บทที่ 751 พวกคุณต้องทำตามฉัน
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นเหมือนกับก้อนหินทำให้เกิดระลอกคลื่น เซวียลี่ ทีมผู้เชี่ยวชาญ และโหวเม่าเฟิงเถ้าแก่ร้านฮุ่ยชุ่ยต่างเปลี่ยนสีหน้า
“เถ้าแก่โหวใจเย็นๆ ก่อนครับ เรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิด ทางผมจะต้องจัดการแน่นอน!”
เซวียลี่ทางหนึ่งปลอบโหวเม่าเฟิง ทางหนึ่งต่อว่าเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่อาจอดกลั้นไว้ “คุณหนูเยี่ย ผมรู้ว่าคุณมีอคติกับผู้อำนวยการฉิน แต่ว่าเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องส่วนรวมก็เป็นเรื่องส่วนรวม คุณไม่แยกแยะส่วนตัวส่วนรวม ทำอะไรตามใจชอบแบบนี้ แม้แต่ปรึกษายังไม่ปรึกษาเราเลย กลับตัดสินใจเอง ไม่มีเหตุผลเลยนะครับ!”
สืออีได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นทันที กล่าวว่า “รองผู้อำนวยการเซวีย ตอนที่พวกคุณตกลงกันก็ไม่เห็นจะมาคุยกับคุณหนูหวันหวั่น คนที่ตัดสินใจเอง ไม่ใช่ทางคุณหรอกเหรอ?”
เซวียลี่สูดหายใจลึก “นาย…ดี ในเมื่อคุณต้องการปรึกษา อย่างนั้นตอนนี้เรามาคุยกันดีกว่า ก่อนหน้านี้ผมบอกเหตุผลชัดเจนแล้วว่าของล็อตนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ผู้อำนวยการฉินใช้เวลาและความพยายามไปกับมันไม่น้อยเลย…”
เยี่ยหวันหวั่นใช้มือหนึ่งเท้าคาง ไม่ได้ตัดบทเขา ฟังเซวียลี่พูดความดีความชอบของฉินรั่วซีเป็นน้ำไหลไฟดับ
รอจนเขาพูดจบแล้วค่อยเอ่ยช้าๆ “พูดจบแล้ว? งั้นฉันขอพูดสักคำ คนที่รับผิดชอบในการซื้อขายครั้งนี้คือฉัน พวกคุณต้องทำตาม”
เซวียลี่ได้ยินแล้วเหมือนมีเลือดมาอุดที่ลำคอ “คุณ…”
อีกฝ่ายมีตำแหน่งสูงกว่า…
ยังต้องพูดเหตุผลอะไรกับเขาอีก?
เดิมทีสืออีเป็นห่วงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะจัดการอย่างไร คิดไม่ถึงว่าเธอจะตรงไปตรงมาแบบนี้ จึงอดกระแอมพร้อมลูบจมูกไม่ได้
แบบนี้จะไม่มีปัญหาจริงๆ เหรอ?
เวลานั้นเอง สโลแกนที่นัดกันไว้แล้วก็ดังมาเหมือนกับเชียร์ลีดเดอร์ให้กำลังใจ “เถ้าแก่โหย่วหมิง สวยเหมือนนางฟ้า สวยๆๆ สวยที่สุดในโลก”
“พรูด…” เยี่ยหวันหวั่นสำลักชาออกมา
นี่คือที่พวกเขาบอกว่าไม่ต้องใช้วรยุทธ์ก็ระบายความโกรธให้เธอได้อย่างนั้นเหรอ?
เซวียลี่มองคนห้าคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังเยี่ยหวันหวั่นมาตั้งแต่เมื่อครู่ แล้วตอนนี้ยังมาราดน้ำมันบนกองเพลิงอีก สีหน้ายิ่งไม่น่าดูกว่าเดิม
ขณะเห็นบรรยากาศยิ่งหนักอึ้งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญสามคนรอบๆ ก็เกลี้ยกล่อม
“คุณหนูเยี่ยคิดดีๆ อีกรอบเถอะครับ!”
