เยี่ยนอวี๋เพิ่งจะเห็นว่าบนรายการสินค้าที่ให้นางมาเขียนว่าเชิญให้นางไปที่ห้องพักขนาดกลาง ก่อนหน้านั้นนางมิได้สนใจอะไร มาบัดนี้ก็เพียงแค่ถามส่งๆ ว่า “ต่างกันอย่างไรหรือ”
อินหลิวเฟิงที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงได้กล่าวอธิบายขึ้นว่า “ห้องพักขนาดใหญ่มีเพียงห้องเดียวเท่านั้น ส่วนห้องพักขนาดกลางมีทั้งหมดสามห้อง ห้องพักขนาดใหญ่มีสิทธิพิเศษในการติดต่อค้าขาย ทว่าห้องพักขนาดกลางมีเพียงสิทธิ์มาก่อนเท่านั้น”
สิทธิพิเศษที่ว่านี้คือแขกในห้องพักขนาดใหญ่ สามารถรับสินค้าสามชิ้นไปได้โดยตรง โดยมิต้องมีสินค้ามาแลกเปลี่ยนค้าขายกัน ส่วนสิทธิ์มาก่อนหมายถึงในขณะที่ทำการค้าขาย หากราคาสินค้าเท่ากัน แขกห้องพักขนาดกลางจะมีสิทธิ์ก่อนนั่นเอง”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองอินหลิวเฟิงด้วยความมึนงง เห็นได้ชัดว่ากำลังสื่อสารว่า ‘ข้าฟังไม่รู้เรื่อง’
อินหลิวเฟิง “…”
คำเหล่านี้ล้วนพูดให้กูไหน่ไนคนนี้ฟังอยู่แล้ว! บรรพบุรุษน้อยคนนี้มายุ่งอะไรด้วยเล่า เป็นเด็กเป็นเล็กจำเป็นต้องรู้มากเพียงนี้เชียวหรือ
ทว่าใส่ร้ายก็ส่วนใส่ร้าย แต่อินหลิวเฟิงคนนี้ก็ได้หยิบซาลาเปาออกมาชิ้นหนึ่งเพื่ออธิบายอย่างจริงจัง “ก็คือว่า หากสินค้าที่นำมาค้าขายคือซาลาเปาชิ้นนี้ แล้วห้องพักขนาดใหญ่ชอบกิน เขาก็จะได้ไปทันที คนอื่นห้ามมีปัญหา แม้จะเป็นเจ้าของซาลาเปาชิ้นนี้ก็ตาม เข้าใจหรือยัง”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้า
อินหลิวเฟิงจึงกล่าวต่อ “และหากแขกห้องพักขนาดใหญ่ไม่ชอบกินซาลาเปา แต่เสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เหมาชอบกิน และพวกเจ้าทั้งสองก็นำขนมเกาลัดออกมาเป็นสินค้าแลกเปลี่ยน เสี่ยวเป่าที่เป็นแขกห้องพักขนาดกลางจะได้รับสิทธิ์เอาซาลาเปาไปก่อน”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบนำขนมเกาลัดในมือออกมาจะค้าขายแลกเปลี่ยนซาลาเปานมกับอินหลิวเฟิง
อินหลิวเฟิง “…”
เขาจึงมองไปยังกูไหน่ไนเยี่ยน
“ให้เขาเถอะ” เยี่ยนอวี๋ลูบๆ เจ้าเด็กน้อยผู้ฉลาดและกล่าวว่า “นี่เป็นของรางวัลให้กับเสี่ยวเป่า แต่ให้กินอันนี้อีกแค่อันเดียวเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นต้องห้ามกินอีกแล้วนะ”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าด้วยความดีใจ และกำลังมองซาลาเปาน้อยบนมือของอินหลิวเฟิงอย่างอดใจไม่ไหว
อินหลิวเฟิงทำได้เพียงป้อนอาหารบรรพบุรุษตัวน้อยคนนี้อย่างอดทนอดกลั้น และได้ถูกพ่อบ้านเหอจากจวนอ๋องเห็นเข้าพอดี ทำเอาพ่อบ้านอายุมากคนนี้ตะลึงพรึงเพริดไปครู่หนึ่ง “นาย…นายน้อย?”
พ่อบ้านเหอขยี้ตาถึงจะมั่นใจว่าคุณชายในชุดขาวผู้หล่อเหลาตรงหน้าคนนี้เป็นนายน้อยแห่งเมืองโยวตูของพวกเขาจริงๆ แล้วจึงกล่าวอย่างจนใจว่า “คาดไม่ถึงว่านายน้อยผู้ที่คอยอ้าแขนรอสวมชุด และอ้าปากรออาหารจะมีวันนี้ได้”
“พ่อบ้านเหอ…” อินหลิวเฟิงกระอักกระอ่วน หากมิใช่ว่าพ่อบ้านเฒ่าคนนี้เป็นคนเก่าแก่ของจวนอ๋อง เขาจึงต้องให้ความเคารพล่ะก็ เขาอยากจะเตะตาเฒ่าคนนี้สักทีเสียจริง!
ทั้งเอ้อร์เหมาที่อยู่ข้างๆ ยังกล่าวสำทับอีกด้วยว่า “มิใช่เช่นนั้นหรอก! พ่อบ้านเหอ ท่านไม่รู้ว่านายน้อยยอมทำทุกอย่างเพื่อฮู…เอ่อ…เพื่อคุณหนูใหญ่เยี่ยนเลยนะขอรับ!”
อินหลิวเฟิง “…”
หากออกเดินทางคราวหน้าจะไม่พาเอ้อร์เหมาไปอีกเด็ดขาด! ใครพาไปคนนั้นเป็นสุนัข!
ทว่าพ่อบ้านเหอที่เข้าไปยุ่งครั้งหนึ่งก็รู้จักหยุดลงเมื่อสมควร และเดินหน้าเข้ามาคารวะอย่างเป็นทางการ “ข้าน้อยขอคารวะนายน้อยและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนขอรับ”
“อะแฮ่ม!” อินหลิวเฟิงรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติอย่างเร็วไวและกล่าวว่า “อืม มิต้องมากพิธี ตาเฒ่าคนนั้นส่งเจ้ามาหรือ”
“เรียนนายน้อย ใช่แล้วขอรับ” พ่อบ้านเหอกล่าวอย่างละเอียดละออ “ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยมาจ่ายเงินให้กับนายน้อยและปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนขอรับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้ จวนอ๋องจะเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมดขอรับ”
“จริงหรือ!” อินหลิวเฟิงตาเป็นประกาย!
นี่ทำให้เยี่ยนจื่อเสาไม่เข้าใจ แต่พ่อบ้านเหอเขาก็ได้พยักหน้าตอบว่า ‘ใช่’ แล้ว
อินหลิวเฟิงจึงได้รีบตะโกนต่อเยี่ยนอวี๋ว่า “กูไหน่ไน ไปกันเร็ว! ข้าจะพาท่านและเสี่ยวเป่ารวมถึงพี่รองและเม่ยเอ๋อร์ไปกินดื่มของอร่อยและซื้อของดีกัน!”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งเสียงร้องอย่างสนใจ
อินหลิวเฟิงจึงรีบกล่าวแบ่งปันเสียงเบาว่า “ท่านอ๋องคือพ่อข้าเอง ปกติขี้งกมาก เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเราต้องซื้อให้มากและมากที่สุด! ซื้อๆๆ!”
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิด เขาจะซื้อถังหูลู่หนึ่งไม้ กินไม่ได้เพียงแค่ได้ดูก็สวยงามเช่นกัน! ดังนั้น เขาจึงหันศีรษะไปมองถังหูลู่ที่อยู่ข้างทางแล้ว
อินหลิวเฟิง “…”
ดูปฏิกิริยานี้สิ…
อินหลิวเฟิงที่แทบจะกุมขมับ เขาได้ขวางสายตาของเยี่ยนเสี่ยวเป่าไว้แล้วกล่าวว่า “ข้าจะซื้ออันที่แดงกว่าและสวยกว่าให้เจ้า!”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าครานี้ยังไม่เข้าใจนัก
รอจนอินหลิวเฟิงนำ ‘ถังหูลู่’ สีแดงชั้นยอดให้กับเขา เขาถึงได้เข้าใจ!
ดังนั้น ในครึ่งวันที่เหลือ อินหลิวเฟิงก็ได้แสดงออกว่าเป็นชายใจกว้าง พาเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ตื่นเต้นอยู่ไปซื้อของล้ำค่าที่ดีที่สุดในเมืองโยวตู
เยี่ยนอวี๋เห็นว่าลูกน้อยดีใจเพียงนั้นจึงไม่ได้ห้ามปราม เพียงแต่ในขณะที่กำลังพักอยู่นั้นได้ถามเกี่ยวกับเรื่องของแม่น้ำเย่ว์หมิงอย่างตั้งใจ “หลังจากกลับไปยังจวนอ๋องแล้ว เจ้าไปนำเอกสารเกี่ยวกับน้ำท่วมในอดีตมาให้ข้า”
“ได้เลย!” อินหลิวเฟิงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เพราะตอนนี้เขายังคงครุ่นคิดเรื่องต้าซือมิ่งจะลงมือช่วยหรือไม่
“ในเวลาที่เหมาะสม พาข้าลงไปยังแม่น้ำเย่ว์หมิงที” เยี่ยนอวี๋กล่าว
อินหลิวเฟิงจึงได้ชะงักแล้วถามขึ้น “จื่ออวี๋ เจ้าเอาจริงหรือ”
“หืม?” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วปมมองไปยังอินหลิวเฟิง ราวกับไม่ค่อยเข้าใจนัก
อินหลิวเฟิงถูกมองจนหัวใจหยุดเต้นไปครึ่งจังหวะ พูดจริงๆ นะ! แม้ว่าเขาจะติดตามคุณหนูใหญ่เยี่ยนมานานพอควรแล้ว แต่ก็มักจะถูกความอัศจรรย์ใจทำเอาแทบหยุดหายใจได้ตลอดเช่นกัน…
สงบสติได้สักครู่ อินหลิวเฟิงถึงจะถามขึ้นอย่างจริงจังว่า “ความหมายของข้าคือ เจ้าแก้ปัญหาน้ำได้จริงหรือ พูดตามตรงนะ ก่อนหน้านี้ที่ข้าเชิญเจ้ามา หลักๆ คืออยากจะให้พวกเจ้าสองแม่ลูกได้มาเที่ยวเล่นที่เมืองโยวตูอย่างสนุกสนาน ส่วนเรื่องน้ำท่วมนั้น…”
“เจ้าคาดหวังกับต้าซือมิ่งคนนั้นหรือ” เยี่ยนอวี๋ถามอย่างมองทะลุปรุโปร่งอีกครั้ง