ครืน!
ในชั่วขณะที่หยางเทียนชื่อมาเยือนเมืองชางอู๋นั้น เขายังสังเวยศาสตราเวทโบราณคล้ายดอกปทุมเพื่อปิดเมืองชางอู๋ไว้หมดแล้ว
ทั้งเมืองชางอู๋ตกอยู่ในสถานะถูกปิดตายทั้งหมด ชาวบ้านที่เตรียมตัวจะออกจากเมืองต่างก็ยืนขวางอยู่หน้าประตูเมือง เดินออกไปไม่ได้เลย
ความโกลาหลจึงบังเกิดทั้งประตูทิศใต้และทิศเหนือ “เกิดอะไรขึ้น”
“นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกัน! ข้าเจอผีรึอย่างไร” จ้าวเหล่าลิ่วพยายามหลายหนก็มิสามารถออกจากประตูเมืองไปได้ เขารู้สึกเพียงเสียวสันหลังวาบ
ชาวเมืองข้างกายที่เดินออกจากประตูเมืองมิได้เช่นกันก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “จ้าวเหล่าลิ่ว! เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญฌานมิใช่หรือ ยังกลัวเจอฝีหรือไง อ้อ ไม่สิ เจ้าก็ออกไปไม่ได้รึ”
“ใช่สิ! พวกเจ้ารอประเดี๋ยว ข้าขอลองท่าอกมหาประลัยที่เพิ่งเรียนมาดู!” จ้าวเหล่าลิ่วพูดพลางก็ทุบหน้าอกตนเอง วงแสงสีแดงที่ดูงดงามสำหรับคนธรรมดาพลันระเบิดไปข้างหน้า
ร่างกายจ้าวเหล่าลิ่วอ่อนแรงลงไม่น้อย ทว่าเขายังคงมีสติดี พูดว่า “คอยดูเถอะ! ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้! แล้วอย่าลืมเรียกข้าว่านายท่านด้วย หยุดเรียกว่าจ้าวเหล่าลิ่ว จ้าวเหล่าลิ่วอยู่นั่นเสียที”
“ได้ๆๆ!” ชาวเมืองไม่คิดถือสาแม้แต่น้อย
แต่แล้ว ในขณะที่จ้าวเหล่าลิ่วผู้เย่อหยิ่งเดินท่าปูเดินออกไปอย่างกล้าหาญ เขาก็เด้งกลับมาล้มลงในหมู่คน…
“ยังไม่ได้อยู่ดีนี่!” ชาวเมืองจึงรู้สึกถึงความผิดปกติ
เหล่าผู้ลาดตระเวนที่มาเพราะความอลหม่านที่เกิดขึ้นนั้นก็ออกมาควบคุมจัดระเบียบ แต่ก็ค้นพบพบว่าพวกเขาไม่สามารถเดินออกจากประตูเมืองได้เช่นกัน
“รีบรายงานท่านประมุข!” หัวหน้าผู้น้อยผู้พิทักษ์เมืองก็คิดได้ทันทีว่า ทางสำนักได้ประกาศเตือนป้องกันศัตรูระดับหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว…
ไม่คิดเลยว่า!
ศัตรูที่มองไม่เห็นมาถึงแล้วจริงๆ !
หัวหน้าผู้น้อยตื่นตะหนกและรีบสั่งให้ลูกน้องไปรายงานเบื้องบนทันที ส่วนเขาก็รีบขี่ม้าเร็วไปสำนักชางอู๋ และตะโกนไปตลอดทาง “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุกกก”
“ข้าศึกบุก!”
“ข้าศึกบุก!” ด่านต่างๆ ในเมืองที่เฝ้าระวังตั้งแต่เช้าตรู่ต่างทำงานสอดประสาน มวลคลื่นพลังลาดตระเวนอันทรงพลังมากมายก็กวาดไปรอบทิศอย่างรวดเร็วแล้ว
สำนักชางอู๋ที่ตื่นตระหนกก็เปิดใช้งานแนวป้องกันระดับหนึ่งทั่วทั้งเมืองในทันที เชื่อมต่อกับแนวป้องกันของปรมาจารย์วิญญาณสำนักชางอู๋อย่างแข็งแกร่งทันที
ฟึบ
ปัง!
ปัง!
มีพลังอันน่ากลัวโจมตีเข้าใส่ จากนั้นรอบทิศสำนักชางอู๋ก็ระเบิดออก เหล่าผู้แข็งแกร่งสำนักชางอู๋เพิ่งพบว่า พวกเขาถูกขังไว้เสียแล้ว
“เตือนภัย! มีพลังปิดล้อมมหาศาลล้อมเมืองชางอู๋ไว้” ผู้ดูแลแต่ละด่านส่งแจ้งเตือนภัยเดียวกันด้วยค่ายกลความไวกลับไปยังสำนัก
ในขณะเดียวกัน หน่วยลาดตระเวนของเมืองชางอู๋ก็รีบจัดแจงให้ชาวบ้านกลับบ้านไปทันที ทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น ก็จัดการคนบนถนนหนทางหมดแล้ว
ความรวดเร็วและไหวพริบเช่นนี้ ทำให้หยางเทียนชื่อที่อยู่บนอากาศอดถอนหายใจไม่ได้ “หากไม่ใช่ศาสตราเวทอวกาศที่ยืมมาจากสำนักชิงเหลียน คงยากที่จะรวบสำนักชางอู๋เอาไว้ได้ในคราวเดียว”
การตอบสนองรวดเร็วปานนี้ ยามวิ่งขึ้นมาต้องรวดเร็วแน่!
