ตอนที่ 166 ต้าซือมิ่งโอ๋บุตรชายอีกแล้ว
เสียงแหบพร่าที่ดังออกมาจากชั้นสามเช่นเดียวกันนั้นตัดบทผังอี้ และเข้าร่วมแข่งประมูล “ขออภัยด้วย ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน แม้ว่าสถานะของท่านจะสูงส่ง แต่พวกข้าก็ต้องการปลาเยว่ซวิ่น[1]เช่นกัน สมบัติที่ใช้ในการแข่งประมูลคือ…ดาบเฉือนจันทราระดับสูง”
เมื่อสิ้นเสียงก็มีพนักงานดูแลต้อนรับเดินออกมาจากด้านในห้องส่วนตัวที่ส่งเสียง ซึ่งฝ่ายหลังยังรีบปิดประตูห้องด้วยความรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
และมีพนักงานดูแลต้อนรับเป็นผู้ประคองดาบทรงพระจันทร์เสี้ยวเล่มหนึ่งออกมา มันส่องประกายวาววับเข้าสู่สายตาทุกคน ท่ามกลางแสงไฟใต้เพดานลายฉลุในห้องโถงประมูล
“ดาบดี!” คนภายในห้องโถงประมูลล้วนสายตาดีเยี่ยม สามารถคาดเดาออกถึงมูลค่าของดาบวิเศษเล่มนี้ว่าห่างไกลจากหญ้าหางจิ้งจอกนัก
ทว่าเม่ยเอ๋อร์ได้นำกริชประกายเย็นยะเยือกทั่วทั้งเล่มออกมา พลางเอ่ยว่า “กริชเหล็กเย็น ตัดได้ทุกสิ่งที่ต่ำขั้นกว่าขั้นสุดยอด สามารถต้านการโจมตีจากอาวุธขั้นสุดยอดใดๆ ได้สามครั้ง”
เมื่อวาจานี้ถูกกล่าวออกมา…
ก็มีคนถามออกมาตามจิตใต้สำนึกว่า “เป็นไปไม่ได้ กริชเหล็กเย็นไม่สามารถต้านการโจมตีจากอาวุธขั้นสุดยอดได้เด็ดขาด นี่เป็นเรื่องทั่วไปที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว! แม้ว่าเหล็กเย็นจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงอาวุธขั้นสุดยอดได้”
เสียงของผู้แข่งประมูลที่ไม่เผยตัวตนท่านเดิมจากชั้นสามก็เอ่ยว่า “ไม่เลว เดิมอาจารย์ผังอี้ก็เป็นผู้หลอมอาวุธ คิดๆ ดูแล้วน่าจะรู้ดียิ่งกว่า ในแวดวงการหลอมศาสตราวุธ ไร้ซึ่งการก้าวข้ามระดับขั้นของศาสตราวุธ และวัตถุดิบใดๆ นั้นเป็นกฎตายตัว วัตถุดิบระดับต่ำ ไม่สามารถหลอมศาสตราวุธระดับกลางออกมาได้ ศาสตราวุธที่หลอมออกมาจากวัตถุดิบระดับต่ำไม่สามารถต้านทานศาสตราวุธระดับกลางได้แน่นอน จากเหตุผลข้างต้น! จึงไม่มีการข้ามระดับขั้นของศาสตราวุธ นี่คือเรื่องทั่วไปที่คนในโลกผู้ฝึกฌานล้วนรู้กันทั้งนั้น”
“ลองดูสิ” เม่ยเอ๋อร์ตอบกลับง่ายๆ “พังไปก็ไม่เป็นไร ข้ายังมีอีกเล่มหนึ่ง แต่ผู้ทดลองจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนในจำนวนเงินที่เท่ากัน”
“กล่าววาจาบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!” คนภายในห้องประมูลพากันวิพากษ์วิจารณ์
แต่ผังอี้กลับกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องลอง แต่ไม่รู้ว่าแม่นางจะสามารถมอบกริชให้ข้าน้อยประเมินใกล้ๆ ได้หรือไม่”