“ถึงแม้หน้าที่ครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก แต่หยกงามในวันนี้หายากจริงๆ ทางฝ่ายอัญมณีรอของล็อตนี้มามากกว่าครึ่งปีแล้ว ถ้าพลาดโอกาสในครั้งนี้แล้วถูกคนอื่นชิงของไปได้ อย่างนั้นพวกเราก็เสียหายสาหัสแล้ว…”
…
เสียงตูมดังขึ้นมา โหวเม่าเฟิงที่ฟังอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดทุบโต๊ะอย่างแรง ระเบิดอารมณ์ออกมาตรงนั้น
“มีแบบนี้ที่ไหนกัน! แม่หนู เธอปากดีนักนะ มีคนให้ราคาสูงกว่านี้ฉันยังไม่เอา ตั้งใจยกของรายการนี้ให้พวกเธอ แต่พวกเธอกล้าดี กลับไม่ต้องการของจากร้านฮุ่ยชุ่ยของฉัน? คุณเซวีย นี่เหรอความจริงใจของพวกคุณ?”
เซวียลี่มองเยี่ยหวันหวั่นอย่างโกรธแค้น รีบเอ่ยว่า “เข้าใจผิดครับ เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด เถ้าแก่โหวฟังผมอธิบาย…”
โหวเม่าเฟิงปั้นหน้าเย็นชา สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง “พอๆ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตอนแรกนอกจากคุณหนูฉินมาเอง ของล็อตนี้ผมก็ไม่คิดจะเอาให้ใคร ในเมื่อพวกคุณไม่เห็นค่า ผมก็ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าพวกคุณอีก! เชิญกลับไปเถอะ!”
พนักงานที่คอยบริการมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้ารังเกียจ กล่าวเสียงแหลมว่า “คุณหนูท่านนี้ เกรงว่าคุณจะไม่เข้าใจการทำธุรกิจ นึกว่าเมือง H มีแต่ร้านขายหยกดิบ หินธรรมดาวางเกลื่อนกลาดเต็มถนนเหรอ? ต่อให้พวกคุณรออีกสักหลายปีก็อาจไม่ได้วัตถุดิบที่เป็นหยกเจไดต์ระดับท็อป พวกคุณรู้ไหมว่าของล็อตนี้มีคนรออยู่กี่คน?”
—————————————————-
บทที่ 752 ไม่เคยนอนด้วยแม้แต่ครั้งเดียว
เสียงของพนักงานเพิ่งจบ ผู้ชายที่หัวกลมหูใหญ่ สวมชุดหม่ากว้า[1]ขลิบลายทอง ก็ถือลูกวอลนัตสองลูกเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว เถ้าแก่โหว เป็นอะไรกัน ทำไมถึงโมโหมขนาดนี้ล่ะ?”
พอเห็นผู้มาเยือน สีหน้าของเซวียลี่เปลี่ยนไปทันที “แย่แล้ว! หวงซื่อซิน!”
ผู้เชี่ยวชาญสามคนเห็นเขาก็ร้อนรน “หวงซื่อซินมาทำอะไร! ก่อนหน้านี้พวกเราบอกไปแล้วนี่ว่าตระกูลซือต้องการของล็อตนี้!”
“ยังต้องถามอีกเหรอ? ต้องได้ข่าวแล้วแน่!”
“เร็วขนาดนี้เลย?”
“คุณคิดว่ามีกี่คนหมายตาของล็อตนี้ไว้ ไม่ถึงเวลาสุดท้ายจริงๆ ใครจะยอมปล่อยมือไป? ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เอาซะงั้น…”
“ซวยแล้ว หวงซื่อซินเป็นคนที่รับมือยากมาก! ของล็อตนี้ต้องหลุดมือไปแน่แล้ว!”
…
พนักงานเห็นคนมาก็ถลึงตามองเยี่ยหวันหวั่นรอบหนึ่ง จากนั้นเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่หวง! ลมอะไรหอบคุณมากันเนี่ย เชิญเข้ามาครับ!”
หวงซื่อซินทำหน้าเสียดาย ลองถามหยั่งเชิงดู “เฮ้อ ผมได้ยินว่าวันนี้เถ้าแก่โหวจะเซ็นสัญญาทำข้อตกลงกับ ตระกูลซือ แต่ผมยังไม่ยอมตัดใจ เลยลองมาถามดูว่าเถ้าแก่โหวยังมีของอย่างอื่นอีกไหม? ถึงจะด้อยกว่าหน่อยก็ไม่เป็นไร!”
โหวเม่าเฟิงได้ยินก็พลันแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่ากำลังอดทน
หวงซื่อซินเห็นสีหน้าของโหวเม่าเฟิง ใบหน้าก็ฉายแววยินดีทันใด ดูเหมือนข่าวจะไม่ผิดพลาด!
