…
ห้องโถงประมูลเงียบเป็นเป่าสากทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ยังคงเป็นผังอี้ที่เคาะกระดิ่งดัง กริ๊ง พลางเอ่ยว่า “ข้าน้อยขอประกาศว่า สมบัติการประมูลชิ้นแรกในงานประมูลสมบัติล้ำค่าจวินเป่ามีแขกผู้สูงศักดิ์ในห้องหมายเลขหนึ่งเป็นผู้ได้รับไป”
เมื่อกล่าววาจานี้จบแล้ว ผังอี้ก็หยุดไปชั่วขณะแล้วเอ่ยต่อว่า “ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน รวมถึงแขกผู้สูงศักดิ์ในห้องส่วนตัวหมายเลขหกที่ชั้นสาม เชื่อว่าพวกท่านล้วนรู้ว่า ตามกฎระเบียบของจวินเป่าเก๋อ แต่ไหนแต่ไรมาห้องส่วนตัวหมายเลขหนึ่งมีสิทธิพิเศษในการเลือกสมบัติประมูลสามชิ้นโดยไร้เงื่อนไข ดังนั้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย”
“รู้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำตอบรับจากแขกผู้สูงศักดิ์บริเวณชั้นสามดังขึ้น พนักงานดูแลต้อนรับที่ประคองดาบเฉือนจันทราก็ถอยกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวเช่นกัน
ถึงแม้เม่ยเอ๋อร์ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เสียงไพเราะราวกับสายน้ำของเยี่ยนอวี๋ได้ลอยออกไปแล้ว “ข้าเคารพกฎระเบียบของจวินเป่าเก๋อ แต่ข้ายังคงหวังว่าแขกผู้สูงศักดิ์ในห้องหมายเลขหนึ่งจะสามารถหักใจวางมือ ขอเพียงท่านยินยอม ข้าสามารถรับปากข้อเรียกร้องที่สามารถกระทำได้ของท่านข้อหนึ่ง”
“ขอบคุณปราชญ์มหาสำนักเยี่ยน และขอบคุณแขกผู้สูงศักดิ์ในห้องส่วนตัวหมายเลขหก จวินเป่าเก๋อขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้าใจ ในขณะเดียวกัน จวินเป่าเก๋อจะมอบดาบเฉือนจันทราระดับสูงให้กับพี่น้องที่จัดเตรียมปลาเยว่ซวิ่น[1]มาท่านนี้” ผังอี้สรุปจบด้วยกิริยาวาจาที่เหมาะสม ก่อนจะคลุมปิดปลาเยว่ซวิ่นกลับไป
ในเวลาเดียวกันพนักงานดูแลต้อนรับที่รับผิดชอบดูแลแขกผู้สูงศักดิ์ในห้องหมายเลขหนึ่งของจวินเป่าเก๋อก็เดินมาถึงตรงหน้าผังอี้และประคองยกอ่างปลาขนาดเล็กที่ใส่ปลาเยว่ซวิ่นเอาไว้ลงไป
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดูถึงตรงนี้ ย่อมรู้ว่าปลาตัวน้อยที่งดงามตัวนั้นไม่ใช่ของเขาแล้ว แม้ว่าท่านแม่ของเขาจะพยายามอย่างมากเพื่อช่วยเขา แต่ก็ยังไม่ได้มาอยู่ดี
เยี่ยนอวี๋กลัวว่าบุตรชายจะทุกข์ใจจึงโอบบุตรชายตัวน้อยเข้ามาในอ้อมกอดแล้วเอ่ยปลอบว่า “เสี่ยวเป่าไม่ต้องเสียใจไป อีกครู่แม่จะไปลองดูว่าสามารถใช้สมบัติชิ้นอื่นแลกเปลี่ยนได้หรือไม่ แต่ถ้าหากว่าผู้อื่นไม่ยินยอมแลกเปลี่ยนจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เอาแล้ว ได้ไหมจ๊ะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รู้สึกเสียใจจริงๆ มุดเข้าไปในอ้อมแขนท่านแม่เขา และเอ่ย “อะเนะเนะ” อยู่ครู่หนึ่ง แต่รอจนเขา “บ่น” เสร็จแล้ว เขาก็ผงกศีรษะเล็กๆ เห็นได้ชัดแล้วว่ารับปากท่านแม่ของเขา
เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ “อะเนะเนะ” เป็นพรวนนั่นว่าพูดถึงอะไร แต่นางเข้าใจการผงกศีรษะ ดังนั้นนางจึงรีบจุมพิตศีรษะโล้นเกลี้ยงของบุตรชายทันที พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีที่สุด น่ารักที่สุดเลย”
“ถูกต้อง! เสี่ยวเป่าเก่งที่สุด!” เยี่ยนจื่อเสาที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้น ในขณะเดียวกันก็เห็นชอบกับการอบรมหลานชายของนาง
แต่อินหลิวเฟิงกลับเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่า นอกจากข้า ปกติท่านบรรพบุรุษตัวน้อยล้วนเข้าใจและมีเหตุมีผลมาก?”
