ตอนที่ 176 เสี่ยวเป่าร้องไห้ พ่อแม่มาทันที!
“ไม่คิดเลยว่าแม้เด็กอัปรีย์เช่นเจ้าจะตัวเล็ก แต่ความสามารถไม่เล็กเลย เกือบจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้แล้ว!” เฉาผิงผิงจ้องเขาเขม็งด้วยแววตาแฝงความน่ากลัวเล็กน้อย “เสียดายฟ้าต้องการเอาชีวิตเจ้า หากจะโทษคงต้องโทษความโชคร้ายของตนที่เกิดมาในท้องของหญิงอำมหิตนั่น แถมดวงยังซวยเช่นนี้อีก”
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็จ้องเขม็งไปที่เฉาผิงผิงอย่างไม่พอใจ “อ้ะ!” ผู้หญิงคนนี้ด่าว่าแม่คนงามของเขาอยู่เรื่อยเลย เสี่ยวเป่าโมโหจริงๆ!
…ท่าทางน่ารักเช่นนี้กลับทำให้เฉาผิงพ่นหัวเราะออกมา “ดูท่าอารมณ์ร้ายไม่เบา ถึงตอนนี้แล้วเด็กอัปรีย์เช่นเจ้ายังบังอาจมาจ้องข้าอีก ช่างเป็นเด็กอัปรีย์ไร้การอบรมสั่งสอนจริงๆ จับตัวไป!”
“ช้าก่อน!” องครักษ์หอจวินเป่าที่เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาปกป้องเด็กน้อยไว้ทันที “คุณหนูสามตระกูลเฉา ที่นี่คือหอจวินเป่า ไม่ใช่จวนของท่าน ท่านมิอาจกระทำบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้”
แต่เฉาผิงผิงพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “ข้าขอเตือนเจ้า อย่าแส่ไม่เข้าเรื่อง เจ้าเด็กน้อยนี่แม้จะฉลาดเพียงใดก็ยังพูดไม่เป็น ขอเพียงเจ้าออกไปย่อมไม่มีผู้ใดรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่”
“ท่าน…”
“เจ้าน่าจะสัมผัสได้ว่าข้าเปลี่ยนแปลงค่ายกลบริเวณนี้แล้ว ดังนั้นหากเจ้าอยากยุ่งไม่เข้าเรื่อง เกรงว่าข้าคงต้องฆ่าคนเพื่อปิดปากแล้ว”
เฉาผิงผิงที่พบว่าเด็กน้อยมีความสามารถไม่ธรรมดา นางจึงใช้ศาสตราวุธระดับสูงที่ก่อนหน้านี้ใช้มัดตัวเด็กน้อยไว้กางออกไปกลางอากาศโดยรอบ ทำให้พื้นที่นี้ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงชั่วคราว
นางจึงมององครักษ์จวิ้นเป่าอย่างมั่นใจและพูดต่อไปว่า “แม้จะการฆ่าองครักษ์หอจวิ้นเป่าจะนำมาซึ่งความวุ่นวายไม่น้อย แต่ข้าก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเช็ดล้าง เจ้าจงคิดให้ดี”
น่าเสียดาย…
ในขณะที่เฉาผิงผิงอวดเบ่งอยู่นั้น เจ้าตัวน้อยก็เล็ง ‘เส้นทาง’ ไว้แล้ว เขากลิ้งขลุกๆ อีกครั้งด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเมื่อครู่
ครั้นสิ้นเสียงพูดของเฉาผิงผิง เด็กน้อยก็กลิ้งผ่านตัวองครักษ์หอจวินเป่าและเฉาผิงผิงไปแล้ว เขามุ่งไปทางหัวมุมก่อนหน้านี้ด้วยความไวแสง
แต่แล้ว…
“บัดซบ!”
ครั้งนี้เฉาผิงผิงตั้งสติได้ในทันที นางใช้ศาสตราวุธระดับสูงที่กางไว้กลางอากาศขวางทางข้างหน้าที่เด็กน้อยกำลังกลิ้งไปทันที
ตุบ!
