เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 115 ตัวตนที่แท้จริงของปรมาจารย์วิญญาณสำนักชางอู๋!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ปังงง

ภายใต้การผลักดันของอัสนีบาตร พลังอันน่าสะพรึงของธาตุไฟก็กลายเป็นแสงไฟขนาดเท่างูยักษ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะระเบิดไหลออกมาประหนึ่งหินหลอมเหลวกลางอากาศเหนือเมืองชางอู๋

เสียงหลอมเหลวดัง ปุดๆ แสงไฟและแสงเพลิงที่แตกกระจายเข้าไปในเมืองชางอู๋ เป็นสัญลักษณ์ที่กำลังสื่อว่าเกราะคุ้มกันเมืองที่ปกป้องสำนักชางอู๋ไว้กำลังจะพังทลายในเร็วๆ นี้ เนื่องจากการโจมตีกะทันหัน

เพราะอย่างไรวั่วปู้เหลยและปู่เย่าเหลียนที่ไม่สมควรลงมือตามอำเภอใจนั้นก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งขั้นถอดจิตแรกเริ่ม เมื่อพวกเขากำลังร่วมมือกันโจมตี และเมื่อพลังของธาตุไฟผสานเข้ากับพลังของธาตุสายฟ้า ประสิทธิภาพของมันมิได้เพิ่มขึ้นเพียงเท่าตัวเท่านั้น แต่มันเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า! ดังนั้นการร่วมมือกันของทั้งสองมีพลังเท่ากับพลังการจู่โจมของผู้มีความสามารถขั้นถอดจิตชั้นสูงสุดท่านหนึ่ง ยอดฝีมือเช่นนี้ไม่มีผู้ใดต้านทานได้จริงๆ อย่างน้อยสำนักชางอู๋ก็ไม่มีผู้ใดที่หยุดมันได้เลย

“จบเห่…”

“มารดามันเถอะ!”

“ไร้ยางอาย!”

เหล่าผู้อาวุโสสำนักชางอู๋ทั้งสิ้นหวังและโกรธเคือง!

แม้พวกเขารู้ว่าการที่สำนักคุนอู๋ส่งยอดผู้แข็งแกร่งถึงสองท่านมาต่อสู้กับสำนักชางอู๋ของพวกเขา เป็นการกระทำที่ต่ำตมนัก ทว่าพวกเขาก็รู้ดีว่า ฝ่ายตรงข้ามอาจจะมาเนื่องจากได้รับราชโองการ

ในเมื่อสำนักคุนอู๋เป็นที่โปรดปรานของราชสำนัก และคุณหนูใหญ่ของสำนักพวกเขาก็สังหารผู้สูงศักดิ์ราชสำนักที่ได้รับคัดเลือกไปแล้วจริงๆ

“ทำอย่างไรดีเล่า” ประมุขหอสัตว์บรรพกาลอดถามขึ้นไม่ได้ “หรือว่าจะปล่อยให้พวกเขาโอหังเช่นนี้”

“ไม่เช่นนั้นเล่า” ประมุขหอราชทัณฑ์ถามกลับอย่างหมดหวัง “ถึงแม้เราใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า พลังของเรามิอาจสู้สำนักคุนอู๋ได้”

“ผู้ใดจะไปคิดว่าสำนักคุนอู๋จะส่งผู้พิทักษ์ธาตุไฟและธาตุสายฟ้ามา พวกเขามีผู้พิทักษ์ทั้งหมดเพียงแปดนาย แต่ถึงกับส่งผู้พิทักษ์สองนายมาสำนักชางอู๋ มองเราไว้สูงส่งเสียจริงๆ” ผู้อาวุโสรองอยากจะสะอื้นไห้

นี่คืออุปสรรคที่ไม่มีผู้น้อยใหญ่สำนักชางอู๋คนใดคำนึงถึง พวกเขาเคยคิดถึงสถานการณ์ย่ำแย่ที่สุด อย่างมากที่สุดก็แค่ถูกทหารประจำการราชสำนักปิดล้อม แต่ตอนนี้กลับเป็นผู้พิทักษ์ของสำนักคุนอู๋และกองกำลังทหารใต้บังคับบัญชาแนวหน้าคุนอู๋ที่นำทัพมา!

นี่มันทหารคนละชั้นกันชัดๆ มารดามันเถอะ!

โดยพื้นฐานแล้วทหารประจำการราชสำนักมาจากคนสามัญชน แต่กองกำลังทหารใต้บังคับบัญชาแนวหน้าคุนอู๋เป็นผู้ฝึกฌานทั้งนั้น มารดามันเถอะ!

“ไร้หนทางสู้แล้ว เมื่อเกราะคุ้มกันแตก เกรงว่าเราคงต้องยอมแพ้ทันที” ประมุขหอโอสถเสนอแนวทางอย่างสมเหตุสมผล โดยยึดถือผลกระทบที่ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด

“เกรงว่าจะทำได้เพียงเช่นนี้แล้ว” ผู้อาวุโสรุ่นก่อนที่รีบออกมาไม่น้อยต่างก็แสดงความหดหู่ใจ เกรงว่านี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีความทะเยอทะยาน แต่สถานการณ์เลวร้ายจริงๆ…

มดปลวกตัวหนึ่ง ไฉนเลยจะพูดเรื่องความทะเยอทะยานกับช้างได้เล่า

นี่มันไร้หนทางสิ้นเชิง!

