เม่ยเอ๋อร์ อินหลิวเฟิง และเยี่ยนจื่อเสา ผู้ซึ่งมองไม่เห็นต้าซือมิ่งราชสำนัก เห็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวน้อยหายวับไปก็แตกตื่นขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเป่า!”
“ท่านประมุขน้อย!”
“คุณชายน้อย!” เม่ยเอ๋อร์ร้อนรนจนกลายร่างเป็นเงาสีดำมืดแทรกเข้าไปในอากาศตามกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตตัวน้อย แต่น่าเสียดายที่นางถูกดีดกลับมาที่เดิม นางไม่สามารถแทรกเข้าไปได้เลย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เยี่ยนจื่อเสาตื่นตระหนกจนเผยมือคล้ายกรงเล็บสัตว์ออกมา พยายามควานหาเสี่ยวเป่ากลางอากาศกลับมา แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
“ใจเย็น ใจเย็นๆ ก่อน!” อินหลิวเฟิงกลับเป็นคนที่มีสติที่สุดในนั้น “อย่างน้อยเราก็ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นท่านประมุขน้อยจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่แน่ว่าเขาอาจจะแค่ไปหาท่านแม่ของเขา”
เยี่ยนจื่อเสากลับพูดอย่างมั่นใจว่า “แต่ข้ารู้สึกได้ว่า กลิ่นอายแปลกประหลาดที่โชยออกมานั้น แม้จะจางมากก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่กลิ่นของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แน่นอน!”
“เจ้าสัมผัสได้แล้วหรือ” อินหลิวเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเยี่ยนจื่อเสาเป็นถึงคนที่สามารถสะท้อนวิญญาณสัตว์ร้ายในตำนานได้แล้ว จิตสัมผัสของอีกฝ่ายก็น่าจะอยู่เหนือกว่าเขา
เยี่ยนจื่อเสาเน้นย้ำอย่างแน่วแน่อีกครั้ง “ใช่แล้ว นั่นไม่ใช่กลิ่นอายของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แน่นอน มิหนำซ้ำ หากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มั่นใจ นางคงไม่ฝากเสี่ยวเป่าไว้ให้พวกเรา”
“สมควรตาย!” เม่ยเอ๋อร์ฟังจบ ก็ปล่อยหมัดออกไปกลางอากาศอย่างหัวเสีย “ข้าดูแลคุณชายน้อยไม่ดีเอง!”
“ไม่โทษเจ้าหรอก” เยี่ยนจื่อเสาพูดอย่างจริงใจ “ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เสี่ยวเป่าจะปล่อยพลังเช่นนั้นออกมา ในเมื่อ… ในเมื่อเขายังเล็กเช่นนั้น”
“…ใช่” อันที่จริงกู้หยวนหมิงเพิ่งตั้งสติได้ “เด็กคนนั้นจู่ๆ ระเบิดพลังและความเร็วที่ไม่น้อยไปกว่าขั้นสุวรรณชาด ข้าคิดว่าข้าเองก็ตามเขาไม่ทัน”
กู้หยวนหมิงยิ่งคิดยิ่งมึนงง เพราะว่าเขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังบรรยายความจริงที่น่าพิศวงเรื่องหนึ่งอยู่ เขารู้สึกว่าการมาต้าฮวงครั้งนี้เหมือนตนจะไม่ได้สิ่งใดเลย มีเพียงทำลายทัศนะคติของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ทราบว่า… นั่นยังเป็นทารกอีกหรือ ทารกที่โตสองสามเดือนพรรค์นั้นน่ะ! ทารกที่ก่อนหน้านี้ยังตัวอ่อนปวกเปียกคลานอยู่แบบนั้น! และเขายังไม่มีฟัน มิหนำซ้ำยังปีนไม่เป็น! ไม่สิ ทารกนั่นแม้แต่นั่งยังนั่งไม่เป็นเลย นี่มันปีศาจอะไรกัน กู้หยวนหมิงไม่เข้าใจ
แต่อินหลิวเฟิงในฐานะที่เป็นผู้เคยผ่านเรื่องราวชวนปวดศีรษะเช่นนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน เขาพูดอย่างสงบว่า “ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยข้าก็ไม่รู้สึกถึงภัยอันตราย ดังนั้นน่าจะไม่เป็นอะไรมาก พวกเราปิดล้อมที่นี่ก่อนเถิด แล้วค่อยดูอีกครั้ง”
“…ก็คงทำได้เท่านั้น” แม้เยี่ยนจื่อเสาจะไม่พอใจเท่าไร แต่เขาก็รู้ว่าข้อเสนอของอินหลิวเฟิงคือสิ่งเดียวที่ตอนนี้พวกเขาสามารถทำได้
