เยี่ยนจื่อเสาที่เพิ่งตามมาก็ถูกด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย “เจ้าคนไร้ประโยชน์! ข้าให้เจ้าพาเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไปโยวตู เหตุใดเจ้าจึงพานางกลับมาสำนักเล่า เจ้าคิดว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยังลำบากไม่พอหรือคิดว่าที่นี่ยังไม่วุ่นวายพอรึ! เจ้า…” เยี่ยนชิงโมโหจนเกือบจะลงมือต่อยตีลูกชายแล้ว!
เยี่ยนอวี๋รั้งท่านพ่อที่อยู่ไม่เป็นสุขไว้ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอันไพเราะว่า “บอกท่านแล้วมิใช่หรือ ข้าไม่ไปโยวตู เหตุใดยังด่าคนเล่า”
“ข้า…” เยี่ยนชิงมีคำพูดอยากจะเกลี้ยกล่อมนางมากมาย ทว่านางยัดเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมอกของนางเข้าไปในอ้อมอกของเขาแล้ว
เยี่ยนชิงจำเป็นต้องรับเจ้าก้อนนุ่มนิ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วเขาก็พูดเสียงเบาลงว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้า… เจ้าต้องให้พ่อว่าเจ้าอย่างไรดี เจ้า… เจ้ายังพาเสี่ยวเป่ากลับมาด้วย เจ้า… เจ้า….”
เยี่ยนชิงที่มิอาจทำใจด่าว่าลูกสาวตนได้ เขาก็มองไปที่ลูกชายไร้ประโยชน์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เหตุใดเจ้าไม่ขัดขวางไว้เล่า! ข้าโมโหจะตายแล้ว!”
“…” เยี่ยนจื่อเสาไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ อีกทั้งเขาเองก็ไม่คิดจะโต้เถียงแต่แรก ในเมื่อเขาคิดว่าสิ่งที่ท่านพ่อด่านั้นถูกต้องทั้งหมด
ทว่าเยี่ยนอวี๋มิอาจเห็นด้วย นางพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ พอได้แล้ว คนมากมายเช่นนี้ ท่านไม่ห่วงภาพลักษณ์เจ้าสำนักของตนเองเลยหรือ”
“คุณหนูใหญ่มิต้องสนใจพวกข้าขอรับ” เหล่ายอดฝีมือหอเจ้าสำนักรีบเอ่ย พวกเขาไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเขาเคยชินแล้ว
ทว่าเสียงร้อนรนของประมุขหอสัตว์บรรพกาลก็ดังขึ้นจากไม่ไกล เขาถามขึ้นว่า “นังหนูอวี๋ นี่มันเรื่องอะไรกัน เมื่อครู่ตอนที่ข้าได้ยินเสียงหงส์ร้อง ข้าเงยหน้าขึ้นไปดู เหมือนว่าข้าจะเห็น… เกี้ยวคันนั้นของเจ้า มันถูกหงส์เพลิงตัวนั้นลากจูงหรือ”
เรื่องนี้ถือเป็นความบังเอิญ ในเมื่อผู้คนอื่นๆ ของสำนักชางอู๋ที่กำลังต่อสู้อย่างจริงจังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลย ประมุขหอสัตว์บรรพกาลบังเอิญอยู่ในตำแหน่งที่ดีและบังเอิญฆ่าอสูรผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งเสร็จ เขาจึงมีช่องว่างพอที่จะ ‘แอบดู’ ได้
ในเมื่อเทียบกับวิหคสุริยันอันน่าทึ่งแล้ว เกี้ยวที่ถูกลากจูงจึงไม่เป็นที่สะดุดตานัก อีกทั้งเกี้ยวคันนั้นลงจอดในสำนักชางอู๋ด้วยความรวดเร็วยิ่ง ตอนนี้ก็ถูกเยี่ยนอวี๋เก็บไปแล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดทันสังเกต แต่ประมุขหอสัตว์บรรพกาลกลับจำเกี้ยวคันนั้นได้อย่างแม่นยำ เขาจึงพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่สิ ไม่ใช่ ไม่ใช่เหมือนกับว่า แต่ข้าเห็นจริงๆ! สรุปแล้วเป็นหงส์เพลิงที่นังหนูอวี๋อัญเชิญมาหรือ!”
คนอื่นอาจจะสงสัยในความสามารถของเยี่ยนอวี๋ แต่เมื่อประมุขหอสัตว์บรรพกาลคิดถึงยาพยัคฆ์ชั้นดีนั่น เขาก็ไม่สงสัยอีกเลย และยังเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเห็น
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางกลับไม่ได้ปฏิเสธ พูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ใช่ แต่ตัวนี้ไม่เชิงว่าใช่ ข้าเพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งให้วิญญาณหงส์เพลิงที่อยู่ในร่างของวิหคสุริยันอยู่แล้ว”
ประมุขหอสัตว์บรรพกาลมองเยี่ยนอวี๋อย่างตะลึง ถึงแม่ว่าเขาคาดเดาได้แต่แรกแล้ว หากหงส์เพลิงเมื่อครู่นี้ถูกอัญเชิญมาโดยนังหนูเลอโฉมคนนี้ เช่นนั้นตัวก่อนหน้าก็ย่อมใช่!