คนละชั้นกันชัดๆ!

ทว่า ในขณะที่บรรยากาศในตำหนักใหญ่ตึงเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เกราะคุ้มกันเมืองชางอู๋ที่แต่เดิมถูกทำลายและแตกสลายนั้น ก็เหมือนกับถูกพลังบางอย่างเสริมความแข็งแกร่งขึ้น จู่ๆ ก็ส่งเสียงร้อง วิ้งๆ!

“มีความเคลื่อนไหว?!” ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสรุ่นก่อนต่างจับตามองเกราะคุ้มกัน ทำเอาประมุขหอคนอื่นๆ ในตำหนัก และผู้อาวุโสต่างปล่อยพลังจิตสัมผัสออกไป

วิ้งๆ เสียงดังขึ้นจากเขตหวงห้ามสำนักชางอู๋แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมแผ่ซ่านแสงสีแดงก่ำออกมา และในศูนย์กลางของเขตหวงห้ามนั้น

ฟู่!

ฟู่! ฟู่!…

ต้นอู๋ถงที่มีใบและกิ่งสีทอง รอบต้นลุกโชนด้วยเพลิงไฟพลันทะลวงอากาศเติบโตขึ้นบริเวณที่ต้าซือมิ่งราชสำนักเคยอยู่ ถึงแม้ลักษณะของมันในตอนนี้ยังเป็นเพียงต้นอ่อน แต่มันก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว!

มันกำเนิดในเปลวเพลิง!

มันเติบโตกลางเวหา!

มันแข็งแกร่งตามสถานการณ์!

ทว่าผ่านไปเพียงไม่นาน มันก็สูงเท่าครึ่งหนึ่งของมนุษย์ แสงอสนีบาตและแสงอัคนีที่ทะลวงเข้าเกราะคุ้มกันชางอู๋บนท้องฟ้าเหล่านั้นก็ถูกสกัดกั้นไว้

หยางชีซานตะลึงงัน “หง… หงชวน เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

“เมล็ดอู๋ถงงอกเงยแล้ว” แม้เยี่ยนหงชวนเองก็ตกใจเช่นกัน แต่เขารู้ว่าในเขตหวงห้ามสำนักชางอู๋แห่งนี้ มีต้นอู๋ถงต้นหนึ่งอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าแต่เดิมเยี่ยนหงชวนคิดว่า เมล็ดอู๋ถงอยู่ในหอคอยโบราณ ไม่คิดว่ามันจะอยู่ที่นี่ และในสถานที่แห่งนี้ ได้ยินมาว่าเหลนสาวคนนั้นของเขายังสัมผัสได้อีกด้วย

“ไม่ ไม่ใช่…” เมื่อหยางชีซานที่ได้รับคำตอบ เขาก็พูดว่า “เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่งอก มางอกเอาอะไรในยามนี้เล่า หรือว่าเป็นเพราะผู้พิทักษ์คุนอู๋สองท่านนี้”

“เกรงว่าจะใช่” เยี่ยนหงชวนทอดถอนใจ “เมล็ดอู๋ถง วิญญาณแห่งชางอู๋ กำเนิดเพื่อปกป้องชางอู๋ สุภาพชนบังเกิดจึงเติบโต และงอกเงยตามสถานการณ์ บรรพชนมิเคยกล่าวคำมุสาจริงๆ”

ปัง… ราวกับพิสูจน์คำพูดของเยี่ยนหงชวน ต้นอู๋ถงที่สูงเท่าพุ่มไม้ขนาดเล็กก็แผ่ซ่านพลังยิ่งใหญ่ออกมา จากนั้น…

ปัง! ปัง…

ปรากฏการณ์ท้องนภาวิจิตรสวยงามดั่งพลุสีก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะเทือนกลับขึ้นข้างบนตามพลังจู่โจมแนวเกราะคุ้มกัน พลังศักดิสิทธิ์โชติช่วงพวยพุ่งออกมาและการบังเกิดขึ้นข้างบนเช่นนี้ เป็นพลังอำนาจที่มิอาจขัดขวาง! ในขณะที่พวกมันสะเทือนท้องฟ้านั้น วั่วปู้เหลยและปู่เย่าเหลียนก็ลอยกระเด็นออกไป

“…”

วั่วปู้เหลยและปู่เย่าเหลียนทั้งสองไม่มีผู้ใดตั้งสติได้! พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น…

“บ้าเอ๊ย!”

“สุดยอด!”

เยี่ยนชิง ผู้ที่แต่เดิมดำเนินการประชุมกับเหล่าผู้อาวุโสอย่างสงบมาโดยตลอดก็อดเหินออกไปไม่ได้ จากนั้นผู้อาวุโสสำนักชางอู๋ทุกคนก็นั่งไม่ติด พวกเขาหายตัวออกจากตำหนักใหญ่ทันที

ฟิ้ว!

ในขณะเดียวกัน เงาโดดเดี่ยวของต้นอู๋ถงสีแดงเพลิงและสีทองอร่ามก็พุ่งตัวสูงขึ้น ปรากฏต่อสายตาทุกคน ทำให้เหล่าผู้น้อยใหญ่สำนักชางอู๋ที่กำลังพะว้าพะวงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท