“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายืนหยัดไม่ยอมปล่อยมือจากบิดาของเขา
ต้าซือมิ่งราชสำนักจึงตบก้นน้อยๆ ของเขาเบาๆ “เจ้าตัวมอมแมมเช่นนี้ ไม่รู้สึกอึดอัดหรือ”
“อ้ะเนะ?” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยปล่อยมือทันที เมื่อคิดถึงความจริงที่ตนกลิ้งมาบนพื้น เขาก็รู้สึกละอายใจขึ้นทันที
ต้าซือมิ่งราชสำนักจึงจับก้อนน้อยที่แนบติดบนตัวเขาออกมาได้อย่างราบรื่น และยังคงทำอย่างระมัดระวัง
เพราะว่าเขายังคงคิดว่าก้อนน้อยมอมแมมตัวนี้ทั้งนิ่มทั้งเล็กและเปราะบาง เพียงแค่เขาออกแรงเล็กน้อย เจ้าก้อนมอมแมมก็อาจจะสลายเป็นผุยผงได้…
และความระมัดระวังเช่นนี้ของเขา ก็ทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าสัมผัสถึงความอ่อนโยนเหมือนแม่คนงามของเขา ทำให้เขาปรากฏรอยยิ้มไร้ซี่ฟันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “ฮ่า”
ต้าซือมิ่งราชสำนักสะดุดตากับรอยยิ้มอ่อนโยนหวานฉ่ำที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นของเจ้าก้อนน้อย มีชั่วขณะหนึ่งที่เขารู้สึกว่าตนเองเห็นจิ้งจอกน้อยร่าเริงจอมเซ่อซ่าตัวหนึ่งหน้าตาอิ่มหนำสำราญและมีความสุข ราวกับได้ทานอาหารอันโอชาจากเขาอย่างไรอย่างนั้น
“หึ…” ต้าซือมิ่งอดหัวเราะขึ้นเบาๆ ไม่ได้ เสียงไพเราะดั่งเสียงเครื่องดนตรีพิณที่ดีที่สุด เป็นบทกลอนงดงาม ลึกซึ้งและละเอียดอ่อน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว ปล่อยให้บิดาของเขาเช็ดถูเนื้อตัวอย่างให้ความร่วมมือ ทว่ามือน้อยๆ ของเขายังคงจับมือของบิดาไว้ตามสัญชาติญาณ
ถึงแม้เขาจะตัวเล็ก แต่แรงของเขาไม่น้อยเลย อย่างน้อยต้าซือมิ่งก็รับรู้ถึงความเจ็บแปลบตรงบริเวณที่ถูกจับ เจ้าหมอนี่…
“เจ้ากลัวข้าหนีหรือ” ในขณะที่ต้าซือมิ่งเช็ดฝุ่นบนใบหน้าเขา เขาก็พบว่า เจ้าก้อนน้อยนี้ผิวยังบอบบางนัก เขาเพียงเช็ดเบาๆ ผิวบอบบางของเขาก็แดงแล้ว
ต้าซือมิ่งจึงเก็บผ้าเช็ดหน้าเงียบๆ ไม่กล้าเช็ดอีก… พลางคิดว่าเจ้าก้อนน้อยตัวนี้คงถูกประคบประหงมมาอย่างดีทุกวัน แต่กลับไม่รู้ว่าเลี้ยงดูอย่างไรจึงปล่อยให้ติดนิสัยเสียเช่นการเกลือกกลิ้งไปมาเหมือนกับหนอนเช่นนี้
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกถามก็พยักหน้าตอบว่า “อ้ะ!”
ซือมิ่งรูปงามก็เลิกคิ้วโก่งงามดั่งภาพวาดของเขา ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “หากข้าไม่ไป ท่านแม่เจ้าคงมาจัดการข้าแล้ว”
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกตาโต อยากจะบอกว่าแม่คนงามของเขาอ่อนโยนที่สุด ไม่ตีคนหรอก!