ทว่าเม่ยเอ๋อร์กลับปิดล้อมบริเวณนี้ไว้หมดแล้ว แต่นางตกอยู่ในอาการบ้าคลั่ง รอบตัวนางแผ่ซ่านรังสีอสุรีอันโหดเหี้ยม ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้นาง
…
“อ้ะเนะเนะ” ส่วนเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่รู้ตัวว่าตนหายสาบสูญ ทำให้ผู้คนเท่าไรตระหนกตกใจนั้นก็ส่งเสียงร้องเรียกพ่อคนงามของเขาไม่หยุด
ต้าซือมิ่งราชสำนักที่ถูกเขาจับเองก็ไม่ได้ขยับตัว มือข้างหนึ่งของเขายังรับเจ้าก้อนน้อยที่จู่ๆ กระโดดเข้าหาเขาคนนี้ไว้
“อ้ะ! เย้…เนะเนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พูดไม่เป็นจึงพยายามแสดงออกอย่างแรงกล้า ตั้งแต่ที่เขากระโดดเข้าใส่บิดาของเขา ปากน้อยๆ ก็ขยับหมุบหมิบไม่หยุด ใบหน้าน้อยๆ ของเขาก็กลายเป็นสีชมพูระเรื่อเนื่องจากความสุขที่พลุ่งพล่าน
ท่าทางคลั่งไคล้เช่นนี้ของเด็กน้อย สำหรับต้าซือมิ่งราชสำนักที่พบเจอเหตุการณ์น้อยใหญ่มามากมายแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่รับมือยาก เขาทำได้เพียงเกร็งร่างสูงใหญ่ของตน มองก้อนน้อยมอมแมมก้อนนี้…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็หยุดส่งเสียง จากนั้นก็เปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว เขามุดเข้าไปในซอกคอจากแผ่นอกของพ่อคนงาม จากนั้นก็กอดคอเรียวยาวนั้นไว้ “อ้ะเนะเนะ!” จับได้แล้ว
“เจ้า…” ต้าซือมิ่งราชสำนักที่ถูกกอดยังคงขัดขืน เพราะว่าก้อนน้อยก้อนนี้ยังคงสกปรกมอมแมมตามที่เขาคาด
แต่เมื่อเจ้าก้อนมอมแมมก้อนนี้ซุกเข้ามาที่ซอกคอของเขาก็ทำให้เขารู้สึกยากที่จะขัดขืน ทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ทำให้เขามิสามารถปัดเจ้าก้อนน้อยออกไปได้
“ฮ่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของตนรังเกียจตนเพียงนี้ เขายิ้มกว้างอย่างมีความสุข และยังยิ้มจนน้ำลายไหลยืดลงมา
ต้าซือมิ่งราชสำนักที่สัมผัสถึงของเหลวที่ไหลลงบนคอของตนนั้นก็แทบจะผลักเจ้าก้อนมอมแมมออกไปทันที! เนื้อตัวสกปรกไม่ว่า ยังน้ำลายไหลอีก ทำไม… ถึงสกปรกเช่นนี้
แต่แม้จะรังเกียจอย่างไร เขาก็มิอาจทิ้งเจ้าก้อนน้อยไปไม่ได้ มือของเขายังยกขึ้นตามสัญชาติญาณ ลูบเจ้ามอมแมมน้อยที่ซุกอยู่ที่ซอกคอเขา
“!” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยเกร็งร่าง ราวกับตื่นเต้นมาก!
เมื่อต้าซือมิ่งที่รู้สึกเกร็งไปทั้งตัวได้ลูบศีรษะโล้นเลี่ยนของเขาก็พลันเกิดความคุ้นชินแปลกประหลาดขึ้นในใจ ทำให้เขาเอ่ยปลอบเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “โอ๋”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็ดีใจจนผ่อนคลายลง แต่ยังคงกอดคอบิดาเอาไว้แน่น ท่าทีอาลัยอาวรณ์
ท่าทางเช่นนี้ของเจ้าก้อนน้อยทำให้ต้าซือมิ่งที่กอดเขาอยู่ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าก้อนน้อยถึงติดเขางอมแงมเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่รู้สึกรังเกียจ หากเจ้าก้อนน้อยสะอาดกว่านี้น่ะนะ
ทว่า…
“แม่ของเจ้ามาแล้ว”
ต้าซือมิ่งราชสำนักที่รู้ว่าเยี่ยนอวี๋กำลังจะมาถึงนั้นพลันดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา พยายามผละเจ้าก้อนน้อยออกเพื่อเช็ดเนื้อตัวเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ปล่อยมือก่อน ข้าจะเช็ดหน้าให้เจ้า” จะได้ไม่ถูกเข้าใจผิดอีกว่าข้ารังแกก้อนน้อยก้อนนี้อีกแล้ว…