เมื่อเยี่ยนหงชวนประสานเป็นหนึ่งกับต้นอู๋ถงและหงส์เพลิงแล้ว ระดับฌานตบะของเขาไม่เพียงเข้าขั้นถอดจิต แต่ยังข้ามขั้นไปสู่จุดสูงสุดของขั้นถอดจิตด้วย!
หึ่ง!
หวีด…
เงาต้นอู๋ถงที่ปรากฏกลางอากาศเหนือเมืองชางอู๋ก็ขยายใหญ่จนคนที่อยู่ในเขตชางอู๋มองเห็นได้ อย่างน้อยผู้ฝึกฌานที่มีความสามารถระดับขั้นสุวรรณชาดขึ้นไปก็เห็นได้แล้ว
ส่วนหงส์เพลิงที่บินวนอยู่รอบต้นอู๋ถง แม้มันจะไม่ได้ใหญ่มโหฬารเช่นต้นอู๋ถง แต่ก็สามารถทำให้ผู้ฝึกฌานขั้นวิญญาณปฐมภูมิเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
เมืองชางอู๋ชุลมุนไปทั่วทั้งเมือง…
“นั่น… นั่นคือปรากฏการณ์อะไรกัน”
“มะ เหมือนกับ… เหมือนกับว่าเป็นปรากฏการณ์กำเนิดผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน?”
“ไม่ใช่! ไม่ใช่เพียงเท่านี้แน่นอน! ข้าเคยเห็นการเลื่อนขั้นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองหลวง มิได้มีปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้!”
เหล่านักฝึกฌานที่อยู่ในเมืองชางอู๋ค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือปรากฏการณ์การเลื่อนขั้นสองขั้นพร้อมกันของผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์และยอดผู้แข็งแกร่งขั้นถอดจิต
โดยทั่วไปแล้ว ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานหมายถึง ผู้อัญเชิญวิญญาณท่านนี้มีความสามารถที่จะกำจัดผู้ฝึกฌานทุกแขนงในขั้นถอดจิตได้ ทว่าร่างกายของเหล่าผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่มีเพียงพลังขั้นวิญญาณปฐมภูมิหรือขั้นสุวรรณชาดเท่านั้น ดังนั้นเมื่อผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์กำเนิด จึงไม่มีปรากฏการณ์ใหญ่โตและทรงพลังเหมือนเยี่ยนหงชวนเช่นนี้
ปรากฏการณ์นี้ก็ทำให้กองทัพราชสำนักที่เข้ามาในเขตชางอู๋แล้วเห็นในทันที แม่ทัพเฉินคั่วโบกส่งสัญญาณให้หยุดเคลื่อนทัพทันทีและถามหยางเทียนชื่อที่อยู่ด้านข้างว่า “เจ้าสำนักหยางรู้หรือไม่ว่านั่นคืออะไร”
“เยี่ยนหงชวนกำลังเลื่อนขั้น” หยางเทียนชื่อพูดถูกแล้ว เพราะว่าเขาและเยี่ยนหงชวนเป็นศิษย์ในสำนักศึกษารุ่นเดียวกัน อีกทั้งต่อมาทั้งสองได้เป็นเจ้าสำนัก เคยคลุกคลีกันไม่น้อยจึงถือว่า ‘รู้จัก’ กันพอตัว
“นี่ไม่น่าจะเป็นการเลื่อนขั้นธรรมดาๆ” แม้เฉินคั่วไม่ใช่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นวิญญาณปฐมภูมิจึงมีความรู้ไม่น้อย
“ไม่เสมอไป” หยางเทียนชื่อกล่าว “ท่านแม่ทัพเฉินไม่ทราบว่าปรมาจารย์วิญญาณของสำนักชางอู๋นั่นเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่เพียงงอกเงยแล้ว ยังนำมาซึ่งวิญญาณหงส์เพลิงด้วย ข้าคิดว่านี่คงเป็นเพราะการเลื่อนขั้นของเยี่ยนหงชวนปลุกเร้าปรมาจารย์วิญญาณสำนักชางอู๋จึงก่อเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ ในครานั้นที่องค์จักรพรรดิเลื่อนขั้นเป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานและความสามารถขั้นถอดจิตพร้อมกัน จึงเคยเกิดปรากฏการณ์ใหญ่โตเช่นนี้”
“… ก็ใช่” เฉินคั่วจำเหตุการณ์ในปีนั้นได้ เขาจึงเห็นด้วยกับคำพูดของหยางเทียนชื่อ
ในเมื่อทั่วทั้งต้าซย่ารู้ว่าองค์จักรพรรดิต้าซย่าของพวกเขามีพรสวรรค์ล้ำเลิศ จักรพรรดิหยวนคังที่อายุน้อยเช่นนี้ได้เป็นผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเมื่อนานมาแล้ว พลังกายก็เข้าขั้นถอดจิต หากมิใช่เช่นนี้ จักรพรรดิผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมก็คงไม่กล้าท้าทายต้าซือมิ่งผู้มีอำนาจสวรรค์สูงสุด ถึงแม้สุดท้ายจักรพรรดิจะพ่ายแพ้ แต่ผู้รู้เหตุการณ์ย่อมรู้ว่าการพ่ายแพ้ของจักรพรรดิในครานั้นไม่ใช่เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นเพราะต้าซือมิ่งองค์ใหม่วิปริตเกินไป!
