เยี่ยนซูซูคิดว่า หลังจากที่นางเอ่ยคำพูดทั้งหมดอย่างมีเหตุมีผลแล้ว คณะผู้อาวุโสสำนักชางอู๋จะแตกแยก ผู้อาวุโสหลายคนต้องเห็นด้วยที่จะส่งตัวเยี่ยนชิงไป
น่าเสียดาย… เยี่ยนซูซูคิดผิดแล้ว
ผู้อาวุโสสำนักชางอู๋เงียบเป็นเป่าสาก
แม้แต่ผู้อาวุโสรองก็ส่ายศีรษะอย่างเสียใจ มิหนำซ้ำเขายังไม่แม้แต่จะมองเยี่ยนซูซู เขามองเพียงกู้หยวนเหิง พูดว่า “หากเจ้าต้องการเสนอแนะเพียงเท่านี้ ได้โปรดกลับไปเถิด”
“ผู้อาวุโสรอง?” เยี่ยนซูซูเอ่ยขึ้นก่อนกู้หยวนเหิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หรือว่าท่านคิดว่าเพียงเพื่อปกป้องครอบครัวที่คานเพดานไม่ตรงคานพื้นเอียง[1]นี่ คุ้มค่ากับการต้องเสียสละสำนักชางอู๋ทั้งสำนัก”
ผู้อาวุโสรองไม่ทันได้ตอบ ประมุขหอสัตว์แห่งบรรพกาลก็อดตำหนิขึ้นไม่ได้ว่า “เจ้ามันหญิงบ้ามาจากไหน ท่านเจ้าสำนักของเราคานเพดานไม่ตรงคานพื้นเอียงอย่างไร วันนี้สำนักชางอู๋มอบตัวท่านเจ้าสำนักให้ พรุ่งนี้สำนักชางอู๋มอบวิชาลับให้ อีกวันหนึ่งสำนักชางอู๋จะมีทางออกอีกหรือ”
“ไม่ใช่…” เยี่ยนซูซูรู้ดีว่า ตอนนี้ราชสำนักต้องการเพียงตัวเยี่ยนชิงเท่านั้น นางจึงต้องการเกลี้ยกล่อม ถึงแม้นางจะรู้ดีที่สุดว่า ชาติที่แล้วหลังจากที่สำนักชางอู๋มอบตัวเยี่ยนชิงแล้ว ยังคงถูกสำนักคุนอู๋ควบรวบอยู่ดี
ทว่าผู้อาวุโสรองก็โบกมือพูดว่า “กู้จ่างสื่อ ได้โปรดเจ้าดูแลภรรยาของเจ้าให้ดี ในฐานะคนบาปที่ถูกตัดชื่ออกจากสำนัก นางไม่สมควรพูดจาพล่อยๆ เช่นนี้”
เมื่อกู้หยวนเหิงได้ยินดังนั้นก็อธิบาย ‘ประเด็นสำคัญ’ ว่า “นางมิใช่ภรรยาข้า ข้าจ่างสื่อรักน้องจื่ออวี๋เพียงผู้เดียว แล้ว…”
“หุบปาก!” เยี่ยนชิงตวาดใส่กู้หยวนเหิงอย่างสะอิดสะเอียน เจ้าสุนัขตัวดีพูดจาชวนอาเจียนนัก! ทว่า… เยี่ยนชิงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อบรรเทาอาการกระสับกระส่าย ก่อนจะมองกู้หยวนเหิง และพูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ในเมื่อเจ้าถือป้ายกายสิทธิ์อยู่ในมือ เช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้าเป็นทูตของสำนักเหยาไถเซียน”
“จ่างสื่อเป็นเช่นนั้น” กู้หยวนเหิงประสานมือขานตอบ
เยี่ยนชิงก็พูดต่อไปว่า “ดี เช่นนั้นข้าต้องการให้เจ้าสาบานต่อฟ้า หลังจากที่ข้าไปกับเจ้าสำนักเหยาไถเซียนแล้ว เจ้าจะต้องปกป้องสำนักข้า ปกป้องวิชาลับของสำนักข้า รักษาตำแหน่งหนึ่งในเจ็ดสำนักหลักของข้า!”
เมื่อสิ้นเสียงพูด… ประมุขหอสัตว์แห่งบรรพกาลก็เอ่ยอย่างตกใจ “เจ้าสำนัก ท่าน…”
เยี่ยนชิงกลับโบกมือหยุดคำพูดที่ประมุขหอสัตว์แห่งบรรพกาลจะเอื้อนเอ่ย
ผู้อาวุโสและประมุขหอที่เหลือตาแดงก่ำ “ท่านเจ้าสำนัก…” แต่เยี่ยนชิงกลับไม่ปล่อยให้ผู้ใดได้ปริปาก เขาจ้องไปที่กู้หยวนเหิงเขม็ง พูดว่า “หากเจ้าสัญญา ย่อมหมายถึงสำนักเยาไถเซียนสัญญา!”
