ตอนที่ 117 วิชาอักษรยันต์โบราณแห่งตำหนักไท่ชาง!
หวีดดด…
วิหคสุริยันที่กำลังโบยบินอยู่นั้นพลันปรากฏร่างที่แท้จริง เป็นเกี้ยวพระราชทานไม่ธรรมดาคันหนึ่ง!
หวีดดด…
เกี้ยววิจิตรที่บินทะยานออกไปไม่หยุดหย่อน มันถูกวิหคเหินฟ้าสีทองอร่ามองค์หนึ่งลากจูง วิหคเหินฟ้ามีลักษณะเหมือนนกตำนานในบันทึกโบราณชื่อว่า วิหคสุริยัน มันสง่างามและพร่างพราวนัก!
อินหลิวเฟิงที่นั่งอยู่ในเกี้ยวตาเป็นประกาย “แม่เจ้า มิน่าเล่าจื่ออวี๋จึงรังเกียจเกี้ยวโยวตูของเราเช่นนี้ เทียบมิได้ เทียบมิได้จริงๆ!”
วิหคสุริยันตรงหน้านี้ เมื่อเทียบกับวิหคสุริยันก่อนหน้าที่ไม่มีแรงกระตุ้นพลังวิญญาณ ใช้เพียงวิญญาณม้าสี่ตัวลากจูงนั้น ทำให้เกี้ยวถูกยกระดับขึ้นหลายร้อยเท่า แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ
นี่ทำให้กู้หยวนหมิงที่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์อยู่นานนั้นอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “หรือว่านี่คือเกี้ยววิหคสุริยันคันนั้นของตำแหน่งสู่เจิ้งสำนักหมอหลวง”
“แตกต่างกันหรือ” อินหลิวเฟิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“แน่นอน!” กู้หยวนหมิงตอบอย่างมั่นใจ “คนทั่วไปรู้เพียงว่า จักรพรรดิประทานเกี้ยววิหคสุริยันสิบแปดคันให้สำนักหมอหลวง กลับไม่มีผู้ใดรู้ว่า มีเพียงวิหคสุริยันของตำแหน่งสู่เจิ้งสำนักหมอหลวงเท่านั้น ที่สามารถกระตุ้นพลังวิญญาณวิหคสุริยันลากจูงเกี้ยวได้ ส่วนที่เหลือเป็นเพียงนกหั่วเลี่ย[1]เท่านั้น…”
ซี๊ดด… อินหลิวเฟิงอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้
ทว่าเยี่ยนอวี๋ที่เดินกลับเข้ามากลับพูดขึ้นว่า “ก็มิใช่วิญญาณวิหคสุริยันอะไรหรอก เป็นเพียงวิญญาณหงส์เพลิงเท่านั้น ทายาทของวิหคสุริยัน”
“ยอดไปเลย นี่มันศาสตราเวทระดับตำนานเชียวนะ กูไหน่ไน! ในโยวตูของเรา หากข้าแตะต้องมันเล็กน้อย ท่านพ่อข้าต้องกระทืบข้าแน่ๆ ” อินหลิวเฟิงไม่ค่อยเข้าใจว่า น้ำเสียงไม่พอใจของคุณหนูใหญ่เยี่ยนนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน
เยี่ยนอวี๋ก็ไม่ได้พูดอะไร นางกลับไปนั่งลงที่เดิม ก่อนจะลงมือเขียนยันต์อักษรของตนต่อไป
ทว่านางมิได้เขียนยันต์ใบเดิม นางเปลี่ยนกระดาษเป็นกระดาษสีเหลืองขนาดใหญ่ และเขียนอักษรโบราณที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
อินหลิวเฟิงจึงเบนความสนใจไปที่นาง ถามขึ้นว่า “ว่าแต่ เจ้าเขียนยันต์มาตลอดทาง พวกมันใช้ทำสิ่งใดได้หรือ”
“นี่ไม่ใช่ยันต์ธรรมดาทั่วไป!” ลูกศิษย์ตระกูลชือที่มองดูอยู่ด้วยสภาพที่ถูกกดตัวไว้นั้น เขาก็ชิงตอบขึ้น “อักษรเหล่านี้ถูกเติมเต็มด้วยพลังจิตวิญญาณ”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋พูดตอบ “เช่นนั้นเจ้าสังเกตหรือไม่ว่าข้าเติมเต็มพลังจิตวิญญาณในอักษรเหล่านั้นอย่างไร”
“ข้า…” ลูกศิษย์ตระกูลชือเอ่ยปาก ก่อนจะส่ายศีรษะพูดว่า “ข้าไม่รู้ขอรับ”
เยี่ยนอวี๋จึงพูดว่า “หากเจ้ารับรู้บางสิ่งได้ก่อนที่พวกข้าจะถึงสำนัก ข้าจะถ่ายทอดวิชาอักษรให้แก่เจ้า”
“อะไรนะ”
“หา?”
