ความเร็วปานเทพเช่นนี้ ทำเอาผู้มากประสบการณ์และความรู้อย่างเยี่ยนอวี๋ตกตะลึงและนั่นทำให้นางไม่จับตัวเด็กน้อยกลับมาในทันที จนเมื่อนางตั้งสติได้ เด็กน้อยของนางก็กลิ้งไปไกลมากแล้ว!
“…เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋รีบไป ‘เก็บ’ เด็กน้อยที่กลิ้งไปกลับคืนมาอย่างยากที่จะเอ่ยให้จบในประโยคเดียวได้
แต่แล้วเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูก ‘จับ’ กลับมากลับชี้ไปที่เดิมทีเคยมีบ้านอยู่อย่างร้อนรน เขาส่งเสียงร้องไม่หยุด “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”
ถึงแม้เยี่ยนอวี๋ไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของต้าซือมิ่ง แต่นางก็รู้ว่า เด็กน้อยสัมผัสถึงกลิ่นอายของใครคนนั้นอีกแล้ว!
เยี่ยนอวี๋ไม่ปล่อยให้เด็กน้อยตั้งตัวได้ก็รีบอุ้มเขาขึ้นมา เหาะเหินไปบริเวณที่กระบี่ไท่ชางปรากฏเมื่อครู่นี้อย่างรวดเร็ว ที่นั่นคือที่ที่กระบี่ไท่ชางหายไปอย่างลับๆ
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจขึ้นมาในทันใด เขาชี้ไปบนพื้น พูดกับท่านแม่ของเขา “อ้ะเนะเนะ” พ่อคนงามของลูกลงไปแล้ว! ท่านแม่รีบไปจับให้ลูกเร็วเข้า
คิ้วโก่งงามวิจิตรดั่งภาพวาดของเยี่ยนอวี๋ขมวดเป็นปมในทันที น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็น “เขาเข้าไปแล้วจริงๆ หรือ” เขาจะทำอะไรกันแน่! ชิงกระบี่ไท่ชางของนางหรือ ไร้เดียงสานัก
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างตื่นเต้น คิดจะให้ท่านแม่ปล่อยเขาลงบนพื้น แล้วขุดพื้นดินต้าฮวงออกเพื่อขุดพ่อคนงามของเขาออกมา
แต่เยี่ยนอวี๋ไม่อนุญาตแน่นอน นางกอดเด็กน้อยแน่นขึ้น พูดว่า “เสี่ยวเป่าใจเย็นๆ นะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเปาแสดงออกว่าเขารู้สึกร้อนรน พ่อคนงามของเขาขี้ขลาด อาจจะหนีไปอีกแล้ว!
ทว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ก็ส่งสิ่งมีชีวิตตัวน้อยให้กับเม่ยเอ่อร์ที่ขึ้นมาอยู่ข้างกายนางก่อนหน้านั้นแล้ว และพูดกำชับว่า “ดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี ข้าไปประเดี๋ยวก็กลับมา”
“คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ” เม่ยเอ๋อร์อุ้มคุณชายน้อยที่อยู่ในอ้อมอกอย่างแนบแน่น ไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตตัวน้อยมีโอกาสมุดหนีไป
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากระวนกระวายใจทันที “อ้ะเนะเนะ!” ท่านแม่พาข้าไปด้วยสิ
เยี่ยนอวี๋ไม่พาเด็กน้อยไปเสี่ยงแน่นอน หลังจากนางจูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของเด็กน้อยเบาๆ แล้ว ก็พูดปลอบว่า “แม่จะจับให้ได้ เจ้าและเม่ยเอ๋อร์อยู่ด้วยกันที่นี่นะ อย่าซุกซน รอแม่กลับมา”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับชายเสื้อของท่านแม่ส่งสายตาอ้อนวอนอยากจะไปด้วย เขาอยากพบพ่อคนงามคนนั้นเหมือนกัน ไม่อยากให้เม่ยเอ๋อร์อุ้ม
เยี่ยนอวี๋อดใจทิ้งเขาไม่ลง นางปลอบประโลมเด็กน้อยต่อไปว่า “เสี่ยวเป่าเด็กดี แม่ไม่รู้ระดับการฝึกฌานแน่ชัดของเขา หากพาเจ้าไปด้วยแล้วเขาหนีไปได้อีกเล่า”
“!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้ามุ่ยทันที ยังคงดึงดันจะไปด้วย แต่แล้วเขาดึงรั้งได้ไม่นานนักก็ปล่อยแม่ไป และใช้มือน้อยๆ ของเขาผลักท่านแม่บอกให้แม่รีบไป “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ”
เยี่ยนอวี๋เข้าใจดีว่า เด็กน้อยต้องการให้นางรีบไปรีบจับคนกลับมา นางจึงไม่รีรอ หายวับไปในทันที
ส่วนเยี่ยนจื่อเสาและคนอื่นๆ ที่เพิ่งตั้งสติขึ้นได้ พวกเขาเห็นเพียงเยี่ยนอวี๋กลายเป็นแสงวับหายไป และมุดเข้าไปในดินแล้ว!?
