ตอนที่ 174 ต้าซือมิ่ง ท่านถูกภรรยาและลูกชายล้อมไว้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนอวี่ไม่รอให้ต้าซือมิ่งที่กำลังชะงักขานตอบก็เอ่ยปากอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไมหรือ ต้าซือมิ่งคิดจะซ่อนตัวอีกหรือ”
นี่มัน…!
จวินอั้นหยวนเพิ่งค้นพบว่าเรื่องนี้ผิดปกติ! ในที่สุดเขาก็รู้ว่าปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและต้าซือมิ่งไม่ถูกกัน!
เขา…
โครม!
อินสวินอี้ที่รู้ว่าตนรู้ความจริงเข้าก็พลันล้มลงมาจากเก้าอี้ สูญสิ้นภาพลักษณ์ของท่านอ๋องในทันที สีหน้าเขาก็ไม่สู้ดีนัก!
ตามคาด!
ตามคาดจริงๆ! ให้ตายเถอะ! แม่เจ้า…
บุตรชายของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเป็นทายาทของต้าซือมิ่งจริงๆด้วย!
ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนมาหาถึงที่แล้ว! อินสวินอี้รู้สึกว่าตนเองรู้มากเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าปิดปากหรือไม่
ทว่าเขาในบัดนี้ก็มิได้กังวลเรื่องนี้นัก ในตอนนี้เขารู้สึกตะลึงและรู้สึกเหลือเชื่อ อีกทั้งยังรู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไรดีมากกว่า
มารดามันเถอะ…
แท้ที่จริงแล้วต้าซือมิ่งก็คือชายสารเลวที่ได้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนแล้วทิ้ง!
ไม่ใช่สิ! ประเดี๋ยวนะ… อินสวินอี้ที่จู่ๆ นึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมบางสิ่งไป เขาพบว่าตนลืมสั่งให้ลูกน้องหยุดปล่อยข่าวลือในเมือง แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือก่อนหน้านี้เขายังออกคำสั่งให้แพร่กระจายข่าวลือออกไปอยู่เลย
เอ่อ… เมื่ออินสวินอี้สำนึกผิดอย่างจริงใจว่าบุตรชายตระกูลตนคนนั้นคงถูกเขาต้มตุ๋นจนจำเขาไม่ได้แล้ว เขาลุกขึ้นและกลับไปนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบ ถึงอย่างไรเรื่องก็เป็นเช่นนี้แล้ว ก็ปล่อยให้เป็นเช่นนี้เถอะ
อินสวินอี้จุดเทียนขาวยืนสงบนิ่งในใจให้บุตรชายของตน จากนั้นก็มองไปที่ต้าซือมิ่งราชสำนักอย่างจริงจัง จู่ๆ ก็รู้สึกอยากดูละครขึ้นมา ถึงเขาจะย่ำแย่เพียงใดก็คงไม่ย่ำแย่เท่าหลิวเฟิงลูกชายผู้น่าสงสารคนนั้นหรอก
และเมื่อต้าซือมิ่งราชสำนักที่หันศีรษะกลับมาแล้วเห็นสายตา ‘นึกสนุก’ เช่นนี้ของอินสวินอี้ ก็พลันประหลาดใจ ทว่าอินสวินอี้ยังถามขึ้นอย่างไม่กลัวตายว่า “เช่นนั้นข้าไปเปิดประตูนะขอรับ”
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ที่อยู่นอกห้องก็หมดความอดทน “ข้าเข้าไปแล้วนะ”
“มาแล้ว!” อินสวินอี้ขานตอบทันที และทึกทักไปเองว่าต้าซือมิ่งไม่กล่าวอะไรเท่ากับอนุญาตแล้ว เขาจึงสาวเท้าไปทางประตูบานนั้นเพื่อเปิดมันออก
ต้าซือมิ่งมองไปทางนั้นทันที เขาเองก็…
“คุณหนูใหญ่!”
“กูไหน่ไน!”
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!”
