ตอนที่ 154 หลอกล่อความลับจากผู้เกิดใหม่!
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ขวางเยี่ยนจื่อเสาไว้ “วางใจเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่รู้จักตนเองดี”
“แต่ว่า…” เยี่ยนจื่อเสาอยากบอกว่า เขาไม่ได้ปริปากพูดอะไรราวกับคนล่องหน แต่เยี่ยนซูซูนั่นกลับสังเกตมองเขา มิหนำซ้ำบิดาของเยี่ยนซูซูยังเป็นเยี่ยนฉี่ซานด้วย
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ยังคงพูดขัดเขาด้วยความมั่นใจว่า “อย่าระแวงเลยเจ้าค่ะ ท่านดูคุณชายน้อยสิ”
เยี่ยนจื่อเสาไม่เข้าใจ แต่เขาก็มองไปทางเด็กน้อยที่ถูกเยี่ยนอวี๋อุ้มไป
ส่วนเจ้าตัวน้อยก็มองไปยังผู้คนรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ บางครั้งยังเผยรอยยิ้มที่มีเพียงเหงือกของเขาอย่างมีความสุข และยังโบกมือจ้ำม่ำของเขาให้ทุกคนด้วย…
ส่วนเยี่ยนอวี๋ก็จูบเด็กน้อยเบาๆ อย่างเอาอกเอาใจพลางพูดกับเขาว่า “เสี่ยวเป่ารู้สึกแปลกใหม่หรือ”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า ก่อนจะมองไปยังแผงลอยขายถังหูลู่[1] ที่วางขายอยู่ข้างหน้าประตูเมืองไม่ไกล เมื่อเห็นมีเด็กน้อยกำลังกินถังหูลู่ เขาก็ดูดปากตนเอง
“ของกินนั่นเจ้ายังกินไม่ได้” เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะน้อยๆ ของเด็กน้อย ก่อนจะนำหมวกใบน้อยที่เด็กน้อยถอดออกใส่กลับไปให้ดังเดิม
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกตามองแม่คนงามของเขา “อ้ะเนะเนะ…” ทำไมเสี่ยวเป่ากินไม่ได้? สีแดงๆนั่นดูสวยมากเลย เสี่ยวเป่าจะกิน
เยี่ยนอวี๋ถูกมองจนรู้สึกใจอ่อน นางรู้สึกราวกับมีทะเลแห่งดวงดาวส่องประกายสว่างไสวอยู่ในดวงตาของเด็กน้อย ทำเอาหัวใจละลาย! แต่นางยังคงพูดอย่างแข็งนอกอ่อนในว่า “เลียจนสกปรกมอมแมม ไม่น่ารักหรอก”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเบิกตาใหญ่กว่าเดิม ก่อนจะมองไปที่เด็กน้อยที่กำลังกินถังหูลู่คนนั้น เขาก็พบว่าเด็กน้อยคนนั้นกินจนปากแดงไปหมด ใบหน้าก็เหนียวเหนอะ…
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบหดศีรษะกลับมาและมุดเข้าไปในซอกคอของท่านแม่ทันที เขาถูศีรษะไปมาราวกับเขินอายด้วย
เยี่ยนอวี๋หัวเราะ “จะกินอีกหรือไม่จ๊ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่ายศีรษะทันที…
นัยน์ตาเยี่ยนอวี๋เต็มไปด้วยความขบขัน “หรือให้แม่ไปซื้อให้เสี่ยวเป่าเลียสักไม้ดีหรือไม่จ๊ะ”
“อ้ะเนะเนะ!” สิ่งมีชีวิตตัวน้อยรีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ท่านแม่ของเขาและส่ายศีรษะอย่างจริงจังทันที “อ้ะเนะเนะ!”
“ฮ่าๆ” เยี่ยนอวี๋ก็หัวเราะออกมาทันที
เจ้าตัวน้อยเห็นดังนั้นก็รู้ว่าแม่คนงามของเขากำลังหยอกเล่นเขา เขาก็ทำหน้ามุ่ยทันที จากนั้นก็มุดเข้าไปในอ้อมอกของท่านแม่ของเขาอย่างโมโหเพราะความเขินอาย และไม่ขยับตัวอีก
เยี่ยนอวี๋จึงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสดใสกว่าเดิม “เสี่ยวเป่า กินเถอะ?”