อินหลิวเฟิงและศิษย์ตระกูลชือต่างมองเยี่ยนอวี๋อย่างตะลึงงัน แต่นางมิได้เงยหน้าเลย นางยังคงตั้งใจเขียนยันต์ของตนต่อไปด้วยสีหน้าจดจ่อ หากไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงของนาง อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ คงคิดว่า นางมิได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
ศิษย์ตระกูลชือที่ใบหน้ายังคงปูดบวมเล็กน้อยคนนั้นก็ตั้งสติขึ้นได้ พูดว่า “ข้า… ข้าทำได้จริงๆ หรือ ข้า… ข้ามิใช่เชลยหรือ”
“เจ้าก็รู้ตัวนี่” อินหลิวเฟิงหมั่นไส้เศษสวะตัวนี้นัก
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าพูดอีกครั้ง หากเจ้ารู้เคล็ดลับ ข้าย่อมถ่ายทอดวิชาอักษรแก่เจ้า”
ศิษย์ตระกูลชือก็ไม่พูดสิ่งใดอีก เขาทุ่มความตั้งใจทั้งหมดไปที่เยี่ยนอวี๋ที่กำลังเขียนอักษรอยู่อย่างจดจ่อ
อินหลิวเฟิงก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “กูไหน่ไน ข้าก็จะเรียนด้วย!”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่ง่วนกับการเขียนอักษรกลอกตาใส่เขา
“!!!” อินหลิวเฟิงถูกกลอกตาใส่จนรู้สึกสะเทือนใจนัก
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เล่นเจ้าหนูน้อยคนเดียวเงียบๆ นั้นก็ลูบอินหลิวเฟิงเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงร้อง “อ้ะเนะเนะ” เพื่อเป็นการปลอบประโลม
อินหลิวเฟิง “?”
พรวดดด…
เยี่ยนจื่อเสาอดพ่นหัวเราะออกมาไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเป็นห่วงสถานการณ์ของสำนัก แต่เขาก็อดหัวเราะไม่ได้อยู่ดี ฉากนี้ช่างตลกสิ้นดี
กู้หยวนหมิงก็เบือนหน้ากลั้นหัวเราะ…
โชคดีที่เอ้อร์เหมายังสลบอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงขายหน้าแน่
…
ณ สำนักชางอู๋
ครืน…
เม่ยเอ๋อร์ที่โจมตีหยางเทียนชื่อจนเขาร่วงลงบนพื้น ในขณะที่นางกำลังจะทุ่มกำลังลงไปเพื่อฟันมงกุฎของโอวปาซือให้แตกอีกครั้ง นางกลับพบว่า ดาบของนางไม่สามารถขยับได้ราวกับจมลงไปในโคลนตม
“หึๆ …”
หยางเทียนชื่อหัวเราะชั่วร้ายออกมา “นังหนู ต้าซือมิ่งไม่ได้บอกเจ้าหรือ ว่าวิญญาณอสูรขั้นถอดจิตสามารถจำลองวงแหวนสงคราม เพื่อจับกุมศัตรูได้”
“!” เม่ยเอ๋อร์มองด้วยดวงตาแดงฉาน นางพบว่ารอบตัวเต็มไปด้วยหินหลอมเหลวที่ส่งกลิ่นคาวเป็นระลอกคลื่น และจิตสัมผัสของนางมิสามารถทะลวงผ่านหินหลอมเหลวเหล่านี้ได้ จึงทำให้เม่ยเอ๋อร์รู้ว่า ในขณะที่นางสู้กับหยางเทียนชื่ออยู่นั้น ฝ่ายหลังก็หลอมรวมนางเข้าไปในวงแหวนสงครามแล้ว และได้สกัดกั้นการติดต่อของนางต่อโลกภายนอก ขัดขวางพลังภายนอกที่นางสามารถเรียกใช้ได้
“หึๆ กลัวแล้วล่ะสิ เพียงแค่เจ้าบอกว่า เจ้าทำงานให้ต้าซือมิ่ง ข้าก็จะปล่อยเจ้า” หยางเทียนชื่อพูดอย่างมีแผนการในใจ เขาต้องการให้ต้าซือมิ่งติดหนี้บุญคุณเขา
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้สนใจเขา นางยังคงมองไปรอบตัว
“ยอมแพ้เถิด ที่นี่คือวงแหวนสงครามของโอวปาซือ ในเมื่อเจ้าถูกจับตัวแล้ว ถึงแม้เจ้าจะเก่งกาจการรบอย่างไรก็ออกไปมิได้!” ในขณะที่หยางเทียนชื่อพูดนั้น ระลอกคลื่นหินหลอมเหลวก็ค่อยๆ กระเพื่อมเข้าหาเม่ยเอ๋อร์
“เฮือก…” เม่ยเอ๋อร์หอบหายใจ เพลิงสีแดงรอบตัวก็ถูกยับยั้งไว้ จากนั้นใบหูแต่เดิมทีมีลักษณะเหมือนมนุษย์ทั่วไปของนางก็… ก็เปลี่ยนเป็นใบหูแหลม!?
“เจ้า…” หยางเทียนชื่อนิ่งงัน ทำท่ากำลังจะพูดอะไร
มือทั้งคู่ของเม่ยเอ๋อร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นดาบแหลมคมเชือดเฉือนลงไปทางเขา!
————–
[1] นกหั่วเลี่ย หรือ นกฟลามิงโก้