“เกิดอะไรขึ้น” เยี่ยนจื่อเสายังคงตกอยู่ในความตะลึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลานชายน้อยในชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ เขาเดินขึ้นหน้า มองหลานชายน้อยอย่างงงัน จึงเหมือนกับว่าเขากำลังถามสิ่งมีชีวิตตัวน้อยคนนี้
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยเองก็คิดเช่นนั้น เขาชี้ไปที่พื้นอธิบายว่า “อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”
“ไม่รู้” เม่ยเอ๋อร์ตอบ นางไม่รู้จริงๆ
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ส่งเสียงร้องเสียงดังบอกว่า พ่อคนงามของข้ามาแล้ว! ท่านแม่ของข้าไปจับท่านพ่อมาให้ข้าแล้ว! ท่านแม่เก่งที่สุดเลย
“เสี่ยวเป่ารู้หรือ” เยี่ยนจื่อเสามองหลานชายน้อยอย่างตะลึงงัน เขากำลังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาไม่หยุด พยายามสนทนากับเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหลานชายตัวน้อยช่างน่าสงสาร เพราะไม่ว่าเจ้าตัวน้อยจะพูดอะไรก็ไม่มีผู้ใดฟังรู้เรื่องเลย!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าลุงรองฟังไม่รู้เรื่อง เขายังคงส่งเสียงน้อยๆ ของตนต่อไป “อ้ะเนะเนะ อ้ะเนะเนะ” บอกว่าพ่อคนงามของข้างดงามมากเลย! งดงามเหมือนท่านแม่เลย
“ลุงเข้าใจแล้ว” เยี่ยนจื่อเสาไม่อาจหักใจบอกว่าตนฟังไม่รู้เรื่องมิได้ เขาลูบศีรษะโล้นน้อยๆ ของหลานชายน้อยเบาๆ “เช่นนั้นเรารอแม่เจ้าด้วยกันนะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็รีบมองไปบนพื้น รอดูแม่คนงามของเขาจับพ่อคนงามของเขากลับมา
อินหลิวเฟิงตะลึงที่สุด เขามองเยี่ยนจื่อเสาด้วยสายตาชื่นชมอย่างยิ่ง พูดขึ้นว่า “เจ้าฟังท่านประมุขน้อยรู้เรื่องหรือ”
เยี่ยนจื่อเสาหน้าเจื่อน แต่โชคดีที่ศีรษะรวมถึงใบหน้าของเขาอยู่ใต้ชุดคลุมจึงไม่มีผู้ใดเห็น เขาจึงพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “แน่นอน เรามีสายเลือดเกี่ยวโยงกัน”
“สายเลือดเกี่ยวโยงดั่งทวยเทพ” อินหลิวเฟิงมองหลานและลุงด้วยสายตาไม่อาจเข้าใจ เขาแอบสงสัยลึกๆ ว่า ตระกูลเยี่ยนทั้งตระกูลมีความลับอะไรที่ปิดบังไว้อีกหรือไม่
หรือว่า…
พวกเขาคือทายาทของปฐมราชินี!?
“ให้ตายเถอะ!” อินหลิวเฟิงทำตนเองตกใจสะดุ้งโหยง และทำเอ้อร์เหมาและกู้หยวนหมิงสะดุ้งโหยงไปด้วยเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ไม่ ไม่มี…” อินหลิวเฟิงลูบท้ายทอยตนเอง รู้สึกว่าตนอาจจะรู้มากเกินไปแล้ว! ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าปิดปากหรือไม่
แม่เจ้า!
กลับไปเขาต้องตรวจหาแซ่สกุลของปฐมราชินีศักราชหยวนชูแล้ว หรือไม่ก็ลองดูว่านางมีทายาทรุ่นหลังหลงเหลือมาหรือไม่
ไม่ไหวแล้ว! ไม่ไหวแล้วจริงๆ …
อินหลิวเฟิงพึมพำอยู่คนเดียว ทำเอาเอ้อร์เหมารู้สึกขายหน้า ในเมื่อกู้หยวนหมิง เม่ยเอ๋อร์และเยี่ยนจื่อเสากำลังใช้สายตาแสดงความห่วงใยที่มีต่อคนสติไม่ดีมองอินหลิวเฟิง
เอ้อร์เหมาจึงแก้ต่างว่า “ปกตินายท่านของเราไม่เป็นเช่นนี้ขอรับ”
“อ้อ เขาเป็นเช่นนี้ในบางครั้งสินะ” กู้หยวนหมิงทำทีเข้าใจ
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ…” เอ้อร์เหมากุมขมับ “เขาก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ในบางครั้ง เขาแค่…”
“มิต้องอธิบาย เราเข้าใจ” กู้หยวนหมิงถอนหายใจ ก่อนจะมองไปบริเวณที่สิ่งมีชีวิตตัวน้อยจ้องมอง แล้วพูดขึ้นว่า “ที่นี่คือตำแหน่งของบ้านร้างหลังนั้นเมื่อครู่นี้ใช่หรือไม่”
ทว่า…