“…” เสี่ยวเป่านิ่ง
“เสี่ยวเป่า?”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ขุ่นเคืองก็ยกมือจ้ำม่ำของตนขึ้นมาปิดปากท่านแม่ของเขา ใบหน้าน้อยๆ ก็แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ช่างน่ารักจริงๆ
ทว่ามือของเขาไม่สามารถปิดรอยยิ้มของเยี่ยนอวี๋ไว้ได้ และรอยยิ้มของนางก็พิชิตใจของคนทุกเพศทุกวัยที่อยู่บริเวณนั้นหมดแล้ว!
หน้าประตูเมืองที่แต่เดิมพลุกพล่าน บัดนี้พลันเงียบสงัด ผู้คนมากมายมองเยี่ยนอวี๋ราวกับถูกดึงดูดให้หลงใหล มิหนำซ้ำ บางคนยังสะดุดล้มและศีรษะชนกับคนข้างหน้าเพราะเหลียวมองนาง!
“พอแล้ว!” เยี่ยนซูซูทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว นางทำท่าจะดึงเยี่ยนอวี๋เข้าไปในโรงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลแห่งหนึ่ง
เยี่ยนอวี๋หลบมือของเยี่ยนซูซูด้วยสัญชาติญาณ “อย่าจับข้า”
“เจ้า…” เยี่ยนซูซูหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะว่านางเห็นแววตาแสดงความรังเกียจของเยี่ยนอวี๋!
และเยี่ยนอวี๋ที่รังเกียจนางจริงๆ ก็เดินเข้าไปในโรงน้ำชาก่อนแล้ว ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองที่มีคนน้อยกว่า ก่อนจะนั่งลงสั่งอาหารมาป้อนเด็กน้อยแล้ว
นางคิดว่าเด็กน้อยต้องหิวแล้วแน่ๆ จึงอยากกินถังหูลู่แดงๆ นั่น
เยี่ยนซูซูตามขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว เมื่อนางเห็นท่าทีไม่สนใจผู้ใดของเยี่ยนอวี๋ นางก็อยากจะโพล่งคำด่าออกมาทันที “เจ้า…”
เยี่ยนอวี๋กลับเหลือบตามองเยี่ยนซูซู และแววตาที่เหมือนมองผู้ที่ต่ำต้อยกว่านั้นทำให้เยี่ยนซูซูตั้งสติขึ้นได้ นางหุบปากลงทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนซูซูที่สูดหายใจเข้าลึกๆ ไปสองสามครั้งแล้ว นางก็พูดเรื่องที่ทำให้เยี่ยนอวี๋สนใจขึ้นมาว่า “เจ้าไม่ใช่เยี่ยนจื่ออวี๋เสียหน่อย! เจ้ามิต้องโต้กลับ ข้ามั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่เยี่ยนจื่ออวี๋แน่นอน! มิเช่นนั้นเจ้าไม่มีทางปฏิเสธการแต่งงานกับกู้จ่างสื่อได้!”
เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะป้อนเด็กน้อยต่อไปและถามขึ้นว่า “ไม่แต่งกับกู้หยวนเหิงก็ไม่ใช่เยี่ยนจื่ออวี๋แล้วหรือ ความคิดของเจ้าประหลาดดี เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจเพียงนี้”
“เพราะว่าเจ้า…” เยี่ยนซูซูเกือบหลุดปาก นางชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าอย่าคิดหลอกให้ข้าพูด ข้าย่อมมีเหตุผลของข้า!”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร” เยี่ยนอวี๋ถามอย่างไม่เข้าใจ “เจ้ามาพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไม”
“เจ้ายอมรับแล้ว!” เยี่ยนซูซูดีใจ “เจ้าไม่ใช่! เจ้าไม่ใช่จริงๆ ด้วย…”
“หยุด” เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องเตือนว่า “หากเจ้ายังคงคิดและพล่ามไปเองเช่นนี้ เกรงว่าเราคงคุยกันต่อไปมิได้”
“อันที่จริงก็ไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรต้องคุยกัน ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว เช่นนั้นข้าขอเตือนเจ้า! อย่าริอ่านปลอมตัวเป็นเยี่ยนจื่ออวี๋มาดึงดูดความสนใจของกู้จ่างสื่อ! มิเช่นนั้นข้าจะไปทูลฝ่าบาทว่าเจ้าหลอกลวงองค์จักรพรรดิ ถึงครานั้นเจ้าและลูกชายอัปรีย์ที่ไม่รู้ว่าพ่อคือใครจะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป! อ้อ แล้วก็ข้าขอเตือนเจ้าอีกอย่าง แม้เจ้าจะปลอมตัวได้เหมือนอย่างไร แต่ลูกชายคนนี้ของเจ้าคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุด เพราะเยี่ยนจื่ออวี๋ตัวจริงมิสามารถตั้งครรภ์ได้!” เมื่อเยี่ยนซูซูระบายออกมาหมดแล้ว นางก็ทำท่าจะจากไป
แต่แล้ว เมื่อคำว่า ‘ลูกชายอัปรีย์’ หลุดออกจากปากนาง สีตาของเยี่ยนอวี๋ก็พลันเปลี่ยนไป แต่เดิมนางไม่อยากใช้วิชาสะกดจิต ทว่าบัดนี้นางมองไปที่เยี่ยนซูซูและพูดขึ้นว่า…
“เจ้ามั่นใจเพียงนี้ เป็นเพราะเจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้เกิดใหม่ เจ้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตชาติ ใช่หรือไม่”
เมื่อสิ้นเสียง… เยี่ยนซูซูที่ไร้การป้องกันตัว นางก็หันไปมองเยี่ยนอวี๋ทันที และพูดออกมาโดยไม่ไตร่ตรองยั้งคิดว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
พลังบางอย่างแทรกซึมเข้าไปในอนุสติของเยี่ยนซูซูผ่านสายตาของนางทันที “นั่งลงเถิด”
“ได้” เยี่ยนซูซูที่ไม่มีเจตนาจะขัดขืนใดๆ ก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
“ในเมื่อเจ้าเป็นผู้เกิดใหม่ เช่นนี้จงบอกข้า กู้หยวนซูสำนักเหยาไถเซียนหรือซือมิ่งน้อยองค์ปัจจุบันแห่งตำหนักซือมิ่งจะกลายเป็นนางสนมวังหลังในอนาคตหรือไม่”
ตอนที่ 155 รู้หมดทุกอย่างแล้ว!
เยี่ยนอวี๋ถามคำถามที่นางอยากรู้มากที่สุดออกไปทันที ถึงแม้นางไม่ได้เชื่อหมดใจว่าเยี่ยนซูซูคนนี้เป็นผู้เกิดใหม่จริงๆ
เยี่ยนซูซูกลับถามกลับอย่างงงงวย “นางคือใครหรือ”
“?” เยี่ยนอวี๋จึงสงสัยขึ้นมาว่าเยี่ยนซูซูอาจจะไม่ใช่ผู้เกิดใหม่ แต่เนื่องด้วยสัญชาติญาณของนางและการตอบสนองอย่างฉับไวของเยี่ยนซูซู เยี่ยนอวี๋จึงอดทนอธิบายต่อไปว่า “นางคือพี่สาวคนโตของกู้หยวนเหิง”
“พี่สาวคนโตของกู้หยวนเหิง?” เยี่ยนซูซูชะงักไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่ามีคนของตระกูลกู้ถูกเลือกเข้าวังหลัง หลังจากนั้นยังถูกแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินี”
จักรพรรดินี? เยี่ยนอวี๋พูดอย่างใจจดใจจ่อว่า “เจ้าไม่รู้ว่าตอนนี้คือใครหรือ”
“ข้าไม่รู้ เป็นเพราะเยี่ยนจื่ออวี๋ตัวปลอมนั่น นางทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด! แต่เดิมสำนักชางอู๋ในเวลานี้ล่มสลายไปแล้ว ท่านพ่อของข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ และเขากลายเป็นหัวหน้าผู้ดูแลหอชางอู๋แล้ว แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ท่านพ่อของข้ารักพี่สาวข้ามากที่สุด เขานำรางวัลและทรัพยากรที่ได้มาให้พี่สาวเพียงคนเดียว ข้ายังคงไม่มีอะไรเลย” เยี่ยนซูซูพูดหมดเปลือก
เรื่องนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ตระถึงสิ่งที่นางละเลยไป นั่นก็คือ เวลา!