แต่ว่า แต่ว่า…
“ยอดไปเลย!”
ประมุขหอสัตว์บรรพกาลพูดต่อไปด้วยลมหายใจติดขัดเล็กน้อย “นี่ นี่มันเก่งเกินไปแล้ว! นังหนูอวี๋ เจ้า… เจ้าไม่ใช่เศษสวะที่ไร้พลังแต่กำเนิดอะไรนั่นแล้ว หากเจ้า… เจ้าเป็นเช่นนั้น ข้า… ข้าคงเป็นขยะแล้วล่ะ แม่เจ้า…”
ประมุขหอสัตว์บรรพกาลพูดวกไปวนมาอย่างมิอาจสงบสติอารมณ์ได้ เพราะว่าหงส์เพลิงก็เป็นวิญญาณสัตว์ในตำนานเช่นกัน! ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้วก็ย่อมหมายถึงผู้ที่อัญเชิญมันออกมาได้ก็เป็นนักอัญเชิญศักด์สิทธิ์ในตำนาน!
“สุดยอด สุดยอดจริงๆ…” ประมุขหอสัตว์บรรพกาลเดินหมุนรอบตัวเองแล้ว
ไม่เพียงแต่เขา เหล่าผู้แข็งแกร่งของหอเจ้าสำนักและหอสัตว์บรรพกาลที่ทำความเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อจากคำพูดวกวนเหล่านั้นได้ พวกเขาก็… ก็เดินหมุนรอบตัวเองเช่นกัน
พวกเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจ! ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจทั้งนั้น!
ในฐานะที่เป็นคนสนิทของเยี่ยนชิงและเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรหัวรั้น พวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะไม่เชื่อคำพูดของเยี่ยนอวี๋ ดังนั้นพวกเขารู้ว่าสิ่งที่นางพูดคือความจริงทั้งสิ้น ดังนั้น…
“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้า เจ้า…” ผู้เฒ่าดูแลหอเจ้าสำนักที่เปล่งคำว่า เจ้า มาครึ่งค่อนวัน ก็ยังไม่มีคำว่า สำนัก ต่อท้ายนั้น เขาก็แทบจะขาดใจตายแล้ว
เยี่ยนชิงเองก็ตะลึงและตื่นเต้นดีใจเช่นกัน แต่เขากลับสงบอารมณ์ลงได้ก่อนจะพูดว่า “พอแล้ว! สูดหายใจเข้าลึกๆ! สงบอารมณ์หน่อย! ไม่เห็นต้องเป็นกระต่ายตื่นตูมเลย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของข้าเก่งที่สุดตลอดอยู่แล้ว!”
ซึ๊ด… ฟู่…
หลังจากที่ผู้เฒ่าดูแลหอเจ้าสำนักที่พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ และคนอื่นๆ สงบสติอารมณ์ได้แล้วก็สามารถหยุดสภาวะว่างเปล่าของสมองพวกเขาไว้ได้ หลังจากนั้นสายตาของพวกเขาก็จ้องมองไปที่เยี่ยนอวี๋ด้วยความอบอุ่น
ถึงแม้ว่าพวกเขายังคงไม่สามารถแสดงออกถึงอารมณ์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่นัยน์ตาอันอบอุ่นนั้นก็บ่งบอกได้ถึงความตื่นเต้นดีใจและความชื่นชมจากใจของพวกเขาแล้ว
โอ้! สวรรค์ นักอัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน อายุเพียงสิบแปด!
สะ… สวรรค์…
และสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เยี่ยนชิงอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “พอแล้ว หยุดจ้องเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของข้าได้แล้ว นางตกใจขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“…เอ่อ” อินหลิวเฟิงที่เงียบมาตลอดก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สถานการณ์เล็กน้อยเพียงเท่านี้ ไม่ทำให้จื่ออวี๋ตกใจหรอกขอรับ” ช่างน่าขัน กูไหน่ไนอย่างนางจะตกใจง่ายเช่นนี้เลยหรือ คนที่ควรจะตกใจคือเขามากกว่า!
พูดตามความจริง หัวใจของเขาก็เพิ่งจะสงบลงได้ เขาถูกผีเสื้อราตรีแดนนรกตัวนั้นทำเอาแทบจะตกใจตายแล้ว ไอ้ผีบ้านั่นมีความสามารถเกินขั้นถอดจิตแน่นอน!
ไอ้ผีบ้าและน่ากลัวนั่นก็ส่งเสียงร้องอยู่ข้างนอกไม่หยุด ราวกับไร้หนทางอื่นแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้…
“ดูนั่นสิ!”
กู้หยวนหมิงที่คอยสังเกตผีเสื้อราตรีแดนนรกก็เห็นมันที่กำลังแผดร้องอย่างคลุ้มคลั่งนั้น ปลายหนวดทุกเส้นของมันกำลังสะท้อนแสงสีม่วงออกมา?!
แซ่ด!…