เม่ยเอ๋อร์ไม่พูดพล่ามทำเพลง ส่งกริชลอยทางอากาศไปตรงหน้าผังอี้ทันที
“ตรงไปตรงมาจริงๆ!” ผังอี้ยื่นมือทั้งสองข้างออกไป ใช้ฌานตบะประคองกริชเอาไว้ และประเมินแยกแยะอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ส่งกริชกลับไปตรงหน้าเม่ยเอ๋อร์ พร้อมกับเอ่ยว่า “จวินเป่าเก๋อสามารถรับรองได้ว่ากริชที่ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนนำมาเข้าร่วมแข่งประมูลเล่มนี้มีประสิทธิภาพดั่งเช่นที่สาวใช้ท่านนี้กล่าวจริงๆ”
ภายในห้องโถงประมูลแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นไปได้อย่างไรกัน”
“ใช่แล้ว! เหลือเชื่อเกินไปแล้ว! แต่ว่านี่คือผลการประเมินจากอาจารย์ผังอี้ ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”
“นั่นน่ะสิ ถ้าหากว่ามีปัญหา ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิตเต็มๆ!”
…
กริ๊ง!
ผังอี้เคาะกระดิ่งหลังจากที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าแขกผู้สูงศักดิ์ในห้องส่วนตัวหมายเลขหก ชั้นสามยังมีของแลกเปลี่ยนใดเข้าร่วมแข่งประมูลอีกหรือไม่”
“…ไม่มี” แขกผู้สูงศักดิ์ชั้นสามตอบอย่างเสียใจ
ส่วนระดับขั้นของกริชที่เม่ยเอ๋อร์นำออกมา หากคิดอยากจะแข่งขันด้วย อย่างน้อยก็ต้องนำสมบัติล้ำค่าที่อยู่ระดับตำนานกึ่งหนึ่งออกมา หรือไม่ก็โอสถสำเร็จรูป และศาสตราวุธในระดับเดียวกัน เป็นต้น
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการประมูลที่ไม่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก ในห้องโถงล้วนไม่มีคนเอ่ยพูดอีก
ผังอี้จึงพยักหน้าเตรียมจะประกาศผลลัพธ์ประมูลสุดท้าย
แต่ทว่า…
มีเสียงหนึ่งดังลอยมาจากที่นั่งทั่วไปในห้องโถงประมูลอีกครั้ง “โปรดรอสักครู่!”
ทุกคนมองไปตามที่มาของเสียง ถึงได้เห็นชายหนุ่มแรกรุ่นคนหนึ่งที่ยืนขึ้นมา “ข้าน้อยเป็นผู้จัดหาปลาเยว่ซวิ่น ตามกฎระเบียบของจวิ่นเป่าเก๋อ ข้าน้อยสามารถเลือกสิ่งที่ตนเองชอบในบรรดาสิ่งที่นำมาแข่งประมูลกันได้ ถูกต้องไหมขอรับ? อาจารย์ผัง”
“ไม่ผิด มีกฎระเบียบนี้อยู่” ผังอี้พยักหน้า พลางเอ่ย “แต่ข้าน้อยขอเตือนประโยคหนึ่งว่า สิ่งที่จวินเป่าเก๋อตัดสินใจเลือกเพื่อนายจ้างนั้นเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดแน่นอน ขอให้ท่านตัดสินใจอย่างรอบคอบ หากท่านไม่เชื่อในการตัดสินใจเลือกของจวินเป่าเก๋อ สิ่งที่ท่านตัดสินใจเลือก จวินเป่าเก๋อจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น”