ความจริงเป็นดั่งที่เยี่ยนซูซูกล่าว ตั้งแต่ที่นางเกิดใหม่ หรือตั้งแต่ที่เยี่ยนจื่ออวี๋แม่นางน้อยคนนั้นที่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเป็นต้นมา การดำเนินเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนดังเดิมแล้ว หลายๆ เรื่องไม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ก็เกิดขึ้นล่าช้าออกไป
อย่างเช่นเวลานี้ในชาติที่แล้ว แม่นางเยี่ยนจื่ออวี๋ที่แต่งเข้าตระกูลกู้ นางถูกทำแท้งและถูกดูดพลังความสามารถไปแล้ว! ส่วนบิดาเจ้าน้ำตาก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว… ดังนั้น เวลานี้ในชาติที่แล้ว มีสตรีตระกูลกู้คนหนึ่งแต่งเข้าราชสำนัก แต่เนื่องจากเยี่ยนซูซูมีตำแหน่งค่อนข้างต่ำ นางจึงมิอาจรู้ว่าสตรีตระกูลกู้ที่แต่งเข้าราชสำนักเป็นผู้ใด
ทว่าเยี่ยนอวี๋ยังคงถามขึ้นว่า “หมายความว่าเวลานี้ในชาติที่แล้ว หญิงตระกูลกู้เป็นนางสนมในวังหลังแล้วหรือ”
“ใช่แล้ว เป็นกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง และเป็นเพราะกู้จ่างสื่อได้ความช่วยเหลือจากกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง เยี่ยนจื่ออวี๋จึงได้รับอภัยโทษ! แต่เดิมนางต้องถูกแขวนทั้งเป็นบนกำแพงเมืองเหมือนพี่ชายสองคนของนาง ปล่อยให้ร่างถูกตากแดดตากฝน และเหล่าประชาก่นด่าทุบตี… จนหิวตายไป แม้ตายไปแล้วก็ไม่มีคนเก็บศพ! ต้องถูกนกกาจิกกินเป็นอาหาร และต้องถูกแขวนไว้บนกำแพงเมืองอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ผุดได้เกิดตลอดไป นั่นควรจะเป็นจุดจบที่มนุษย์วานรหวาไหวสมควรได้รับ!” เยี่ยนซูซูยิ่งพูดยิ่งเคียดแค้น
หากไม่ใช่เพราะกางม่านเก็บเสียงที่เยี่ยนอวี๋สร้างไว้รอบด้าน แขกที่อยู่บนชั้นสองของโรงน้ำชาคงได้ยินหมดแล้ว…
ทว่าแม้เยี่ยนอวี๋จะกางม่านเก็บเสียงล่องหนไว้ แต่ท่าทีของเยี่ยนซูซูที่เดือดดาลยังคงดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย อีกทั้งหน้าตาของเยี่ยนอวี๋และเด็กน้อยของนางโดดเด่นเกินไป จึงย่อมทำให้ผู้คนมิอาจเมินเฉยได้
แต่เยี่ยนอวี๋ก็ไม่สนใจสายตาที่สอดส่องมาเหล่านี้ นางสนใจสิ่งที่เยี่ยนซูซูพูดมากกว่า นางไม่คิดเลยว่าเรื่องที่บิดาเจ้าน้ำตาของนางถูกตัดศีรษะยังไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายที่สุด หากแต่เป็นเรื่องของพี่ชายทั้งสองของนาง
“ใครคือคนออกคำสั่ง และใครคือคนเสนอ” เยี่ยนอวี๋ถาม