ทว่าเมื่อซือมิ่งรูปงามลูบศีรษะน้อยโล้นๆ ของเขาก็ทำให้สิ่งมีชีวิตตัวน้อยรู้สึกง่วงงุนขึ้นมาในทันที แต่เขายังคงเบิกตาโต อยากจะพูดอะไรอีก
“ต้านทานการสะกดจิตของข้าได้ด้วยหรือ” ภายใต้ดวงตาของต้าซือมิ่งฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเขายังคงลูบศีรษะเด็กน้อยต่อไป เพื่อสะกดจิตให้เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเขาหลับ
“หาวว” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ไม่สามารถรับมือบิดาผู้ให้กำเนิดได้ก็หาวหวอดสะลืมสะลือ จากนั้นก็มุดเข้าไปในอกของบิดาและหลับไปในที่สุด
ต้าซือมิ่งมองก้อนน้อยตัวมอมแมมที่อยู่ในอ้อมอกเงียบๆ ถึงแม้ทุกครั้งเจ้าก้อนน้อยจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมความมอมแมม แต่เขามักจะสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดอันแปลกประหลาดจากเจ้าก้อนน้อยเปรอะฝุ่นคนนี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเข้าใกล้เขาได้โดยไม่ทำให้เขารังเกียจ …ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถรับรู้การปรากฏตัวของก้อนน้อยและมารดาก้อนน้อยซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือ
ต้าซือมิ่งจากราชสำนักครุ่นคิด…
ข้างนอกที่ถูกปิดกั้นเนื่องจากวิชาปลีกตัวของเขา บัดนี้ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างยิ่งยวด เพราะว่าเยี่ยนอวี๋ออกมาแล้ว และนางก็ไม่ได้พาสิ่งมีชีวิตตัวน้อยออกมาด้วยกัน
นั่นทำให้เยี่ยนจื่อเสาและคนอื่นๆ ที่ตั้งความหวังสุดท้ายไว้ พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เสี่ยวเป่าเขา…”
“อย่าเพิ่งพูดอะไร” เยี่ยนอวี๋ตัดบทพี่รอง แม้นางเพิ่งออกมา แต่นางก็รู้แล้วว่า เด็กน้อยของนางหายตัวไปแล้วและแน่นอนว่าถูกต้าซือมิ่งคนนั้นลักพาตัวไป!
ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่ง เยี่ยนอวี๋มั่นใจว่า คนคนนั้นยังอยู่ในละแวกนี้ เขายังไม่ได้ไปไหนไกล แต่อยู่บริเวณจุดใดนั้น นางยังคงไม่สามารถสัมผัสได้
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับไม่ร้อนรน นางกระตุ้นพลังไท่ชางจากสมองด้วยดวงตางดงามเคร่งขรึม ในเมื่อฝั่งตรงข้ามนำกระบี่ไท่ชางไป เช่นนั้นไม่ว่าเขาจะหนีไปที่ใด ขอเพียงเขามีกระบี่ไท่ชางติดตัว นางก็มีวิธีหาตัวเขาเจอได้! ทว่าอันที่จริงนางไม่อยากเปิดเผย ‘ความสามารถ’ นี้เร็วเกินไป เพราะนางไม่กังวลว่ากระบี่ไท่ชางจะทรยศเจ้านาย
วิ้ง! กระบี่ไท่ชางที่ถูกเจ้านายเรียกก็ขานตอบเยี่ยนอวี๋อย่างรุนแรงทันที มันอยากจะหนีจากกำมือของต้าซือมิ่งราชสำนัก แม้มันจะยินยอมไปด้วย มันก็ขานตอบการเรียกหาของเยี่ยนอวี๋ตามสัญชาติญาณ
อันที่จริงซือมิ่งรูปงามผู้มาจากราชสำนักรู้เรื่องนี้ดี และเขาก็ดีรู้ว่า หากเขาไม่หนีไปอีก จะถูกจับได้จริงๆ แล้ว
แต่เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเขายังคงไม่ยอมปล่อยเขาไป ถึงแม้อีกฝ่ายจะหลับลึกไปแล้ว แต่ยังคงจับมือของเขาไว้แน่นตามสัญชาติญาณ
ในขณะเดียวกัน เมื่อเยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกระบี่ไท่ชางจางๆ นางก็ดีดลำแสงสายหนึ่งเข้าไปกลางอากาศตรงหน้า ปากพลางร่างเวทโบราณ “เปิด!”
วิ้ง… ภายใต้แรงกระตุ้นจากพลังจิตและเวทเทพของนางแสงดำมืดที่เยี่ยนอวี๋ดีดออกไปพลันแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องรางที่สามารถแยกอากาศที่ซ่อนตัวออกได้
ในชั่วขณะที่อากาศถูกแหวกออก แสงสีม่วงระยิบระยับก็ไหลออกมาจากกลางอากาศลึกลับแห่งนั้นอย่างต่อเนื่องราวกับละอองน้ำพุ งดงามยิ่งนัก
แต่กลิ่นอายเช่นนี้ การเคลื่อนไหวเช่นนี้ ทำให้อินหลิวเฟิงที่คอยดูอยู่ข้างกายตกตะลึงไปอีกครั้ง “นี่ นี่มันเหมือนกลิ่นอายของต้าซือมิ่งเลย”
นิ้วมือของเยี่ยนอวี๋หนีบเครื่องรางไว้อย่างรวดเร็ว นางรู้สึกได้ว่า คนคนนั้นซ่อนตัวอยู่กลางอากาศลึกลับนั้น รวมถึงเด็กน้อยของนางก็อยู่ในนั้นด้วย!
แต่แล้ว…
ฟิ้ว!