ชายหนุ่มแรกรุ่นได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังเอ่ยว่า “ข้าน้อยเข้าใจ แต่สำหรับข้าน้อยแล้ว ดาบเฉือนจันทราเหมาะสมกับข้าน้อยมากกว่า ส่วนกริชเหล็กเย็นไม่ใช่สิ่งที่ข้าน้อยต้องการ ท่านอาจารย์ผังโปรดอภัยให้ด้วย”
“ไม่เป็นไร จวินเป่าเก๋อเคารพการตัดสินใจเลือกของท่าน” ผังอี้ไม่ได้กล่าวอันใดให้มากความ เขาเพียงแค่มองไปทางห้องส่วนตัวที่เยี่ยนอวี๋อยู่ด้วยความเสียใจ ขณะเตรียมจะชี้ชัด
แต่เยี่ยนอวี๋กลับเอ่ยว่า “ข้าสามารถมอบของชิ้นใหม่ที่มีคุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่าดาบเฉือนจันทราเล่มนี้”
“นี่…” ผังอี้จำเป็นต้องกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมีของให้ยลหรือไม่ แต่ไหนแต่ไรมาจวินเป่าเก๋อของข้าน้อยล้วนใช้ของจริงในการประมูล”
“คุณหนูใหญ่ของพวกเราสามารถรับประกันได้” เม่ยเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ดาบเฉือนจันทราเล็กๆ น้อยๆ คุณหนูใหญ่ของพวกเราจะไม่สามารถรับประกันได้เลยหรือ?”
“แม่นางอย่าเข้าใจผิดไป ข้าน้อยไม่ได้สงสัยในตัวปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน เพียงแต่การประมูลแลกเปลี่ยนของจริง เป็นวัตถุประสงค์หลักในการประมูลของจวินเป่าเก๋อ และเป็นจุดที่งานประมูลสมบัติล้ำค่าจวินเป่าไม่เหมือนกับงานประมูลซื้อขายอื่นๆ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ” ผังอี้กล่าวขออภัยด้วยท่าทางเฉียบขาด
อินหลิวเฟิงก็อธิบายให้เยี่ยนอวี๋ฟังเสียงเบา “ที่จริงเป็นแบบนี้ งานประมูลสมบัติล้ำค่าจวินเป่าไม่ดำเนินการผ่านสัญญาซื้อขาย และไม่ซื้อขายด้วยเงินตราเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเจรจาซื้อขายด้วยการใช้สิ่งของแลกเปลี่ยนสิ่งของกันภายในงาน”
“เช่นนั้นสามารถรอสักหนึ่งเค่อได้หรือไม่” เยี่ยนอวี๋เอ่ย “ข้าจะหลอมดาบเฉือนจันทราตอนนี้เลย”
“หืม?” อินหลิวเฟิงเบิกตากว้างมองเยี่ยนอวี๋ พลางเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “กู…กูไหน่ไน [2]ท่านยังเป็นผู้หลอมศาสตราวุธด้วยหรือ”
“ไม่ว่าอะไรคุณหนูใหญ่ของพวกเราก็ทำเป็นหมดนั่นแหละ!” เม่ยเอ๋อร์เอ่ยด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ
“แต่ว่า…” อินหลิวเฟิงอยากจะบอกว่า เกรงว่าจวินเป่าเก๋อคงไม่ยินยอม
แต่ว่า…
“แขกผู้สูงศักดิ์ห้องหมายเลขหนึ่ง ยินยอมใช้สิทธิพิเศษในการเลือกปลาเยว่ซวิ่น”
เสียงของพนักงานดูแลต้อนรับดังลอยมาจากห้องส่วนตัวหมายเลขหนึ่ง บริเวณชั้นหนึ่งที่กว้างขวาง บรรยากาศไม่ธรรมดาตรงข้ามเวทีประมูล ทำลาย “สถานการณ์” ภายในงาน
——————————
[1] ปลาเยว่ซวิ่น คือ ปลาสเตอร์เจียน
[2] กูไหน่ไน เป็นคำใช้เรียกสตรีที่ออกเรือนแล้ว