“ย่อมเป็นบัญชาขององค์จักรพรรดิ!” เยี่ยนซูซูพูดด้วยสีหน้าสะใจ “นั่นช่างเป็นเหตุการณ์ที่สะใจนัก ข้าไปดูแล้ว อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ศิษย์พี่จื่อเยี่ยและศิษย์พี่จื่อเสาในสภาพมนุษย์วานรหวาไหวนั้น หน้าตาก็ยังสง่างาม น่าเสียดาย… ใบหน้าของพวกเขาถูกทุบจนพังยับเยิน! ข้าหวังเหลือเกินว่าใบหน้าของเยี่ยนจื่ออวี๋จะถูกทุบจนยับเยินเช่นกัน คงสะใจไม่น้อย! เศษสวะเช่นเยี่ยนจื่ออวี๋นั่น เหตุใดนางจึงได้ดีกว่าข้า! แม้ความสามารถของข้าจะสู้นังงั่งเยี่ยนซาซานั่นไม่ได้! แต่ข้าก็เก่งกว่าเยี่ยนจื่ออวี๋ร้อยเท่า!”
…
เยี่ยนอวี๋ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วรู้สึกเจ็บปวดใจนัก ราวกับมีเข็มนับพันเล่ม มดนับหมื่นตัวกำลังทิ่มแทงและกัดกินหัวใจของนาง ถึงแม้นางจะดูเรื่องราวของชาติที่แล้วจากมุมมองของเยี่ยนจื่ออวี๋ก็ตาม แต่เยี่ยนจื่ออวี๋ที่ถูกกักขังในช่วงหลัง นางก็ไม่สามารถเห็นสิ่งเหล่านี้เลย และนางก็ไม่รู้เลยว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดกับพี่ชายทั้งสองของนาง หรือนางอาจจะรู้ในภายหลัง
จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็อยากหาสถานที่ที่นางสามารถใช้พลังหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง นางอยากย้อนกลับไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตต่อไป นางอยากรู้ว่าแม่นางน้อยเยี่ยนจื่ออวี๋เป็นอย่างไรในภายหลัง
แต่แล้วในขณะที่นางกำลังคิดเช่นนี้อยู่นั้น เยี่ยนซูซูก็พูดขึ้นต่อว่า “น่าเสียดาย เสียดายที่กู้จ่างสื่อปกป้องศพของเยี่ยนจื่ออวี๋ไว้ดีเหลือเกิน! แม้นางจะตายไปก่อนวัยอันควร แต่กลับถูกฝังลงดินอย่างมีศักดิ์ศรี และยังถูกฝังอยู่กับกู้จ่างสื่อที่แก่ตายด้วย! นั่นเป็นเกียรติที่แม้แต่ศิษย์พี่ชิงถังก็มิอาจได้รับ”
คำพูดนี้… ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกถึงเพียงความขยะแขยง “นั่นมันฝันร้ายชัดๆ”
“อะไรนะ” เยี่ยนซูซูไม่เข้าใจ และนางก็ตกอยู่ในอาการอ่อนล้ามาก สีหน้านางซีดอย่างเห็นได้ชัด ราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ แต่นางยังคงฝืนตนเองและพึมพำออกมาว่า “นางมีสิทธิ์อะไรกัน เป็นเพราะนางมีหน้าตางดงามหรือ”
“แล้ว…” เยี่ยนอวี๋อยากถามคำถามสุดท้าย
ทว่าพระรูปหนึ่งที่นั่งอยู่ในบริเวณมุมห้องชั้นสอง เขาก็สะบัดแขนเสื้อพร้อมกับฟาดไม้เท้าลงไปทางเยี่ยนอวี๋ “จอมปีศาจ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
————
[1] ถังหูลู่ เป็นขนมขบเคี้ยวหรือของหวานแบบจีนภาคเหนือที่ใช้น้ำตาลเคลือบแข็งบนผิวผลไม้สดที่เสียบก้านไม้ยาว