“ข้า…” กู้หยวนเหิงสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งจึงฝืนทนแรงกดดันของเยี่ยนชิงได้ ทว่าเขาจำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะว่าเขารู้ดีว่า ข้อแลกเปลี่ยนที่เยี่ยนชิงเสนอมานั้น ยากนักที่จะทำสำเร็จได้
ทุกคนรู้ว่าเหตุที่สำนักคุนอู๋กล้าโอหังเช่นนี้ เป็นเพราะมีคนราชสำนักคอยสนับสนุน อีกทั้งจักรพรรดิหยวนคังก็ยอมรับอยู่เงียบๆ ไม่ว่าอย่างไร สำนักชางอู๋ก็ยากที่จะรอดพ้นไปได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้หยวนเหิงก็อดลอบถอนหายใจไม่ได้ เยี่ยนชิงลงไพ่ได้ดี! หากเยี่ยนชิงไม่เอ่ยคำพูดเหล่านี้ ผู้อาวุโสชางอู๋อาจจะไม่มีผู้ใดหวั่นไหว แต่เมื่อเขาพูดเช่นนี้แล้วก็ทำให้เหล่าชั้นผู้ใหญ่สำนักชางอู๋ทั้งหมดสามัคคีกลมเกลียวกันอีกครั้ง ในสายตาของเหล่าชั้นผู้ใหญ่สำนักชางอู๋ในบัดนี้ เจ้าสำนักของพวกเขาเป็นเจ้าสำนักที่ดีที่ยอมสละชีวิตของตนเอง เพื่อพิทักษ์ความสงบสุขของสำนัก
นี่จึงทำให้เยี่ยนซูซูที่เพิ่งตั้งสติได้อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เจ้าสำนักเยี่ยนเก่งกาจในการซื้อใจคนนัก ทั้งที่ท่านรู้ดีว่าสำนักเหยาไถเซียนไม่เผชิญหน้ากับสำนักคุนอู๋อยู่แล้ว!”
“ฮึ!” ประมุขหอสัตว์แห่งบรรพกาลยิ้ม “เช่นนั้นเรื่องอะไรที่สำนักชางอู๋รู้ว่าจะตายอยู่แล้ว ยังต้องเลียแข้งเลียขาสุนัขก่อนตาย มอบตัวเจ้าสำนักให้อีกเล่า! สารเลว! ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้าดีปริปากอีกครั้ง แม้เจ้าจะพึ่งบารมีของกู้จ่างสื่อ ข้าก็จะเอาชีวิตเจ้าเสีย! เชื่อรึไม่!”
“…” เยี่ยนซูซูอ้าปากทำท่าจะพูด กลับพบว่ารอบตัวนางถูกรังสีโหดเหี้ยมล้อมตัวไว้ สีหน้านางพลันซีดขาว ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยใดๆ อีก
ผู้อาวุโสรองก็พูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนัก “กู้จ่างสื่อ โปรดพาคนของเจ้าไปจากสำนักข้าเถิด อย่ากวนน้ำให้ขุ่นอีกเลย”
แต่แล้ว กู้หยวนเหิงกลับเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ข้าสัญญา!”
“!”
เยี่ยนซูซูมองกู้หยวนเหิงอย่างตกตะลึง
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงสำนักชางอู๋ก็มองเขาอย่างตกตะลึงเช่นกัน
ทว่ากู้หยวนเหิงพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้ายอมรับในข้อเสนอของเจ้าสำนักเยี่ยน แต่ข้ามีเงื่อนไขเพิ่มอีกข้อหนึ่ง ข้าต้องการแต่งงานกับน้องจื่ออวี๋”
“!!!”
บรรยากาศเงียบสงัด…
แม้แต่เยี่ยนชิงเองก็คิดไม่ถึงว่า จวบจนตอนนี้กูหยวนเหิงเจ้าสุนัขตัวดีตัวนี้ยังหมกมุ่นกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สุดที่รักของเขา
กู้หยวนเหิงพูดซ้ำอีกครั้งว่า “ข้าในฐานะของสำนักเหยาไถเซียนจะปกป้องสำนักชางอู๋ แต่มีเงื่อนไขว่า น้องจื่ออวี๋ต้องเป็นภรรยาของข้ากู้หยวนเหิงแต่เพียงผู้เดียว เมื่อท่านและข้ามีสายสัมพันธ์จากการแต่งงาน สำนักเหยาไถเซียนจึงจะอยู่ในสถานะที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้”
หากจะบอกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของกู้หยวนเหิงทำให้เหล่าผู้อาวุโสสำนักชางอู๋รู้สึกไม่น่าเชื่อถือ เช่นนั้นแล้วคำพูดของเขาในตอนนี้นั้นกลับน่าเชื่อถือมากนัก เพราะว่าดูมีเหตุมีผลจริงๆ
——————–
[1] คานเพดานไม่ตรงคานพื้นเอียง หมายถึง ผู้มีอำนาจเป็นคนคดโกง ไม่ซื่อ ลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็พลอยทำเรื่องไม่ดีตามไปด้วย