เพียงพริบตราแสงสีม่วงระยิบระยับกลุ่มหนึ่งจากอากาศที่แหวกออกก็พุ่งมาทางเยี่ยนอวี๋ด้วยความรวดเร็ว
“ระวัง!” เยี่ยนจื่อเสาผู้ที่คอยระวังตลอดเวลารีบดึงน้องสาวตนออกห่างทันที วิญญาณจิ้งจอกขาวที่ถูกเขาเรียกมาก็เอาตัวเข้าเป็นโล่กำบังปกป้องพี่น้องทั้งสองเอาไว้
แต่แล้วแสงสีม่วงที่จู่ๆ ก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันเสียงดัง ปัง กลับไม่ใช่การโจมตีที่เป็นอันตรายใดๆ ราวกับว่ามันเป็นเพียงแสงบริสุทธิ์และอ่อนโยนเท่านั้น
เยี่ยนจื่อเสาที่หวาดระแวงตลอดเวลานั้นอดชะงักไปไม่ได้ “…อะไรกัน”
ในขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ถูกโอบอุ้มด้วยแสงระยิบระยับกลุ่มหนึ่งก็ถูกโยนออกมา! ด้วยความรวดเร็วเช่นกัน?!
เยี่ยนอวี๋ตกใจจนหยุดหายใจ แต่นางเองก็คล่องแคล่วไม่แพ้กัน นางโฉบผ่านเยี่ยนจื่อเสา รับเด็กน้อยที่ถูกโยนออกมาเข้ามาในอ้อมอกทันที
“เสี่ยวเป่า!”
“…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหายใจเข้าออกปกติ ใบหน้าชมพูระเรื่อ อันที่จริงแล้วดูปกติสุขมากเลย
ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่คิดเช่นนั้นเลย เพราะนางสัมผัสได้อย่างเฉียบแหลมว่า วงแสงที่โอบอุ้มเด็กน้อยมีร่องรอยของการสะกดจิตอยู่! ไอ้สารเลวคนนั้น…
เยี่ยนอวี๋เกือบจะหลุดคำด่าออกมา แต่มวลอากาศที่ถูกนางแหวกออกก็พลันระเบิดเสียงดัง ตู้ม ทำให้นางต้องคุ้มกันเด็กน้อยพลางอดกลั้นความหงุดหงิดไว้
เม่ยเอ๋อร์และคนอื่นๆ ต่างก็หลบหลีกและตั้งแนวคุ้มกันอันทรงพลัง เนื่องจากคลื่นพลังที่หลงเหลือจากอากาศที่ถูกแหวกออก มีพลังทำลายล้างต่อร่างกายทุกคนเป็นอย่างสูง
โชคดีที่บริเวณอากาศที่ถูกแหวกออกไม่กว้างมากนัก กู้หยวนหมิง อินหลิวเฟิงและลูกน้องของเขาจึงสามารถรับมือได้ หลังจากที่ควันมลายหายไป ทุกคนต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มารดามันเถอะ…” อินหลิวเฟิงกลับหวาดกลัวมากกว่าผู้ใด เขาตบหัวใจตนเองเบาๆ เพราะว่าเขาสามารถสรุปได้อย่างมั่นใจแล้วว่า คลื่นพลังนี้มาจากต้าซือมิ่งลึกลับแห่งราชสำนักท่านนั้น! แม่ง…
อินหลิวเฟิงเขื่อว่า หากฝ่ายตรงข้ามอยากจะฆ่าพวกเขาให้ตาย พวกเขาคงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว โชคดีที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับพวกเขา
ว่าแต่ คนจากราชสำนักท่านนี้เหตุใดจึงกระทำเรื่องต่ำช้าอย่างการลักพาตัวท่านประมุขน้อย… ถุย! ปากเสีย แต่ไม่ใช่สิ นี่มันเรื่องต่ำช้าจริงๆ นี่นา
อินหลิวเฟิงยังคงไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยเขาก็เข้าใจเรื่องหนึ่งแล้ว ครั้งที่แล้วเขาเป็นแพะรับบาปให้ต้าซือมิ่งจริงๆ ! ต้าซือมิ่งเป็นคนรังแกท่านประมุขน้อยจริงๆ ด้วย! ไม่ใช่เขาเสียหน่อย! แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอยู่ดี ฮือๆ …
…
และในขณะที่อินหลิวเฟิงรู้ความจริงเรื่องที่เขาเป็นแพะรับบาปแล้วนั้น เยี่ยนอวี๋ที่ทำลายควันหลงกลางอากาศแล้วก็เหลือบไปเห็นสิ่งของคล้ายกระดาษแผ่นหนึ่ง
เยี่ยนอวี๋ยื่นมือไปคว้าไว้อย่างไม่ลังเล จากนั้นนางก็พบว่า มันคือกระดาษมีข้อความเขียนทิ้งไว้จริงๆ ลายมือนั้นงดงามนัก ลายเส้นทรงพลังพลิ้วไหวดุจมังกร ความโอหังปรากฏในทุกๆ ตัวอักษร!
อย่างน้อยเยี่ยนอวี๋ก็มองว่าคือความโอหัง! เพราะว่ามีเพียงตัวอักษรเจ็ดตัวบนนั้น ‘ข้าจะรอเจ้ามาจับข้า’ …!