เสียงที่จู่ๆ ดังขึ้นพร้อมกันขัดจังหวะและโอกาสอันดีงามนี้ทันที เอ้อร์เหมาก็ตะโกนด้วยเจตนา ‘ช่วยเจ้านาย’ ว่า “คุณชายเสี่ยวเป่าหายไปแล้ว!”
ฟิ้ว!
เยี่ยนอวี๋หายตัวไปทันที
วิ้ง
อินสวินอี้ที่เปิดประตูก็เห็นเพียงสายสีรุ้งวาบหายไป
“…”
ต้าซือมิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง
…
ในตอนที่ต้าซือมิ่งชะงักไปในคราแรกนั้น ดวงตาของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยก็เป็นประกาย เขามองไปทางห้องพักขนาดใหญ่แล้ว
“อ้ะเนะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่แต่เดิมยังคงมึนงงอยู่นั้นก็สัมผัสกลิ่นอายของท่านพ่อรูปงามของเขาได้แล้ว จากนั้นเขาก็เตรียมตัวกลิ้งไปหาท่านพ่อรูปงามของเขาอย่างไม่ลังเล
เพียงแต่ว่าเขาเพิ่งจะขยับก้นน้อยๆ ของตนเอง เสียงแหลมสูงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลังเขา “นั่นไม่ใช่ลูกชายของปราญช์มหาสำนักเยี่ยนหรือ!”
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินก็รู้ว่านางกำลังพูดถึงท่านแม่คนงามและเขา เขาจึงหันหลังกลับไป และก็เห็นเฉาผิงผิงเพิ่งเดินเลี้ยวออกมาจากหัวมุม เมื่อคนตัวเล็กสบตากับคนตัวใหญ่ นัยน์ตาของพวกเขาก็ลุกเป็นไฟ!
“อ้ะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจ้องมองเฉาผิงอย่างถมึงทึง เขาจำได้ว่าคนๆ นี้เคยด่าท่านแม่คนงามของเขา
“เป็นเจ้าเด็กอัปรีย์จริงๆ ด้วย!”
เฉาผิงผิงไม่คิดว่านางแค่ลงมาสูดอากาศเล็กน้อย กลับมาเจอเจ้าเด็กอัปรีย์ของหญิงชั่วร้ายนั่น! อีกทั้งข้างกายของเจ้าเด็กอัปรีย์ยังไม่มีผู้ใดเลยด้วย นางจึงนึกกำเริบเสิบสานอีกครั้ง
ทว่าถึงแม้ว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าจะเป็นเด็ก แต่เขาก็ฉลาดนัก เมื่อเขาเห็นสายตาของเฉาผิงผิงก็รู้ทันทีว่าเจ้าคนอัปลักษณ์คนนี้จะรังแกเขาแล้ว เขาจึงขยับก้นทำท่าจะกลิ้งไปทางท่านพ่อรูปงามของเขา
“คิดจะหนีรึ!”
เฉาผิงผิงใช้ความเร็วที่ไม่เคยเร็วเท่านี้มาก่อน แน่นอนว่าหากใช้ความเร็วปกติของนาง นางคงไม่สามารถไล่ตามสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้ได้ทัน
ในขณะที่เฉาผิงผิงตะโกนออกไปนั้น นางก็ขว้างวงแหวนวงหนึ่งใส่เยี่ยนเสี่ยวเป่า เพราะนางกลัวว่าเด็กอัปรีย์ตรงหน้าจะร้องไห้ส่งเสียงดังทำให้นางต้องคว้าน้ำเหลว
ด้วยเหตุนี้เอง…
ฟิ้ว!
กลิ่นอายของวงแหวนนั้นหายวาบไปทางสิ่งมีชีวิตตัวน้อยราวกับแสงไฟสีดำ ก่อนจะรวบตัวของเขาไว้ทันที
“อ้ะเนะ!”