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กลิ้งไปตรงหัวมุมก็ถูกขวางเอาไว้ได้อีกครั้ง เขาโมโหจนส่งเสียงร้อง ‘อ้ะ!’ ออกมา ขณะที่ร่างกายถูกดีดกลับไป
“รนหาที่ตาย!” เฉาผิงผิงที่โมโหเช่นกันพลันเตะซุปเนื้อตุ๋นที่กำลังเดือดข้างขาของนางออกไปทางเยี่ยนเสี่ยวเป่า
และการเตะนี้เอง… ทำเอาองครักษ์หอจวินเป่าตกใจแทบตาย เขากระโจนไปทางเด็กน้อยด้วยสัญชาติญาณ “คุณชายน้อยเยี่ยน!”
น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีไหวพริบดี แต่เฉาผิงผิงอยู่ใกล้เยี่ยนเสี่ยวเป่าเกินไป
ฉ่า!
โครม!
ซุปเนื้อตุ๋นที่ยังคงเดือดปุดถ้วยใหญ่ถ้วยนั้น ไม่เพียงสาดไปที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าอย่างร้อนแรง ถ้วยเครื่องลายครามใบใหญ่และหนักยังครอบลงบนศีรษะน้อยโล้นๆ ของเขา ทำเอาองครักษ์หอจวินเป่าตะลึงไปทันที!
แต่แล้ว…
แจ๊บๆ
เด็กน้อยที่ถูกสาดด้วยซุปหมาล่าเผ็ดร้อนไปทั้งตัว เขาไม่เพียงไม่เป็นอะไรยังทำปากขมุบขมิบ จากนั้นก็นำเนื้อวัวตุ๋นชิ้นหนึ่งที่มืออวบอ้วนของเขาคว้าไว้ยัดเข้าปากต่อหน้าต่อตาขององครักษ์หอจวินเป่าที่กำลังนิ่งงัน
แจ๊บๆ แจ๊บๆ…
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเด็กน้อยไร้ฟันที่ทำท่าเคี้ยวเสียงดังก็รู้สึกได้ว่าเนื้อที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนนี้ เมื่อกินเข้าไปแล้วก็อร่อยตามคาดจริงๆ เขารู้สึกเอร็ดอร่อยจนยิ้มตาหยีอย่างเคลิบเคลิ้มและมีความสุข
“…” องครักษ์หอจวินเป่าชะงักงัน เพราะตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยพบเจอเด็กบ้านไหนที่ทนร้อนทนกระแทกเช่นนี้ได้ ไม่สิ ไม่ถูก…
ไม่ใช่ว่าทารกน้อยคนนี้ถูกชนจนโง่ไปแล้วนะ! มิเช่นนั้นทำไมเขาถึงยังยิ้มได้อยู่เล่า
ไม่เพียงแต่เขา เฉาผิงผิงเองก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน
แต่แล้ว…
อุแว้!
เด็กน้อยที่ถูกมองว่าเป็นบ้าจู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมา!
และเมื่อเขาร้องไห้ เขาก็ร้องหนักมากและเสียงดังมาก จนแทบจะสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน ศาสตราวุธสกัดกั้นอากาศของเฉาผิงผิง ‘ปิดกั้น’ ไว้ไม่อยู่ ดังนั้นจึงทำให้ต้าซือมิ่งที่นิ่งงันเป็นครั้งที่สองตั้งสติได้อีกครั้ง!
“เจ้าก้อนมอมแมม!”
ต้าซือมิ่งที่เพิ่งเบนความสนใจจากมารดาของเจ้าก้อนมอมแมมรีบเดินก้าวออกไปทางประตูหลังของห้องพักทันที เขาไม่คิดเลยว่าเพียงแค่เขาคลาดสายตาไปเล็กน้อย เจ้าก้อนมอมแมมนั่นก็ถูกรังแกเสียแล้ว!
ในขณะเดียวกัน…
วิ้ง!
ตอนที่ 177 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก…
พลังจิตวิญญาณที่แผ่ซ่านเมื่อครู่นี้ทะลวงค่ายกลควบคุมของหอจวินเป่า เยี่ยนอวี๋ที่สอดส่องไปรอบทิศ บัดนี้นางมาปรากฏอยู่ข้างหน้าเยี่ยนเสี่ยวเป่าแล้ว
“อุแว้!”
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่คายเนื้อในปากออกไม่หยุดและร้องไห้จนมิอาจลืมตาได้นั้น เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าท่านแม่ของเขามาแล้ว เขาจึงโผเข้าหาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ จากนั้นก็ส่งเสียงร้องดังกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ที่อุ้มเด็กน้อย ‘กลิ่นซุปเนื้อตุ๋น’ ไว้ในทันที หัวใจของนางแทบจะสลาย “เสี่ยวเป่า!”