“นี่ก็อธิบายได้เพียงแค่ว่า นายน้อยอิน ท่านจะต้องเคยรังแกนายน้อยของพวกเราแน่นอน” เม่ยเอ๋อร์ซ้ำเติมอย่างตรงไปตรงมา
อินหลิวเฟิง “…”
ครั้งนั้นเขาเป็นแพะรับบาปเข้าใจไหม! เป็นแพะรับบาปแทนต้าซือมิ่ง!
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตัวเองเป็นแพะรับบาป แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
แต่คราวนี้เยี่ยนเสี่ยวเป่าดันพยักหน้าเอ่ยว่า “อะเนะ! อะเนะ!” เสียอย่างนั้น ทำให้ท่านพ่อคนงามตกใจจนหนีไป ก็เป็นการรังแกเสี่ยวเป่า!
อินหลิวเฟิง “…”
ทำไมท่านบรรพบุรุษตัวน้อยถึงได้ชอบโยนความผิดลงบนหัวเขากันนะ??
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าต้าซือมิ่งเป็นคนโยนท่านบรรพบุรุษตัวน้อยลงในบ่อโคลน!
ท่านบรรพบุรุษตัวน้อยท่านนี้รู้เหตุรู้ผลขนาดนี้ เขาจะต้องรู้แน่นอนว่าคนคนนั้นคือต้าซือมิ่ง ไม่ใช่เขา อินหลิวเฟิง!
“ท่านบรรพบุรุษตัวน้อย…” อินหลิวเฟิงที่ได้รับความไม่เป็นธรรมมองนายน้อยบางคนตาปริบๆ และหวังเป็นอย่างมากว่านายน้อยท่านนี้จะสามารถพูดได้ เขาจะได้สนทนาว่าสรุปว่านี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่?
เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็เอ่ย “อะเนะเนะเนะ” ออกมาเป็นพรวนจริงๆ บอกเล่าเรื่องที่แท้จริงอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเข้าใจภาษาทารก ทว่าทุกคนล้วนแน่ใจมากว่าอินหลิวเฟิงรังแกเขาจริงๆ จากสีหน้าท่าทางของเจ้าตัวน้อย
อินหลิวเฟิง “…”
พอเถอะ เหตุใดเขาถึงคิดไม่ตกขนาดนี้กัน ทั้งยังว้าวุ่นคิดจะเผชิญหน้ากับเด็กทารกคนหนึ่ง ไม่ได้เปรียบแถมยังทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีก
ส่วนเยี่ยนอวี๋ที่ได้ยินบุตรชายเล่าจนจบอีกรอบก็จุมพิตเจ้าตัวน้อยที่ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห พลางเอ่ยปลอบว่า “อืม แม่รู้หมดแล้ว แต่ว่าท่านลุงอินของเจ้าก็ได้จ่ายค่าตอบแทนมาแล้ว หลังจากนี้เสี่ยวเป่าไม่แค้นฝังใจอีกแล้ว ดีไหมจ๊ะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพองลมแก้มอวบ เห็นได้ชัดว่าไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก! แต่เขาก็ยังคงพยักหน้า ทว่าเมื่อพยักหน้าเสร็จ เขาก็หันหน้าไป พาดตัวอยู่ในอ้อมกอดท่านแม่ของเขา หันหลังให้กับอินหลิวเฟิง ประหนึ่งว่าไม่มีความสุข
เยี่ยนอวี๋ทำได้เพียงแค่ลูบแผ่นหลังนุ่มนิ่มของบุตรชาย และสงสัยอย่างสุดซึ้งว่า หรือว่าวิหคทมิฬตัวน้อยจะไม่ได้เป็นแพะรับบาปแทนต้าซือมิ่งท่านนั้น แต่เขารังแกเสี่ยวเป่าจริงๆ?
ท่าทางครุ่นคิดเช่นนี้ของเยี่ยนอวี๋สร้างความระแวดระวังให้กับอินหลิวเฟิง เขารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
ทว่าตอนนี้ภายในห้องประมูลได้เผยหน้าตาที่แท้จริงของสมบัติประมูลชิ้นที่สองพอดี “ทุกท่าน โปรดดู พืชตะไคร่น้ำโบราณ ตำนานกล่าวว่าถือกำเนิดที่ตำหนักไท่ชาง สำหรับอายุ…ไม่ทราบ ผลลัพธ์…ไม่ทราบ วิธีการใช้…ไม่ทราบ”
ผังอี้ที่อยู่บนเวทีประมูลบรรยายตามความเป็นจริง กล่องสมบัติซึ่งเป็นสมบัติประมูลชิ้นที่สองในมือของเขามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนื่องจากการประมูลในครั้งแรก เขายังอธิบายเป็นพิเศษว่า “สมบัติชิ้นนี้เป็นของจวินเป่าเก๋อ แขกผู้สูงศักดิ์ทุกท่านสามารถแข่งประมูลกันได้เต็มที่ สมบัติของผู้ใดที่ล้ำค่าที่สุดในการประมูล สมบัติชิ้นนี้จะเป็นของท่าน ตอนนี้ข้าน้อยขอประกาศ เริ่มต้นการแข่งประมูลได้”
———————-
[1] ปลาเยว่ซวิ่น คือ ปลาสเตอร์เจียน