ดวงตาคู่งามของเยี่ยนอวี๋หรี่ลงสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลังศีรษะของนาง
ทว่าเจ้าก้อนน้อยในอ้อมกอดของเยี่ยนอวี๋ที่นิ่งเงียบมาตลอด เขาได้พยายามมุดสุดแรง เพื่อจะปกป้องท่านแม่ของเขา! และกอดศีรษะของท่านแม่ไว้ “อ๊า!”
เยี่ยนอวี๋จึงกอดเจ้าเด็กน้อยที่มุดออกมาไว้แน่น ไม่ให้เขามุดออกจากอ้อมกอดของนาง เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากจิตสังหารที่พุ่งมาจากด้านหลัง แต่ก็สายเกินไป…
ชิ้งงง!
กระบี่มหาศาลที่ถูกยิงออกมาจากอีกมุมหนึ่งของชั้นสอง! กับคทาที่พระใหญ่รูปนั้นเหวี่ยงออกมา ปะทะกันจนเกิดเสียงปะทะดังสนั่นอยู่ด้านหลังเยี่ยนอวี๋
หลังจากนั้น ไม่รอให้แขกชั้นสองคนอื่นๆ ได้ออกจากที่เกิดเหตุ พระใหญ่ที่นุ่งจีวรเก่ารูปนั้นก็ก่นด่าขึ้นมา “สมควรตาย! จวินฮวน! เจ้าเป็นถึงศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจวินจื่อ หลังจากที่มีชื่อเสียงอำนาจแล้ว เจ้ากลับขัดขวางข้าในการกำจัดปีศาจอย่างนั้นหรือ!”
“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้า เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่าเมืองโยวตูนั้นเป็นอาณาเขตของสำนักจวินจื่อ ยังไม่ถึงคราที่พระทางตะวันตกอย่างเจ้าต้องลงมือ
ยิ่งไปกว่านั้นข้าเห็นสภาพเจ้าเช่นนี้แล้ว เกรงว่ายังเป็นพระปลอมที่ถูกเนรเทศออกจากศาสนาเสียด้วยซ้ำ!” ผู้ชมคนหนึ่งที่ดูเฉยเมยตอบกลับแทนจวินฮวน
“พูดจาเหลวไหล!” พระใหญ่ที่ถูกเปิดเผยตัวตนจ้องผู้ชมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เยี่ยนอวี๋เขม็งอย่างเย็นชา “ข้าเป็นศิษย์สายตรงของนิกาย เจ้ากลับพูดจาเหลวไหลไปได้!
อีกอย่าง อย่างอื่นไม่ว่า แต่เห็นได้ชัดว่านางมารตรงหน้านี้ได้ใช้วิชาต้องห้ามนั่นคือวิชาสะกดจิตอยู่ ซึ่งสมควรห้ามปรามนางไว้และตัดสินโทษประหารชีวิต! แต่พวกเจ้ากลับปกป้องนาง หรือเพราะชื่นชอบในโฉมหน้าของนาง?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกไปนั้น…
แขกคนอื่นๆ ในชั้นสอง รวมถึงผู้ชมที่ออกเสียงพูดคนนี้ พวกเขาต่างเข้าใจและมองไปทางเยี่ยนอวี๋ด้วยสายตาแปลกประหลาด รวมทั้งเยี่ยนซูซูที่อยู่ตรงหน้านางด้วย
แต่เยี่ยนซูซูในบัดนี้กำลังตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งนี่ทำให้พระใหญ่รูปนั้นกล่าวอย่างชอบธรรมมากขึ้นว่า “พวกเจ้าดูเสีย! เห็นได้ชัดว่านี่คือผลข้างเคียงหลังจากต้องวิชาสะกดจิตแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานสตรีนางนี้จะต้องกลายเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน!”
“ซี๊ด…” แขกนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกว่าศีรษะของตนเย็นเฉียบ ขนพองสยองเกล้า “เช่นนั้นนี่ก็คือ…คือหญิงงามที่โหดร้ายจริงๆ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาจึงขัดขืน! จะออกจากอ้อมกอดของท่านแม่ให้ได้ จะไปด่าคนแทนท่านแม่!
ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่อนุญาต นางเพียงแค่เงยหน้ามองจวินฮวนศิษย์สำนักจวินจื่อที่อยู่บริเวณมุมตรงข้าม เมื่อเขาเห็นว่านางกำลังมองมาเขาจึงได้กวักมือเรียกนาง
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องเรียกสติของเยี่ยนซูซู “เยี่ยนจื่ออวี๋! เจ้าทำอะไรกับข้า!”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” เยี่ยนอวี๋มองเยี่ยนซูซูอย่างเฉยเมย เมื่อรู้ว่าตนไม่สามารถถามอะไรได้อีกแล้วก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ทว่าความรู้สึกเสียดายนั้นก็เป็นแค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งที่อยากจะรู้มากที่สุด เยี่ยนอวี๋ก็ได้รู้หมดแล้ว ดังนั้นนางจึงอุ้มลูกน้อยของนางลุกขึ้น
หลังจากนั้น นางก็ไม่แม้แต่จะมองพระใหญ่รูปนั้นและเยี่ยนซูซูอีก เพียงแค่เดินไปยังบันไดต่อไปอย่างไม่สนใจใคร ราวกับว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่นางต้องสนใจ ต้องหยุดชะงักหรือขวางทางของนางได้เลย…
เยี่ยนอวี๋เช่นนี้! ทำให้พระใหญ่รูปนั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นก็ทำให้เขาโกรธจัด เป็นเหตุทำให้เขาต้องเรียกคทาออกมาอีกครั้ง จากนั้น…
ชิ้ง! จวินฮวนศิษย์สำนักจวินจื่อที่ปล่อยกระบี่ไปอีกครั้ง กระบี่ของเขาก็ยับยั้งคทาของพระใหญ่ได้อย่างแน่นหนา
“เจ้า! จวินฮวนเจ้า…” พระใหญ่ที่อยากจะก่นด่าออกมากลับด่าไม่ออก
เพราะเยี่ยนอวี๋ที่เดินทางลงบันไดไปแล้ว นางได้ส่งเสียงโบราณออกมาเสียงหนึ่ง โอม
และเสียงโบราณนี้ก็เรียกพลังทั้งหมดของคทาของพระใหญ่รูปนั้นออกมาตรงนั้นทันที! และผนึกพลังรอบกายของพระใหญ่รูปนั้นด้วย ทำให้เขารู้สึกขาดอากาศหายใจไปครู่หนึ่ง
โอม…
เพราะเสียงของเยี่ยนอวี๋ ทำให้ทั้งโรงน้ำชาก้องกังวานไปด้วยเสียงสวดของพระ ทั้งสง่างามและเงียบสงบ กำจัดความคิดฟุ้งซ่านของทุกคนออกไป ทำให้ผู้คนต่างตกอยู่ในภวังค์ของมัน
ผ่านไปนานพอควร…
พระใหญ่ที่เพิ่งจะหันตัวกลับมาได้มึนงง “เป็น…เป็นไปได้อย่างไร นี่…นี่มันเป็นสิ่งลึกซึ้งที่สุดของนิกายข้านั่นคือเสียงพระสวดก้องกังวาน เหตุ…เหตุใดนางถึงได้ นาง…นางเป็นนางมารมิใช่หรือ แล้วนางมารจะสามารถเรียกใช้พลังอันสูงส่งนี้ได้อย่างไรกัน”
พระใหญ่ตะลึงงัน
แขกโรงน้ำชาที่อยู่บนชั้นสองก็มึนงงเช่นกัน
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมึนงงมากเพียงใด พวกเขาก็ยังตามหาร่างของเยี่ยนอวี๋อย่างรไม่รู้ตัว และมีความรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามนั่นไม่ใช่นางมารแต่อย่างใด แต่เป็นเทพธิดา!
ทว่าเยี่ยนอวี๋จากไปนานแล้ว
เพียงแต่เยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งจะเดินไปถึงนอกประตูเมืองและยังไม่ทันได้รวมตัวกับพวกอินหลิวเฟิงก็ถูกสกัดเอาไว้
ส่วนผู้ที่สกัดนางเอาไว้นั้น ไม่ใช่คนอื่นไกล นั่นคือจวินฮวนศิษย์สำนักจวินจื่อที่ออกโรงสกัดพระใหญ่ไว้คนนั้นไว้นั่นเอง
เมื่อเขาปรากฏตัว เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยนอวี๋ก็มองเขาอย่างตักเตือน “อ้ะ?”
เยี่ยนอวี๋พลางปลอบลูกน้อยพลางถามว่า “มีเรื่องอันใด?”
จวินฮวนผู้ถูกถามก็ได้หยิบหมายเชิญออกมาแล้วยื่นให้กับเยี่ยนอวี๋ “ท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเดินทางมาตั้งไกล สำนักจวินจื่อของข้าจึงใคร่อยากเชิญท่านให้ไปเข้าร่วมงานค้าขายจวินเป่าในอีกสองวันข้างหน้าขอรับ”
“อ้อ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองหมายเชิญสีแดงอย่างตั้งใจ ทั้งตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบราวกับอ่านรู้เรื่องอย่างไรอย่างนั้น…
เยี่ยนอวี๋รับหมายเชิญและตอบกลับทันที “ได้”
จวินฮวนจึงได้ทำท่าคารวะแล้วกล่าวว่า “หากท่านปราช์มหาสำนักเยี่ยนมีของที่อยากจะเข้าร่วมการค้าขายล่ะก็ สามารถมาพบข้าได้ทุกเมื่อ สองสามวันนี้ข้าคอยอยู่ในลานจวินเป่าเสมอ ท่านเรียกให้คนไปตามข้าได้ทุกเมื่อขอรับ”
“ได้” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าเสร็จสรรพและไม่มีท่าทีที่จะพูดหรือถามอะไรต่อ
ทำเอาจวินฮวนที่พูดไม่เก่งต้องกล่าวคำลา “หากท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนไม่มีอะไรจะถามแล้ว ข้าน้อยขอตัวลาไปก่อน”
“ได้” ตวามจริงแล้วเยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจงานค้าขายจวินเป่าอะไรนั่นสักนิด ที่นางตอบตกลงนั่นก็เพราะลูกน้อยของนางดูท่าจะสนใจมากอย่างไรอย่างนั้น
อย่างที่ทุกคนทราบ ต้าซือมิ่งแห่งราชสำนักท่านหนึ่งได้อยู่ที่ลานจวินเป่าแล้วในบัดนี้ และกำลังไถ่ถามจวินอั้นหยวนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานว่า “รายการค้าขายจวินเป่าในครั้งนี้ เจ้าได้เตรียมการไว้หรือยัง”