“เช่นนั้นก็เคลื่อนทัพต่อไปเถิด เพียงแค่ผู้อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเพียงหนึ่งคน มิจำเป็นต้องกลัว” เฉินคั่วโบกมือเคลื่อนทัพ เขามิได้ส่งข่าวกลับไปที่เมืองหลวง เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็น
…
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนหงชวนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้จากการเลื่อนขั้นด้วยตนเองนั้น เขาก็เพิ่งลืมตาขึ้นและมองไปทางเยี่ยนอวี๋ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมอกของเยี่ยนอวี๋ก็ส่งเสียงร้องดีใจไปทางเยี่ยนหงชวน หลังที่เขากินอิ่มแล้วได้ดู ‘การแสดง’ อันยอดเยี่ยมก็ร่าเริงสดใสมาก
“อ้ะเนะเนะ…” ตัวน้อยส่งเสียงร้องไม่หยุด เขาอยากให้ท่านตาเทียดของเขาแสดง ‘ดอกไม้’ ให้ดูอีกครั้ง ‘ดอกไม้’ ที่สวยงามเหล่านั้น
ทว่าเยี่ยนชิงไม่ทราบ เขาก็ช่วยแปลความให้เจ้าตัวน้อย “ท่านปู่ เสี่ยวเป่าแสดงความยินดีกับท่านอยู่ หลานเองก็ขอยินดีกับท่านปู่ที่เลื่อนขั้นด้วย สำนักชางอู๋ของเรามีผู้มีความสามารถขั้นถอดจิตสูงสุดแล้ว!”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ส่งเสียงตาม เพื่อบอกว่าถึงแม้เขาก็รู้สึกยินดีด้วย แต่เขายังอยากดู ‘ดอกไม้’ อีก ‘ดอกไม้’ ที่สวยงามเหล่านั้น แต่เยี่ยนหงชวนไม่รู้ เขาก็หัวเราะแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปข้างหน้าอุ้มเจ้าตัวน้อยไว้ พูดว่า “เจ้าหมอนี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ”
“นั่นน่ะสิ ฉลาดจริงๆ!” หยางชีซานกล่าวด้วยความเข้าอกเข้าใจ “ช่างน่ารักน่าเอ็นดู ครั้งที่แล้วเยี่ยนชิงตาเฒ่าหน้าไม่อายก็ติดสินบนข้าด้วยเจ้าตัวน้อยคนนี้ จนข้ามิอาจปฏิเสธได้เลย”
“ฮ่าๆๆ…” เยี่ยนหงชวนที่อุ้มเยี่ยนเสี่ยวเป่าไว้แล้วก็พูดขึ้นว่า “ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ”
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่าอุ้มข้าแล้วก็ควรแสดง ‘ดอกไม้’ ให้ดูแล้วใช่หรือไม่
ถึงอย่างไรเยี่ยนหงชวนก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี เขาลูบศีรษะน้อยๆ ของเขา ก่อนจะยิ้มพูดว่า “เดี๋ยวเทียดจะพาเจ้าไปจัดการสวะคุนอู๋หน้าไม่อายกลุ่มนั้น”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดครู่หนึ่ง เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปจัดการคนอื่นถึงจะแสดง ‘ดอกไม้’ ให้ดูได้ เขาก็เอี้ยวตัวกลับไปหาท่าแม่ของเขาทันที “อ้ะเนะเนะ…” ท่านแม่กอดๆ
ทำเอาเยี่ยนหงชวนตบก้นน้อยๆของเขาเบาๆ อย่างมันเขี้ยว “เจ้าเด็กน้อยติดแม่จังเลย”
“เสี่ยวเป่ายังเด็ก ย่อมติดแม่เป็นเรื่องธรรมดา สมัยจื่อเสาเป็นเด็ก เขาติดแม่มากกว่านี้อีก ถูกข้าตีทุกวันยังไม่ยอมหยุดให้แม่อุ้ม” เยี่ยนชิงรีบปกป้องหลานชายน้อยทันที และถือโอกาส ‘เหยียบย่ำ’ ลูกชายที่เก็บมาเลี้ยงด้วย
เยี่ยนจื่อเสา “…”
เขาก็ไร้คำพูดใดๆ
เยี่ยนอวี๋ยิ้มพูดว่า “ท่านทวดเลื่อนขั้นแล้ว เป็นเวลาที่เราต้องโจมตีกลับแล้วล่ะ”
“เจ้ามีแผนอย่างไร” เยี่ยนหงชวนถามกลับ เขารู้ว่าเด็กคนนี้มีแผนการในใจแล้ว