“อุแว้…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รู้สึกชาและเผ็ดจนปากระบมเองก็ร้องไห้อย่างหนัก เขารู้สึกเจ็บปากไปหมด
ทว่าเยี่ยนอวี๋ที่อุ้มเด็กน้อยไว้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กน้อยตะกละกินของเผ็ดชาเข้าไป สิ่งที่นางเห็นคือเด็กน้อยถูกซุปหมาล่าที่กำลังเดือดสาดเข้าใส่ และศีรษะยังกระแทกกับถ้วยใบใหญ่ใบนั้นด้วย
เรื่องนี้บีบคั้นหัวใจของเยี่ยนอวี๋สุดขีด ทำให้นางตรวจดูสภาพร่างกายของเด็กน้อยอย่างละเอียดโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด
“อุแว้!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกท่านแม่ปลอบและถอดเสื้อของเขาออกอย่างอ่อนโยนพลันร้องไห้หนักกว่าเดิม น่าสงสารจับใจ “อุแว้…”
สภาพทุลักทุเลและทรมานนั้น ช่างปวดใจเหลือเกิน… เยี่ยนอวี๋รู้สึกสงสารจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว “เสี่ยวเป่า”
“อุแว้…”
“เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อย ‘กลิ่นซุปเนื้อตุ๋น’ เบาๆ ด้วยหัวใจที่แตกสลายพลางเช็ดลำตัว ใบหน้า และศีรษะน้อยๆ ของเด็กน้อยด้วยผ้านิ่มอย่างระมัดระวัง เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจอีกครั้งว่าเด็กน้อยไม่ถูกลวก
แม้เยี่ยนอวี๋จะเห็นแล้วว่าเด็กน้อยปกติดี แต่นี่ไม่สามารถทำให้นางลดความเจ็บปวดใจและความกังวลลงได้ โดยเฉพาะเมื่อเด็กน้อยยิ่งร้องยิ่งดังและยิ่งทุกข์ทรมาน ก็ยิ่งทำให้นางปวดใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด “เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าบอกแม่ ไม่สบายตรงไหน”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้น่าสงสารก็อ้าปากให้แม่ น้ำตาเม็ดโตยังคงไหลอาบแก้มอย่างต่อเนื่อง ช่างน่าสงสารจริงๆ! เขาไม่เข้าใจว่าเนื้อหอมๆ นั่นทำไมต้องกัดปากของเขาด้วย เมื่อเด็กน้อยนึกขึ้นได้ว่าอันที่จริงเขาต้องการไปหาท่านพ่อคนงามของเขาด้วยเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้าน เขาก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งและร้องหนักกว่าเดิม “อุแว้…”
เยี่ยนอวี๋ยิ่งรู้สึกสงสาร นางช่วยดูปากของเด็กน้อย แต่ก็ไม่พบว่ามีปัญหาอะไร นางจึงทำได้เพียงป้อนยาน้ำที่มีรสชาติหวานเล็กน้อยเพื่อบรรเทาอาการของเขา
แจ๊บๆ เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่ากลืนยาน้ำที่ให้ความเย็นและความหวานลงไป เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก ทว่าสิ่งนี้มิอาจหยุดยั้งความน้อยเนื้อต่ำใจของเขาได้ เขายังคงกอดท่านแม่คนงามของเขาไว้แน่นอย่างเศร้าเสียใจ
“เสี่ยวเป่า…” เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะของเด็กน้อยไม่หยุด นางปลอบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เสี่ยวเป่าไม่ต้องกลัว เสี่ยวเป่าไม่ร้องนะ เสี่ยวเป่าไม่ต้องกลัว…”
ในขณะเดียวกัน อินหลิวเฟิงและเยี่ยนจื่อเสาที่ตามเยี่ยนอวี๋มาก็ทราบเรื่องจากปากขององครักษ์หอจวินเป่าแล้ว
“คุณหนูสามตระกูลเฉาน่าจะลอยกระเด็นออกไปตอนที่ท่านปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนปรากฎตัว แต่ข้าเห็นไม่ชัดว่านางหายไปอย่างไร แต่ผู้ติดตามของนางคือ…”
องครักษ์หอจวินเป่ากำลังเล่าเรื่องทั้งหมดตามความเป็นจริง เขายังพูดไม่ทันจบ เฉาผิงผิงและลูกน้องห้าคนของนางก็ถูกเม่ยอ๋อร์จับโยนกลับมาที่เดิมแล้ว พวกเขาล้มลงต่อหน้าองครักษ์หอจวินเป่าเสียงดัง ตุบๆๆ
องครักษ์หอจวินเป่า “…”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ตัวและพูดขึ้นว่า “พวกเขา!”