ตอนที่ 175 เสี่ยวเป่า VS เฉาผิงผิง
ทันใดนั้นเยี่ยนเสี่ยวเป่าก็หน้ามืด ลำตัวน้อยๆ ของเขาถูกมัดเข้าไว้ ทำเอาเขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกลิ้ง เขาทำได้เพียงถีบขาออกไปอย่างโมโห! ทว่าเฉาผิงผิงไม่สนใจท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของคนตัวเล็กอย่างเขาด้วยซ้ำ “ฮึ ตัวกะเปี๊ยกอย่างเจ้า จะมีแรงถีบสักแค่ไหนกัน ถือว่า…”
ที่เฉาผิงผิงพูดยังไม่ทันจบไม่ใช่เป็นเพราะนางไม่อยากพูดต่อ แต่เป็นเพราะนางไม่สามารถพูดต่อไปได้แล้ว เพราะว่าวงแหวนสีดำที่รัดตัวเจ้าตัวน้อยไว้ถูกถีบกระเด็นไปข้างหนึ่งแล้ว!
“อ้ะ!”
และเจ้าตัวน้อยที่หลุดพ้นจากพันธนาการก็กลิ้งขลุกขลักไปด้วยความเร็ว! อีกเพียงพริบตาเดียวก็จะพ้นไปจากสายตาของเฉาผิงผิงแล้ว
ความสามารถเช่นนี้… และความเร็วเช่นนี้ทำให้คนบ้านนอกอย่างเฉาผิงผิงเบิกตาโพลงด้วยความตะลึงงัน นางไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ ทว่าคงเป็นเพราะฟ้าต้องการเอาชีวิตเฉาผิงผิง ในขณะที่เจ้าตัวน้อยกำลังจะเลี้ยวไปและกำลังจะได้เป็นอิสระ จู่ๆ องครักษ์หอจวินเป่าคนหนึ่งก็บังเอิญเดินเลี้ยวมาพอดี จากนั้น…
ตุบ!
เจ้าตัวน้อยชนขาของเขาเข้าอย่างจัง… ซ้ำร้ายด้วยความเร็วของเจ้าตัวน้อยยังทำให้เขาถูก ‘เตะ’ จนตัวลอยกระเด็นออกไปในทันที
องครักษ์หอจวินเป่าที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเพียงราวกับว่าเขาเตะโดนสิ่งของชิ้นน้อยๆ สีแดงชิ้นหนึ่งลอยออกไป?!
“อ้ะ!”
ตึง!
“เนะ…”
เจ้าตัวน้อยเองก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน เขารู้สึกราวกับว่าตนเองลอยเหินขึ้นไป ก่อนจะตกลงบนพื้นและกลิ้งอีกสองสามที กว่าจะสามารถทรงตัวบนพื้นได้
เจ้าตัวน้อยผู้เงอะงะมองไปที่องรักษ์หอจวิ้นเป่าตรงหน้าอย่างนิ่งงัน และถามขึ้นด้วยความน้อยใจว่า “อ้ะเนะเนะ?” ทำไมต้องเตะเสี่ยวเป่าด้วย
ตอนนี้เององครักษ์หอจวิ้นเป่าก็เพิ่งจะมองเห็นชัดเจนว่าสิ่งที่เขาเตะออกไปไม่ใช่ ‘สิ่งของ’ อย่างที่คิด จากนั้นเหงื่อบนหน้าผากก็พลันไหลพรั่งพรูลงมาทันที…
ให้ตายเถอะ!
“อึก…”
องครักษ์หอจวินเป่าเหงื่อตกและกลืนน้ำลายไม่หยุด เขามองซุปเนื้อตุ๋นรสชาติเผ็ดร้อนที่กำลังเดือดปุดที่เขายกมาถ้วยนั้นอย่างหวาดผวา
ให้ตายเถอะ…
มารดามันเถอะ!
พ่อจ๋า!
