เมื่อเยี่ยนซูซูเห็นเยี่ยนอวี๋ชะงัก นางก็พูดเหน็บแนมว่า “ทำไมหรือ ศิษย์พี่จื่ออวี๋จำซูซูไม่ได้หรือ ก็ใช่ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่เลื่องชื่อหรือตอนนี้ ในสายตาของศิษย์พี่จื่ออวี๋แล้วมีศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกันเช่นพวกข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”
เมื่อกู้หยวนเหิงได้ยินดังนั้น เขาก็ต้องการแสดงตนทำท่าจะตำหนิเยี่ยนซูซู แต่เยี่ยนอวี๋กลับพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้จักเจ้าจริงๆ เจ้าคือใคร”
“…” เยี่ยนซูซูอ้ำอึ้ง เพราะหากเป็นคนทั่วไปได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าในใจคิดอย่างไร ก็ต้องแสดงออกอย่างนอบน้อม อย่างเช่นอาจจะพูดว่า ‘ศิษย์น้องกล่าวเกินไปแล้ว’ ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย นางในตอนนี้สนใจเพียงตัวตนของเยี่ยนซูซูเท่านั้น “เหมือนว่าข้าไม่เคยเจอเจ้า”
เม่ยเอ๋อร์ก็พูดขึ้นข้างๆ อย่างมั่นใจว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เคยเจอคนผู้นี้จริงๆ เจ้าค่ะ แต่ฟังจากชื่อแล้ว เหมือนจะเป็นบุตรสาวของเยี่ยนฉี่ซาน ผู้ดูแลสำนักฝ่ายนอกหรือโจรกบฏแห่งสำนัก”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้ว สายตาที่มองเยี่ยนซูซูก็ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม เพราะว่า เยี่ยนอวี๋จำได้ว่าเยี่ยนฉี่ซานคนนี้เป็นคนถอนขนของพี่รองไป “ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของโจรกบฏที่สูญสิ้นทั้งตระกูลแล้ว แต่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เก่งไม่เบานี่”
เยี่ยนอวี๋กล่าวชมนางจากใจจริง เพราะว่าเยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ว่าสตรีตรงหน้ามีบางสิ่งผิดปกติ ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่นอน
ทว่าเสียงแหลมสูงเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น เสียงนั้นช่วยพูดคืนความยุติธรรมให้เยี่ยนซูซูว่า “อุ๊ย! ข้าก็คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ศิษย์พี่ผู้โหดเหี้ยมกลั่นแกล้งศิษย์น้องอ่อนแออีกแล้ว และยังทำให้คนทั้งครอบครัวต้องตายด้วย เก่งจริงๆ!”
คุณหนูสามตระกูลเฉาที่ถูกลืมไปแล้วก็ไม่ยอมอยู่เฉย นางพูดเหน็บแนมขึ้น แต่ครั้งนี้นางรักษาภาพลักษณ์มาก นางเดินเข้าหาอินหลิวเฟิง จากนั้นก็คารวะอย่างอ่อนช้อย “ข้าน้อยเฉาผิงผิง คารวะนายท่านน้อยอินเจ้าค่ะ”
อินหลิวเฟิงรู้สึกขยะแขยงหญิงสาวที่เสแสร้งทำเป็นอ่อนโยนเช่นนี้นัก “อืม เรื่องก่อนหน้านี้ ข้าไม่เอาความเจ้า แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดที่นี่ เชิญออกไปเถิด”
“นายท่านน้อยอิน…” เฉาผิงผิงทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ นางพูดขึ้นว่า “นายท่านน้อยอิน เมื่อครู่ผิงผิงปฏิบัติมิงาม ชนรถม้าของท่าน แต่ผิงผิงไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ ทว่าหญิงงามข้างนายท่านน้อยท่านนี้จิตใจช่างโหดเหี้ยมอำมหิต ท่านอย่าถูกหลอกด้วยรูปลักษณ์เลอโฉมเย้ายวนของนาง สตรีเช่นนางชั่วร้ายที่สุด! ท่านดูนางสิ ไม่เพียงทำให้คนตายยกครัว ยังขับไสไล่ส่งให้ศิษย์น้องผู้น่าสงสารไปตายอีก ชั่วร้ายจริงๆ!”
อินหลิวเฟิงงงงันไปหมด “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”
“บ้าไปแล้วจริงๆ ขอรับ!” เอ้อร์เหมารีบสำทับ “ทหาร! ไม่รีบจับตัวผู้หญิงบ้าที่ชนนายท่านน้อยแต่แรกไปอีก เก็บไว้ฉลองวันขึ้นปีใหม่หรืออย่างไร! ให้ตายเถอะ… นายท่านน้อย! ข้าคิดว่าต้องเปลี่ยนองครักษ์ประตูเมืองเหล่านี้แล้ว ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือเลย!”
“นายท่านน้อยโปรดอภัย!” ในขณะที่องครักษ์ประตูเมืองที่ถูกพาลกล่าวขอโทษ พวกเขาก็รีบจับกุมเฉาผิงผิงและคนใช้ของนางทันที
ทว่าเฉาผิงผิงไม่ยอมให้จับง่ายๆ “ปล่อย! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ใครให้พวกเจ้าอาจหาญแตะต้องตัวข้า! ข้าอาจจะเป็นฮูหยินน้อยของพวกเจ้าในวันข้างหน้าก็เป็นได้!”