แกรบ! เยี่ยนอวี๋ขยำกระดาษเป็นผุยผงในทันที นางมั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามคอยเฝ้าสังเกตพวกเขาสองแม่ลูกมาตลอด ตลอดเวลา! เจ้าคนสารเลว!
เยี่ยนอวี๋ในเวลานี้ นางถือว่าข้อความที่ต้าซือมิ่งราชสำนักทิ้งไว้ให้คือสาส์นท้ารบ! และการกระทำที่ลักพาตัวเด็กน้อยของนางไปก็ถือเป็นการยั่วยุที่มิอาจให้อภัยได้!
ในเมื่อสำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของนางก็คือเด็กน้อยของนาง คนที่มีความสามารถควบคุมสามโลกได้เช่นนาง ถูกคนแอบฟังแต่กลับไม่รู้ตัว สำหรับนางแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไรนัก
ดังนั้นข้อความที่ต้าซือมิ่งทิ้งไว้เพียงเพื่อหยอกเย้าเยี่ยนอวี๋นั้นจึงกลายเป็น ‘สิ่งยึดโยง‘ ในการเกี้ยวพาภรรยาในวันข้างหน้าของเขา ทว่าบัดนี้เขากลับไม่รู้ตัวเลย…
“…เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?” เยี่ยนจื่อเสารับรู้ได้ถึงความโกรธของเยี่ยนอวี๋ เขามองน้องสาวด้วยความกังวล “เขียนว่าอะไรหรือ”
“ไม่มีอะไร ก็แค่คนเหลือขอจอมโอหังเท่านั้น” เยี่ยนอวี๋พูดอย่างเยือกเย็น นัยน์ตากลับมีไฟลุกโชน ดูท่าจะเดือดดาลมาก
เม่ยเอ๋อร์ไม่เคยเห็นคุณหนูใหญ่โกรธกริ้วเช่นนี้มาก่อน นางจึงคุกเข่าลงบนพื้นอย่างเกรงกลัว “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยประมาท ข้าน้อยไม่สามารถปกป้องคุณชายน้อยได้ คุณหนูใหญ่โปรดลงโทษ”
“เรื่องนี้…” เยี่ยนจื่อเสาอยากยื่นมือเข้าช่วย
แต่เยี่ยนอวี๋รู้แล้ว พูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ปัญหาของเจ้า พลังของต้าซือมิ่งราชสำนักท่านนี้ ไม่ใช่คนที่เจ้าในตอนนี้สามารถรับมือด้วยได้ ลุกขึ้นเถิด”
“ต้าซือมิ่งจริงๆ ด้วย!!!” อินหลิวเฟิงร้องเสียงหลง ถึงแม้เขาจะรู้แล้ว แต่ยังคงใจฝ่ออยู่ดี!
“ใช่เขา” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า นางสงบสติอารมณ์ที่ถูกยั่วยุลง ก่อนจะสั่งเม่ยเอ๋อร์ “เจ้าจงกลับสำนัก ให้เร็วที่สุด”
“…คุณหนูใหญ่?” เม่ยเอ๋อร์มองเยี่ยนอวี๋อย่างลำบากใจ นางคิดว่าเป็นเพราะตนเองปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีจึงถูกส่งตัวกลับไป
เยี่ยนอวี๋รู้ความคิดนางดี นางจึงอธิบายว่า “ราชสำนักส่งทหารไปชางอู๋เพื่อจับท่านพ่อของข้าแล้ว เจ้าจงกลับไปปกป้องเขา หากสำนักตัดสินใจปลดเขาออก เจ้าจงพาเขาออกมาทันที แล้วมาหาข้า”
เม่ยเอ๋อร์พลันกระจ่าง นางไม่ได้ถูกเนรเทศ แต่ได้รับหน้าที่สำคัญ ดังนั้นนางจึงรับคำบัญชาอย่างไม่รีรอ “เจ้าค่ะ! คุณหนูใหญ่ ข้าวต้มงูนั่นท่านคอยดูด้วย อีกประมาณหนึ่งจิบชาก็เสร็จแล้ว”
“อืม ไปเถิด” ในขณะที่เยี่ยนอวี๋โบกมือเบาๆ สายตาพลันเหลือบไปมองกู้หยวนหมิง
หลังจากที่เม่ยเอ๋อร์จากไปแล้ว เยี่ยนอวี๋ก็ปริปากพูดอีกครั้ง “ชุนซิ่นจวิน หากข้าจำไม่ผิด เจ้ามีพี่สาวท่านหนึ่งเป็นเซ่าซือมิ่งแห่งราชสำนัก”
นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะว่าเยี่ยนอวี๋รู้ว่าเซ่าซือมิ่งทั้งสามท่านในตอนนี้คือผู้ใดบ้าง หนึ่งในนั้นมีสตรีเพียงผู้เดียว ทว่านางไม่แน่ใจว่าเหนียงเหนียงในวันข้างหน้านั้น คือเซ่าซือมิ่งท่านนี้ หรือว่าอันที่จริงเหนียงเหนียงในวันข้างหน้าท่านนั้น เป็นเพียงหุ่นเชิดกันแน่