการศิษย์เซิ่งเหลียนอีกคนหนึ่งจนเขาล้มลงบนพื้น และหัวปูดโนไปทั้งศีรษะ
ส่วนเม่ยเอ๋อร์ นางกำลังถลกหนังเพื่อตุ๋นงูตัวใหญ่ที่ความจริงแล้วแข็งแกร่งที่สุดในที่นั้นแบบเป็นๆ และเตรียมซามข้าวพร้อมทำข้าวต้มแล้ว ท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
ภาพตรงหน้าทำให้กู้หยวนหมิงที่ต่อสู้สุดกำลังเสร็จแล้วรู้สึกอึ้งจนอับจนคำพูด…
“เสี่ยว… ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เมื่อเยี่ยนจื่อเสาปลีกตัวไปข้างกายแม่ลูกเยี่ยนอวี๋แล้ว เขาจึงมีเวลาถามไถ่แม่ลูกคู่นี้ แต่เขายังคงต้องควบคุมน้ำเสียงและคำเรียกขานของตนเอง เพื่อไม่ให้กู้หยวนหมิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่สนเรื่องพรรค์นี้หรอก เขายื่นมือขาวนวลน้อยๆ ของตนไปหาเยี่ยนจื่อเสา ต้องการให้ท่านลุงผู้เก่งกาจของเขาอุ้มอุ้ม
“เสี่ยว… เป่า…” เยี่ยนจื่อเสาลำบากใจ เพราะว่ามือของเขามีขนสัตว์เต็มไปหมด หากยกมือขึ้นก็จะปรากฏต่อสายตากู้หยวนหมิง
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เขามองท่านลุงรองอย่างไม่เข้าใจ
เยี่ยนจื่อเสาเกือบถูกดวงตากลมโตบริสุทธิ์คู่นั้นของหลานชายทำให้ยับยั้งตนเองไว้ไม่ได้ แต่เขาจำเป็นต้องหักห้ามใจ พูดขึ้นว่า “ตอนนี้สกปรก รอให้สะอาดก่อนแล้วค่อยอุ้มเสี่ยวเป่านะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดึงมือกลับด้วยความกระจ่างในทันที แล้วกลับไปกอดท่านแม่ที่สะอาดสะอ้าน เนื้อตัวหอมกรุ่นแทนและมองไปที่เม่ยเอ๋อร์ที่กำลังทำกับข้าวอย่างตั้งตารอ
เยี่ยนอวี๋เงียบจวบจนถึงตอนนี้ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเยี่ยนจื่อเสาที่อยู่ใต้เสื้อคลุม นางรู้ว่าพี่ชายคนนี้กำลังกังวลเรื่องอะไร
นางก็รู้ว่า ความกังวลของเขาเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อชาติที่แล้ว ในครานั้นราชสำนักส่งทหารมาสำนักชางอู๋ก็เพื่อกำจัดมนุษย์วานรที่เหลืออยู่ให้หมดสิ้น
และในชาตินี้ แม้เหตุการณ์จะไม่เหมือนกัน แต่ทหารของราชสำนักก็มาแล้ว ตามหลักการเดินทางของกองทัพทหารแล้ว พวกเขาน่าจะใกล้ถึงจวนเต๋อหยางแล้ว
เมื่อเยี่ยนจื่อเสาถูกจับมือ เขาก็ทำท่าจะผละออกตามสัญชาติญาณ “เสี่ยว…”
เยี่ยนอวี๋กลับชิงปล่อยมือก่อน นางอุ้มเด็กน้อยเดินไปทางเม่ยเอ๋อร์ เด็กน้อยในอ้อมอกของนางก็ส่งเสียงร้อง “อ้ะเนะเนะ” อย่างดีอกดีใจ
“…” เยี่ยนจื่อเสาลอบถอนหายใจโล่งอก
กู้หยวนหมิงย่อมเห็นปฏิสัมพันธ์อัน “แข็งทื่อ” ของพี่น้องสองคนนี้ ทว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เทียบกับเยี่ยนจื่อเสาที่สวมชุดคลุมปิดบังตนเองนั้น เขารู้สึกสนใจในพลังการจู่โจมเมื่อครู่ของเยี่ยนอวี๋มากกว่า
นั่นคือการสังหารไร้ร่องรอยของจริง!
อีกทั้งเขายังจับกลิ่นอายอันคลุมเครือที่ก่อนหน้านี้สังหารชือหมิ่นซิงทั้งขบวนการได้!
ดังนั้น…
กู้หยวนหมิงที่สาวเท้าไล่ตามเยี่ยนอวี๋ไปก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “แม่นางเยี่ยน เจ้าได้รับการสืบทอดจากปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชางมาหรือ”
“ถือว่าใช่กระมัง” เยี่ยนอวี๋ตอบเบาๆ พลางวางเด็กน้อยลงบนเสื่อที่ปูเสร็จแล้ว
…
และในขณะนั้นเอง ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน สว่างวาบขึ้นในตำแหน่งบ้านร้างหลังที่ก่อนหน้านี้เยี่ยนอวี๋เดินออกมา
“อ้ะเนะ!” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยส่งเสียงร้องอย่างตื่นตาตื่นใจ และพยายามดิ้นออกจากผ้าห่อตัว กลิ้งไปทางเป้าหมายอย่างคล่องแคล่วและฉับไว…