“บังอาจนัก!” อินหลิวเฟิงโกรธจนหัวเราะขึ้นมา เขาไม่เคยพบเจอคนชั่วร้ายและโง่เขลาเช่นนี้มาก่อน หรือว่าคำเตือนก่อนหน้านี้ของเขายังไม่หนักแน่นพอ
เยี่ยนจื่อเสาจ้องเฉาผิงผิงอย่างเยือกเย็นราวกับจ้องศพอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาเฉาผิงผิงที่แต่เดิมจะสลบไปแล้วต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา “เจ้า เจ้าจะทำอะไร”
“หึ…” เยี่ยนจื่อเสาเดินไปทางเฉาผิงผิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทำเอาฝ่ายหลังตกใจกลัวจนจะเดินถอยหลัง แต่นางที่ถูกแรงสะเทือนจากเยี่ยนอวี๋จนบาดเจ็บหนักแล้วยังถูกเม่ยเอ๋อร์โจมตีกลับมาจนไม่สามารถขยับตัวได้เลย
กร๊อบ! เยี่ยนจื่อเสาเหยียบข้อเท้าข้างหนึ่งของเฉาผิงผิงอย่างง่ายดาย และเท้าข้างนั้นก็คือเท้าที่เตะถ้วยซุปเนื้อตุ๋น!
ในขณะที่นางยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ เสียงกระดูกร้าวดังกรอบแกรบที่ดังขึ้นไม่หยุดก็แผ่ซ่านความเจ็บปวดจากบริเวณข้อเท้าของนาง เจ็บจนนางกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานไม่หยุด
ทว่าแม้เฉาผิงผิงจะเจ็บปวดสุดขีดอย่างไร นางกลับยังมีแรงเหลือร้องขอความช่วยเหลือ “ท่านพี่! ท่านพี่… ช่วยข้าด้วย!”
แต่น่าเสียดาย
กร๊อบ!
เยี่ยนจื่อเสาในฐานะที่เป็นพี่รองของเยี่ยนอวี๋ เมื่อเขาได้ยินคำว่า “ท่านพี่” เขาก็เหยียบขาอีกข้างหนึ่งของเฉาผิงผิงจนหักทันที ขาของนางแหลกสลายทั้งเนื้อหนังอย่างสิ้นเชิง
“โอ้ย…”
เฉาผิงผิงเจ็บจนแทบจะสลบไปแล้ว!
“ตื่น!” ดวงตาแดงฉานดุจโลหิตของเยี่ยนจื่อเสาจ้องเฉาผิงผิงเขม็ง เขาใช้พลังจิตอันทรงพลังบังคับให้เฉาผิงผิงประคองสติ ไม่ยอมให้นางสลบไป
“ไม่ ไม่…”
เฉาผิงผิงตกใจจนตะเกียกตะกายอยากจะถอยไปข้างหลัง นางรู้สึกเพียงว่าคนที่อยู่ในชุดคลุมตรงหน้าคนนี้เป็นดั่งปีศาจนรก นางพยายามหนีไปจากเขา
แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่เฉาผิงผิงเค้นพลังจิตใต้สำนักเพื่อก้าวไปข้างหลัง เยี่ยนจื่อเสาก็เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว และเหยียบลงบนขาข้างหนึ่งของเฉาผิงผิง เนื้อหนังและกระดูกบริเวณที่เขาเหยียบแหลกสลาย
ฉากนองเลือดและไม่เหมาะแก่เด็กเช่นนี้ก็ทำเอาเม่ยเอ๋อร์ที่เพิ่งหิ้วผู้แข็งแกร่งตระกูลเฉาคนหนึ่งกลับมาตกตะลึงเช่นกัน ทว่าเยี่ยนจื่อเสาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
ถึงแม้ว่า…