พนักงานเหลือบมองพวกเยี่ยหวันหวั่น พูดว่า “เฮ้อ เถ้าแก่หวง อย่าไปพูดถึงเลยครับ กำลังจะจ่ายเงินกันอยู่แล้วแท้ๆ พวกเขาดันไม่เอาซะอย่างนั้น!”
“อ้อ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย! หรือพวกเขาจะไม่รู้คุณภาพของของล็อตนี้? นี่เป็นหยกดิบที่เถ้าแก่โหวใช้ความพยายามมากมายซื้อมาจากที่ประมูลเชียวนา หยกดิบจากฮ่าค่าก้อนนั้นผ่าดูเนื้อแล้ว เป็นระดับบ่อเก่าเนื้อแก้ว อาจจะเป็นเนื้อหยกเขียวจักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ!” หวงซื่อซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
โหวเม่าเฟิงมองพวกเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยอย่างแช่มช้าว่า “ตอนแรกคนที่จะมาต้องเป็นคุณหนูฉินฉินรั่วซี สุดท้ายกลับเปลี่ยนเอาผู้หญิงไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้มาทำธุรกิจกับผมแทน เธอไม่อยากจะซื้อ! ว่ากันว่าทำให้เจ้าบ้านตระกูลซือรู้สึกทึ่ง แต่ดูแล้วก็ไม่เห็นจะเท่าไร!”
ไม่ว่าคนเหล่านี้จะพูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นล้วนไม่สนใจ จิบชาอย่างสบายใจ และรอคอยอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ แต่พอถึงประโยคนี้เท่านั้น สายตาก็เย็นเยียบขึ้นมาชนิดที่มองไม่เห็น
หวงซื่อซินใช้ดวงตาขุ่นมัวพิจารณาเยี่ยหวันหวั่นขึ้นลงอย่างเหิมเกริม “ได้ยินว่าเจ้าบ้านตระกูลซือได้ผู้หญิงหน้าตาดีสุดๆ มาคนหนึ่ง ถึงกับยอมเป็นปรปักษ์กับผู้อาวุโสทุกคนในตระกูล วันๆ เอาแต่สนใจแต่เรื่องผู้หญิง จนร่างกายอ่อนแอ…ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง…”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
โลกธุรกิจของพวกเขาก็ชอบซุบซิบกันแบบนี้เหรอเนี่ย?
สนใจแต่เรื่องผู้หญิงจนร่างกายอ่อนแออะไรกัน หลังจากเกิดใหม่ นอกจากครั้งนั้นแล้ว ต่อจากนั้นเธอก็ไม่เคยนอนกับเขาสักครั้งเดียว นั่นก็เพื่อดูแลร่างกายของซือเยี่ยหาน!
ขณะได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่านั้น เซวียลี่ก็เดินมาถึงข้างหน้าเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณหนูเยี่ย คนคนนี้เป็นคู่แข่งธุรกิจอัญมณีของตระกูลซือ เถ้าแก่โหวซื่อซินจากหอหลินหลาง ก่อนหน้านี้แข่งซื้อของล็อตนี้กับพวกเรามาตลอด ผู้อำนวยการฉินใช้เวลาอยู่หลายเดือนถึงตกลงกับทางเถ้าแก่โหวได้ ถ้าหากคุณยังไม่ยอมเซ็นสัญญาอีก ก็พิจารณาถึงผลลัพธ์เป็นดีที่สุด!”
เยี่ยหวันหวั่นนวดนิ้วขาวผ่อง กวาดตามองหวงซื่อซินกับโหวเม่าเฟิง ก่อนหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “ผลลัพธ์? สำหรับฉัน หยกดิบล็อตนี้ก็มีดีแค่ผิวสวยเท่านั้น ข้างในไม่ใช่ของดีอะไร ลงทุนไปอาจต้องขาดทุนก็ได้”
……………………………………………………..
[1] ชุดหม่ากว้าคือเสื้อแจ็กเก็ตแบบจีน มักเป็นเสื้อผ่ากลาง ปลายเป็นทรงกระบอกตัดเรียบ กลัดกระดุมข้างหน้า คอตั้งขึ้นมา แต่เดิมเป็นเสื้อกั๊กที่ชาวแมนจูดั้งเดิมใส่ทับเสื้อคลุมยาวกรอมเท้า ใช้สำหรับขี่ม้าเดินทาง แต่ภายหลังใส่กันเป็นปกติ