หยางเทียนชื่อคิดเช่นนี้
กลับไม่รู้ว่า ตั้งแต่ที่เยี่ยนอวี๋จากไปไม่นาน เยี่ยนชิงก็ส่งตัวศิษย์รุ่นเยาว์ชั้นดีบางส่วนของสำนักชางอู๋ออกไปตั้งนานแล้ว…
ทว่าแม้จะวางแผนไว้แต่แรก เยี่ยนชิงในบัดนี้ยังคงรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน “เร็วเช่นนี้เลยรึ! อิงจากความเร็วของราชสำนักอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาถึงห้าวันจึงจะมีทหารกองหน้ามาถึงมิใช่หรือ”
“มิใช่คนของราชสำนัก” เยี่ยนหงชวนถอนหายใจเบาๆ เขาเดาได้ว่าผู้ใดมา และเดาได้ว่าศาสตราเวทที่ปิดล้อมสำนักชางอู๋ไว้อย่างเงียบเชียบคืออะไร
เพียงแต่ถึงแม้เขาจะจินตนาการถึงสถานการณ์ไว้เลวร้ายเพียงใดก็คิดไม่ถึงว่า คนที่มาคืออดีตประมุขของสำนักคุนอู๋ หยางเทียนชื่อ
“ว่าอย่างไรนะ” เมื่อเยี่ยนชิงได้ยินคำพูดพึมพำของท่านปู่ก็หน้าแดงหน้าดำขึ้นทันที “สำนักคุนอู๋ไร้ยางอายเช่นนี้เลยหรือ ต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้เลยหรือ!”
ทว่าเมื่อพูดจบ อารมณ์เยี่ยนชิงพลันเปลี่ยนไปก่อนจะถอนหายใจโล่งอก “โชคดีที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไปแล้ว ยังไม่กลับมา โชคดี โชคดี…”
“…โชคดีจริงๆ” เยี่ยนหงชวนเหลือบมองหลานชายด้วยสายตาแปลกประหลาด ขณะเดียวกันก็เดินเหยียบอากาศออกไปเข้าไปในความว่างเปล่า ก่อนจะมองไปบนฟ้า “หยางเทียนชื่อ ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าหลบๆ ซ่อนๆ ออกมาเถิด”
เมื่อหยางเทียนชื่อได้ยินดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา ขณะที่เขากำลังจะเหยียบเข้าไปในค่ายกลปิดล้อมและกำลังจะขานตอบ กลิ่นอายลึกลับคล้ายมีคล้ายไม่มีจางๆ ก็สะกดเขาเอาไว้
หยางเทียนชื่อเหงื่อตกในทันใด เขาหันไปมองรอบตัว “ต้า ต้าซือมิ่ง?” ไม่ ไม่ใช่หรอกมั้ง นี่มัน… ที่นี่จะมีกลิ่นอายของต้าซือมิ่งท่านนั้นได้อย่างไร!
หยางเทียนชื่อไม่อยากจะเชื่อ! แต่พลังที่สกัดเขาไว้นั้น ทำให้เขามิอาจขัดขืนได้เลย และทำให้เขารู้โดยสัญชาติญาณว่า กลิ่นอายที่สามารถสะกดเขาไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เป็นไปได้มากที่จะเป็นต้าซือมิ่งราชสำนักท่านนั้น
ในเมื่อ ในเมื่อครั้งต้าซือมิ่งกบฏต่อจักรพรรดิหยวนคังในปีนั้น เขา… เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ และยัง… ยังจำได้ด้วย แต่ว่า แต่ว่า…
“ต้าซือมิ่ง ท่าน… มีบัญชาอะไรหรือไม่” ใบหน้าเหี่ยวย่นของหยางเทียนชื่อกระตุกอย่างสิ้นหวัง เขากำลังคิดว่า ต้าซือมิ่งท่านนี้คงไม่ได้คิดอยากได้วิชาลับของชางอู๋หรอกกระมัง แต่…
แต่หากท่านนี้มีความคิดเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่บอกแต่แรกเล่า! บอกแต่แรกใครมันจะมาแย่งเล่า! แม้แต่สำนักคุนอู๋อย่างพวกเขาก็ไม่กล้าแย่งแน่นอน! อย่างน้อยก็ไม่แย่งอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้!
ทว่า หยางเทียนชื่อสั่นสะท้านอยู่นาน กลับไม่มีเสียงขานตอบใดๆ ราวกับว่าผู้ที่ปรากฏนั้น เพียงแค่ต้องการสกัดเขาไว้เท่านั้น? เอ่อ…