อีกเพียงคืบเดียวเท่านั้น คืบเดียว… เขาก็จะสาดซุปเนื้อตุ๋นกำลังเดือดพล่านลงบนตัวของทารกน้อยแสนน่ารักคนนี้แล้ว! อีกทั้งหากเขาจำไม่ผิด ทารกน้อยจิ้มลิ้มท่าทางเงอะงะคนนี้น่าจะเป็นลูกของปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนด้วย ดังนั้น… หากเมื่อครู่นี้เขาพลั้งมือ…
“อึก…”
องครักษ์ตกใจกลัวจนเสื้อชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกว่าเขากลายเป็นชิ้นเนื้อที่กำลังถูกตุ๋นอยู่ในน้ำที่กำลังเดือดในถ้วยนี้แล้ว โชคดีที่เขากุมถ้วยไว้แน่นพอ แต่โชคร้ายที่เขาเตะเด็กน้อยออกไป
“ขออภัย! ขออภัยขอรับ…”
องครักษ์หอจวิ้นเป่าที่ตั้งสติได้ก็รีบวางซุปเนื้อตุ๋นแสนน่ากลัวลง เขารีบไปตรวจดูเนื้อตัวของเจ้าตัวน้อย เหงื่อของเขายังคงไหลไม่หยุด
“อ้ะ?”
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกสัมผัสตัวและยังถูกจับมือก็พลันกำมือตัวเองไว้แน่นอย่างไม่พอใจนักและมองคนแปลกหน้าตรงหน้าอย่างระแวดระวัง
องครักษ์หอจวินเป่าเองก็ไม่กล้าล่วงเกิน ทำได้เพียงพูดขอโทษไม่หยุดปาก “ขออภัย ขออภัยด้วยจริงๆ ขอรับ คุณชายน้อย ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ”
“อ้ะ!” เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าเข้าใจว่าคนไม่รู้จักตรงหน้ากำลังขอโทษเขา เขาจึงพยักหน้าเพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร จากนั้นก็เตรียมจะเลี่ยงตัวคนผู้นี้เพื่อกลิ้งไปหาท่านพ่อรูปงามของเขาต่อไป
ทว่าองครักษ์หอจวิ้นเป่ากลับขวางเขาไว้ และทำท่าจะอุ้มเขาพลางพูดว่า “คุณชายน้อย เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่เพียงลำพังเล่า ให้ข้าน้อยส่งท่านกลับไปหาปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเถอะขอรับ แล้วข้าจะกล่าวขอโทษท่านปราชญ์มหาสำนักเองด้วย”
ถึงแม้องครักษ์หอจวิ้นเป่าท่านนี้ไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ แต่ด้วยหน้าที่องครักษ์ของเขาทำให้เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้ เขารู้ว่าไม่ว่าจะถูกท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนดุด่าหรือไม่ เขาก็ต้องรับผิดชอบโดยการพาเด็กน้อยกลับไป และยอมรับโทษที่ตนสมควรได้รับแต่โดยดี
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ยอมไปกับคนคนนี้ เขาโบกมืออวบอ้วนของตนเอง “อ้ะเนะเนะ!” ข้ากลับไปเองได้ ไม่ต้องให้เจ้าอุ้ม
องครักษ์หอจวิ้นเป่าย่อมฟังไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ดูออกว่าถึงแม้ทารกน้อยคนนี้จะเป็นเพียงทารก แต่เขามีความคิดดั่งผู้ใหญ่ เด็กน้อยคงไม่ยอมให้เขาอุ้ม เขาจึงยอมถอยและขอร้องว่า “เช่นนั้นให้ข้าน้อยติดตามท่านไปเพื่อไถ่โทษด้วยเถิดขอรับ”
“อ้ะเนะเนะ! อ้ะเนะเนะ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าโบกมืออวบอ้วนของตนเองเพื่อบอกว่า ข้าสบายมาก ไม่ต้องตามไปหรอก ไม่ต้องไถ่โทษด้วย
เมื่อสิ้นเสียงร้องของทารก เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็กลิ้งขลุกๆอ้อมผ่านองครักษ์หอจวิ้นเป่าแล้ว
แต่แล้ว…
“หึๆ!”
เฉาผิงผิงที่ในที่สุดก็ตั้งสติได้ นางพาผู้ติดตามสองคนและหมัวมัวร่างสูงใหญ่สองคนนั่นมาล้อมเยี่ยนเสี่ยวเป่าและองครักษ์หอจวิ้นเป่าไว้แล้ว