เมื่อสิ้นเสียงนาง… ไม่ทันรอดูท่าทีของอินหลิวเฟิง เอ้อร์เหมาก็ตอบโต้กลับอย่างกระฉับกระเฉงกว่าเขาว่า “พูดจาเหลวไหล! คนเช่นเจ้าน่ะ นายท่านน้อยของเราไม่ชอบหรอก! ให้นายท่านน้อยแต่งกับข้าดีเสียกว่าแต่งกับคนเช่นเจ้า อุ๊ย! ไม่สิ… อ้อ ถูกแล้ว! แต่งงานกับคนไม่มีหน้าอกไม่มีก้นเยี่ยงเจ้า แต่งกับผู้ชายไม่ดีกว่าหรือ!”
“เจ้า!” เฉาผิงผิงที่ถูกจับตัวไปพลันเบิกตาโพลง เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกถูกด่าตรงจุด! ทว่านางก็ไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว เพราะว่าทหารเฝ้าประตูเมืองจับกุมตัวนางอย่างฉับไวและลากห่างออกไปแล้ว
กว่าเฉาผิงผิงจะตั้งสติจากความโมโหได้ นางก็เห็นเพียงองรักษ์นายท่านน้อยอินที่ด่าว่านางกำลังประจบประแจงอยู่ข้างหน้าหญิงงามอำมหิตไม่เข้าตาคนนั้น!
ในความเป็นจริงแล้ว เอ้อร์เหมาก็ประจบเยี่ยนอวี๋อยู่จริงๆ “คุณหนูใหญ่เยี่ยน ท่านอย่าไปฟังหญิงบ้านางนั้นพูดจาเหลวไหลเลย! นายท่านน้อยของเราเลือกฮูหยินน้อยได้ดีกว่านั้นนัก สตรีไม่เป็นโล้เป็นพายนั่น นายท่านน้อยของเราไม่มองแม้แต่หางตา! มีเพียงคุณหนูใหญ่เยี่ยนเช่นท่านจึงจะมีคุณสมบัติเป็นฮูหยินน้อยโยวตูของเรา ท่านอย่าไปฟังพวกเขาพูดเหลวไหล พวกนางต่างปรารถนาในความงามของนายท่านน้อยของเรา!”
“…” อินหลิวเฟิงรู้สึกหมดคำพูดแล้วหมดคำพูดอีก เดิมทีเขาคิดว่าเจ้าเอ้อร์เหมามีพัฒนาการแล้ว แต่กลับไม่คิดว่าเจ้าเอ้อร์เหมาใฝ่สูงมากเพียงนี้! เขา… เขาจะบังอาจคิดอยากแต่งงานกับกูไหน่ไนเยี่ยนได้อย่างไร! โอ้ ไม่สิ เขาก็คิดเหมือนกัน แต่ว่า…
อินหลิวเฟิงที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีก็ได้ยินเยี่ยนอวี๋เห็นด้วยกับเอ้อร์เหมา พูดว่า “ข้ารู้ นางไม่คู่ควรกับนายท่านน้อยของเจ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เอ้อร์เหมาที่ยังไม่ทันดีใจและอินหลิวเฟิงที่กระหยิ่มยิ้มย่องยังไม่ทันได้พูดอะไร เยี่ยนซูซูก็ประชดขึ้นว่า “หรือว่าศิษย์พี่จื่ออวี๋จะคิดว่าท่านที่เป็นสตรีมือสองมีลูกติดคู่ควรกับนายท่านน้อยอิน?”
“ข้า…” อินหลิวเฟิงกำลังจะพูดแทนกูไหน่ไนของเขา เพราะเขาจะคิดว่าพ่อคุณทูนหัวของเขาเป็นภาระไปได้อย่างไร อีกอย่างหากกูไหน่ไนอยากแต่งงานกับเขา เขาคงไปไหว้ขอบคุณฟ้าดินแล้ว!
ทว่าเยี่ยนซูซูก็เชิดคางขึ้น นางมองเยี่ยนอวี๋อย่างยั่วยุ “ศิษย์พี่จื่ออวี๋ ขอคุยส่วนตัวได้หรือไม่ ท่านอย่าเพิ่งปฏิเสธ ข้า…”
“ได้” เยี่ยนอวี๋ตอบกลับอย่างไม่คิดปฏิเสธ “โปรดนำทาง”
เยี่ยนซูซูชะงักไปครู่หนึ่ง นางไม่คิดว่าเยี่ยนอวี๋จะตัดสินใจฉับไวเช่นนี้ แต่นางก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นขอเชิญทางนี้”
เยี่ยนอวี๋เดินตามเยี่ยนซูซูไปอย่างไม่พูดไม่จา ทิ้งอินหลิวเฟิงที่งงงันและกู้หยวนหมิงที่ราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวไว้ที่เดิม มีเพียงเยี่ยนจื่อเสาที่ตั้งสติได้ทัน เขาทำท่าจะตามไปด้วย เพราะว่าก่อนเยี่ยนซูซูจากไป นางเหลือบมองเขาด้วย!